ตั้งชื่อบทความให้ “หวาดเสียว” ไว้ก่อน ยุคนี้เขาบอกว่าต้องหวือหวาเข้าไว้ คนจะได้ “อยากรู้” (ฮา...)
1) ทำไมจึงตั้งคำถามนี้
เพราะ ก. ไม่เห็นลุงตู่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเจตจำนงใด ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลย คนเราหากมีเจตจำนงอะไรสักอย่าง จะเกิดความกระตือรือร้นในการผลักดันเรื่องนั้นๆ ให้เกิดขึ้นโดยไว ถามว่า ทุกวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความสนใจเรื่องอะไร หรือผลักดันเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การปฏิรูป หรือแม้แต่ยุทธศาสตร์ชาติ
ข. ลุงตู่เป็นเสมือน “นายกฯ หุ่น” หรือ “พรีเซ็นเตอร์” แต่ “ภาระหน้าที่” หรือการ “ถืองาน” อะไรเอาไว้ ไม่มีใครเห็นชัดหรือไม่มีความโดดเด่นเลย ว่าคือ “งานไหน” หรือ “ประเด็นอะไร” ลุงเหมือน “คนนำทาง” ที่คนเดิมตามเริ่มตั้งคำถามว่า “จะพาไปไหน”หรือแค่ “เดินไปก่อน เดินไปเรื่อยๆ” ไอ้ครั้นจะบอกว่าวันนี้ลุงตู่อยู่ในสภาพเดียวกับ “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิตรรักแฟนเพลงของท่านก็จะมา “รุมด่า” เอา แต่ดูเถิดครับ นอกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีโดยตำแหน่งแล้ว ท่าน “ถืองาน” และ “ทำงาน” อะไรเป็นหลัก ท่านมุ่ง “ขับเคลื่อน” หรือ “ผลักดัน”เรื่องอะไร นอกจากงานอีเว้นต์รายสัปดาห์และเป็นประธานงานประชุมเสมือนเป็น “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่” คนหนึ่งเท่านั้น
ค. เราจะเห็น “อนุทิน ชาญวีรกูล” ผลักดันเรื่องน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ แม้ว่าเรื่องนี้จะเคลื่อนตัวด้วยคนในวงการแพทย์ เภสัชกร และหมอยาพื้นบ้าน ที่เป็นผู้สร้าง “เนื้องาน”จริงๆ ก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่า การถูกจุดขึ้นมาเป็นกระแส และช่วยออกแรง “ผลัก” ก็คือความมุ่งมั่นของ “เสี่ยหนู” ที่ช่วยเป็น“ไม้กันหมา” ในบางเรื่อง เป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ในบางเรื่อง และเป็นผู้นำที่ทำให้คนหันมาสนใจ ถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง ส่วนเรื่องที่แกโอเว่อร์ไป ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง เช่นปลูกบ้านละ 6 ต้น อย่างนี้เป็นต้น
ถัดมาเราจะเห็น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ กับ “เงาตามตัว”คือ ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ถืองาน “เซลส์แมน” เดินสายขายข้าว ขายยางพารา ขายมันสำปะหลัง ฯลฯ แม้คำสั่งซื้อจริงยังไม่ได้ตามมาอย่างที่เป็น “ข้อตกลง” แต่ก็นับว่า “ถืองาน” และ “ทำงาน” อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ มี “ผลงาน” ที่ “เห็น” ได้ ว่าทำอะไรอยู่
เราจะเห็น วราวุธ ศิลปอาชา ทำงานที่อาจจะดูเป็น “เรื่องเล็กๆ”ในความรู้สึกของหลายๆ คน อย่าง การรณรงค์ให้งดใช้ถุงพลาสติก แต่ก็ยังเห็นเป็น “งานต่อเนื่อง” งานที่ถือและทำ
เราจะเห็น “ชวน หลีกภัย” มุ่งมั่นที่จะรักษา “มาตรฐาน” และ “ความน่าศรัทธา” ของ “สภา” เอาไว้ แม้ต้องเจอกับสภาพ “บ้าห้าร้อยจำพวก” ผุดโผล่มาท้าทาย “ตบะ” ของท่านอยู่เนืองๆ
แต่พล.อ.ประยุทธ์ ถืองานอะไรไว้ และทำอะไรอยู่ ที่ไม่ใช่เดินทางไปนั่นไปนี่ แล้วกลับมาประชุม ครม. แถลงข่าวกับสื่อ และให้ความเห็นทางการเมืองบ้างนิดๆ หน่อยๆ ท่านมีเจตจำนงพิเศษอะไรไหมว่า ในระยะ 3 เดือน 6 เดือนแรกของรัฐบาลท่าน จะ“มุ่งแก้ปัญหา” อะไร หรือมุ่ง “ขับเคลื่อน” นโยบายไหน ให้เป็นผลสำเร็จ ลองทำสถิติการออกงานอีเว้นต์ของท่านดูนะ ว่าท่านกับยิ่งลักษณ์ในครึ่งปีแรก ใครออกงานอีเว้นต์มากกว่ากัน อาจได้ตัวเลขสนุกๆ มาดูเล่นกันก็ได้
2) ลุงตู่ คือผู้นำประเทศจริงไหม?
ในทางกฎหมาย ท่านคือ “นายกรัฐมนตรี” แต่ในทางปฏิบัติ ท่านเป็น “ผู้นำ” อะไรบ้าง
เป็นผู้นำคณะรัฐมนตรี? ถ้าเป็น ท่านต้องมีบทบาท “ผู้นำ”มากกว่านี้ คือนำคณะรัฐมนตรีไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยที่ท่านกำกับ ดูแล ติดตาม อยู่ตลอดเวลา แต่นี่ไม่มีเลย ท่านแจกงานไปตามโควตาของพรรคแกนนำหลัก คือ พรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมทั้งหลายเสร็จแล้ว ท่านก็เดินสาย “ออกงาน” ต่างๆ ของท่านไป แต่ขาดบทบาทของการเป็น “ผู้ขับเคลื่อน” ตัวจริง จะมองสวยๆ ว่าท่านไม่ก้าวก่ายแทรกแซงก็ได้ แต่ในความสวยงามนั้น“ภาวะผู้นำ” ของท่านก็สูญหายไปอย่างสวยงามด้วย เพราะท่าน “ไม่มีงาน” อะไรอยู่ในมือของท่านเลย
ในแง่เศรษฐกิจ ท่านเป็นผู้นำไหม? ท่านกำหนดเป้าหมายเพื่อให้คณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเร่งรีบเดินทางไปถึง เพื่อนำพาประชาชนออกจากความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจไหม คณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกับท่านใคร “เงียบ” กว่ากันในเวลานี้อะไรคือ “ความหวัง” ของประชาชน ที่เกิดจาก “ภาวการณ์นำ” ของตัวท่าน พร้อมๆ กับ “ทีมเศรษฐกิจ” แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากตัวท่านและคณะ ที่จะ “ขับไล่ความมืด” ของประชาชน เปรียบได้กับแสงของอะไร หิ่งห้อย ไม้ขีด ตะเกียง เทียนไต้ หรือไฟฟ้า
ในแง่การเมือง ท่านเป็นผู้นำไหม? ท่านนำพาประชาชนมารวมตัวกันเพื่อรักประเทศชาติ เพื่อต่อสู้ฟันฝ่ากับปัญหาที่มีร่วมกันอย่างแข็งแกร่ง หรือท่านเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การ “แบ่งแยกเพื่อปกครอง” ท่านพูดจาหรือวางท่าทีให้คนในชาติคลายความโกรธ ความเกลียด ความขัดแย้งมาสู้ความเข้าอกเข้าใจ แสวงจุดร่วม ด้วยกันไหม ท่านปลุกกระแสการเมืองใสสะอาด ให้ผู้คนเข้าร่วมและเต็มไปด้วยพลังศรัทธาต่อการเมืองชนิดนี้ไหม ในทางการเมือง คนไม่เห็นบทบาทสำคัญอันใดนอกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่พยายาม “ลอยตัว” ว่าฉันไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐนะ ฉันคือฉัน แต่ทิศทางของการเป็นผู้นำทางการเมืองของท่าน คืออะไร?
ในทางสังคม ท่านเป็นผู้นำไหม? เช่น ถ้าท่านจะเอาจริงเอาจังเรื่องงาน “จิตอาสา” ท่านควรสวมหมวก ผูกผ้าพันคอ ไปตามที่ต่างๆ เพื่อชักชวนประชาชนขุดลอกแหล่งน้ำ เก็บสวะ เก็บผักตบ เพื่อให้มีแหล่งน้ำสะอาดเอาไว้ใช้ แถมเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน ไปชวนกันเก็บขยะชายหาด ไปเดินเพื่อสุขภาพรณรงค์ให้คนดูแลสุขภาพ เพื่อลดภาระที่รัฐจะต้องดูแลเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ไปชวนวัยรุ่นให้มาเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลเพื่อจะได้เห็นการทำงานของบุคลากรในนั้น ว่าเหนื่อยยากตรากตรำเพียงใด ไม่ควรที่ใครจะมา “ยกพวกตีกัน” ในโรงพยาบาล ไปปลูกป่า ไปทัศนศึกษาในแหล่งเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แล้วชักชวนคนในพื้นที่ใกล้เคียงเรียนรู้ ทำตาม เพื่อยกระดับชีวิตที่ได้ผลจริงขึ้นมา ไปยังโบราณสถานต่างๆ ชักจูงให้คนมาศึกษา มาภาคภูมิใจ ในความเป็นประเทศที่มีอารยธรรมสั่งสมมาหลายยุคหลายสมัย จนได้เป็น “ประเทศไทย” อย่างทุกวันนี้ไปเดินสำรวจทางเท้า ว่าสะอาด เรียบร้อย ไปมาสะดวก หรือพร้อมที่จะสะดุดอะไรต่อมิอะไรหัวทิ่มหัวตำอยู่เสมอ เผลอๆ ถูกรถจักรยานยนต์ชนเอาอีก ฯลฯ
3) ลุงตู่ผู้โชคดี ควรใช้โชคนี้ทำอะไร
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล(SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องภาพลักษณ์ ครม. ในใจประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,212 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 พบว่า
• ภาพลักษณ์ครม. ในใจประชาชน ด้าน “ทำงานหนัก กล้าคิด กล้าทำ” 5 อันดับแรก
ร้อยละ 43.5 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ร้อยละ 34.4 ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ร้อยละ 32.5 ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ร้อยละ 31.3 ได้แก่ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ร้อยละ 30.8 ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
• ภาพลักษณ์ครม. ด้าน มือสะอาด ไม่ด่างพร้อย 5 อันดับแรก
ร้อยละ 42.8 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ร้อยละ 35.9 ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ร้อยละ 32.7 ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ร้อยละ 31.6 ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ร้อยละ 30.2 ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
• ภาพลักษณ์ครม.ด้าน บริหารเก่ง เชี่ยวชาญธุรกิจ 5 อันดับแรก
ร้อยละ 32.5 ได้แก่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ร้อยละ 32.1 ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน
ร้อยละ 30.6 ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ร้อยละ 28.8 ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ร้อยละ 25.4 ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พล.อ.ประยุทธ์ยังมาเป็นอันดับ 1 อีกสองด้านคือ ด้าน บารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้ กับด้าน มีนโยบายช่วยเหลือคนรายได้น้อย
จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ นำมาเป็นอันดับ 1 ทุกด้าน (ซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่าผู้ตอบส่วนมากเขาจับต้องผลงานของท่านจากนโยบายใด หรือชิ้นงานใด) ซึ่งโพลนี้จะมีประโยชน์มาก หากได้คำอธิบายเพิ่มเติมจากประชาชนผู้ตอบแต่เอาเถอะหากโพลนี้สะท้อนความจริงได้ “จริงๆ” พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้รับความนิยมและอยู่ในสภาพ “มีผลงาน” ในทุกๆ ด้านเลย
แต่หากโพลนี้ ไม่ตรงกับความเป็นจริง พาให้หลงผิดคิดว่าตนทำผลงานดีแล้ว จะเป็นโพลที่ให้ผลร้าย
ลุงตู่นั้น มีโชคดีตรงที่ “โครงสร้างทางกฎหมาย” ค้ำยันท่านไว้อย่างแข็งแกร่ง ก็ไม่แปลกหรอก เพราะกระบวนการร่างกฎหมายเกิดขึ้นอย่างจงใจ เลือกบุคลากรแล้ว และมีจุดมุ่งหมายที่จะ “อยู่ยาว” เหมือนที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้เคยกล่าวเอาไว้
จะอยู่ยาวหรืออยู่สั้นเพียงใดก็ไม่ว่า ขอให้เร่ง “แก้ปัญหาของประชาชน” และปัญหาของ “อนาคต” ที่จะรุกไล่คนไทยให้ “จนเงิน” และ “จนตรอก” ตลอดจนพร้อมที่จะลุกขึ้นมา “ปะทะ” กันอย่างรุนแรงได้ กล่าวคือ
3.1 ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า ขาดกำลังซื้อ ขาดรายได้ ขาดเงินหมุนเวียน ในปัจจุบัน ก่อนจะมีหนี้สิ้นทบท่วมเข้ามาอีก และยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้น
3.2 ปัญหาจนก่อนแก่ ไร้เงินออม หนี้ท่วมถึงลูกหลานอย่าลืมว่าสังคมสูงวัยของไทยกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว คนแก่จะมากขึ้น มีที่ดินและที่อยู่อาศัยให้แก่รอความตายกันไหม หนี้ที่จะถูกส่งต่อให้เป็นภาระลูกหลานจะเอายังไง ลูกหลายจะเลี้ยงดูหรือไม่สวัสดิการของรัฐที่ต้องมีรองรับจะทำอย่างไร
3.3 ปัญหาความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศทั้งแล้งจัด อุทกภัย ไร้ป่า อากาศร้อน ฝุ่นควัน ล้วนกระทบต่อการทำมาหากินและการดำรงชีพเป็นอย่างมาก จะจัดการอย่างไรกับแหล่งน้ำ คือ “หาที่ให้น้ำอยู่ หาทางให้น้ำไหล” แก้ทั้งแล้งและอุทกภัยได้ในคราวเดียวกัน แถมมีแหล่งน้ำเป็น “ทุน” สำหรับภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวด้วย สภาพขณะนี้คือการแก้ปัญหาไปวันๆ แต่ขาดการวางแผนงานที่ยั่งยืนถึงอนาคต
3.4 ปัญหาที่เกิดจากคนในรัฐบาล เช่น การเข้าทำกินในที่ดิน 1,700 ไร่ ของปารีณา ไกรคุปต์, ปัญหาที่ดินของรีสอร์ทที่พรรคพลังประชารัฐไปจัดสัมมนา, ปัญหาการถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ของนายวิรัช รัตนเศรษฐภรรยา และเครือญาติ ที่ยังทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล เหล่านี้จะทำอย่างไรให้คนเชื่อถือระบบ ศรัทธาในมาตรฐานการตรวจสอบและความสง่างาม
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของปัญหาที่หยิบยกมาแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ที่เหลือเราต้องการเห็น “ปัญญา” มองเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง และใจที่จะกระตือรือร้น แก้ปัญหานั้น
กฎหมายประคองค้ำให้อยู่ในอำนาจสบายๆ สว. ดูแลเอาใจใส่สุดชีวิต ฝ่ายค้านก็ปวกเปียก อ่อนแอ สาละวนอยู่กับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและรูปแบบการปกครอง
สถานการณ์แบบนี้มันเอื้อให้ “ทำหน้าที่” ได้อย่างสบายๆ
แต่อะไรคือ “งาน” ของพล.อ.ประยุทธ์
อะไรคือความมุ่งมั่น และสิ่งนั้นจะกลายเป็น “อนุสาวรีย์” ของท่านในกาลข้างหน้า
ทำทุกอย่างเพื่อจะมาจนถึงวันนี้แล้ว ถามว่าทำเพื่ออะไร และจะใช้โอกาสนี้ทำอะไร
ท่านจงตอบด้วย “การลงมือทำ” นับจากนี้เถิด!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี