วันพฤหัสบดี ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569
เกือบแปดสิบปีแล้วที่คณะผู้ก่อการซึ่งประกอบด้วยทหารและพลเรือนที่นำเอาลัทธิที่เรียกว่าประชาธิปไตยตามที่ได้ศึกษามาจากประเทศในทวีปยุโรป คือ ฝรั่งเศสมาทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ โดยอ้างว่านำเอาการปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่แต่ปรากฏในทางปฏิบัติมิได้เป็นการปกครองตามแบบอย่างการปกครองระบอบดังกล่าว แต่กล่าวได้ว่าเป็นการปกครองระบอบอภิชนาธิปไตย หรืออำมาตยาธิปไตยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
กล่าวคือ หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา การปกครองประเทศได้เกิดการปกครองระบอบเผด็จการสลับกับการปกครองระบอบคณาธิปไตย ดังปรากฏในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีผู้เผด็จการคนแรก คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งปกครองประเทศครั้งแรกประเทศตกอยู่ในภาวะสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศไทยในขณะนั้นเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายอักษะ คือ ญี่ปุ่นและเยอรมนี ซึ่งทั้งสองประเทศก็ปกครองโดยระบอบเผด็จการ คือ ประเทศเยอรมนี ปกครองโดยผู้เผด็จการ คือ ทหารยศนายสิบ ชื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ส่วนญี่ปุ่น คือ นายพลโตโจ
ครั้นเมื่อสงครามโลก ครั้งที่ 2 สงบลงด้วยการพ่ายแพ้ฝ่ายสัมพันธมิตร คือ อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส จอมพลป. พิบูลสงคราม ถูกจับเป็นอาชญากรสงคราม โดยคณะเสรีไทย ซึ่งนำโดย นายปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นหัวหน้าซึ่งขณะนั้นท่านมีตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ร่วมกับเสรีไทยในประเทศอังกฤษ คือ ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมกับนักเรียนไทยที่ไปศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งบางส่วนได้ทำการกระโดดร่มชูชีพลงในประเทศไทย และบางส่วนเดินทางจากประเทศจีน
สำหรับเสรีไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา นำโดยหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ขณะนั้นท่านเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศว่าการประกาศสงครามของประเทศไทยเป็นโมฆะทำให้ประเทศรอดพ้นจากการพ่ายแพ้สงครามโลก ครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดีต่อมา จอมพลผิน ชุณหะวัณ ได้ทำการรัฐประหารจากคณะรัฐบาลที่สนับสนุน นายปรีดี พนมยงค์ โดยขับไล่รัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรี ชื่อ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ และเชิญ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง
จนกระทั่ง พ.ศ. 2500 มีการเลือกตั้งทั่วไปที่เรียกว่า เลือกตั้งสกปรกเกิดการเดินขบวนของนิสิต นักศึกษา คัดค้านการเลือกตั้งสกปรก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ผู้บัญชาการทหารบก ทำการปฏิวัติและตั้งตัวเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงแก่อนิจกรรม จอมพลถนอม กิตติขจร กับคณะสืบต่ออำนาจจนถึง พ.ศ. 2516 เกิดขบวนการนิสิต นักศึกษา นักเรียนและประชาชน จนจอมพลถนอมกิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร ต้องออกจากประเทศไปประเทศไทยได้กลับมาปกครองระบอบประชาธิปไตยในระยะสั้นๆ แล้วกลับเป็นการปกครองระบอบเผด็จการ สลับประชาธิปไตยจนกระทั่งครั้งสุดท้าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ทำการปฏิวัติ เมื่อพ.ศ. 2557 และประกาศว่าจะอยู่บริหารประเทศไม่นาน แต่ก็อยู่จนกว่า 5 ปี และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับครึ่งใบ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ใดก็ตามทำให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้กติกาที่ผู้แทนราษฎรจากพรรคที่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้กลับมาเป็นรัฐบาล คนหนึ่งถึงกับประกาศว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อพวกเราซึ่งอาจแปลความได้ว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญเป็นเนติบริการที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้เผด็จการให้ร่างเพื่อการสืบทอดอำนาจ
สรุปรวมความว่า สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยเพียงตัวหนังสือ แต่ในทางปฏิบัติยังเป็นสังคมอำมาตยาธิปไตยหรืออภิชนาธิปไตยตลอดมาจนปัจจุบัน ซึ่งสังคมแบบนี้ไม่ใช่เป็นสังคมของอภิชนทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นสังคมอภิชนในทุกมิติ ไม่ว่าทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นสังคมชนชั้นไม่ว่าทางการเมืองก็มีอภิสิทธิ์ชนทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างผู้มีอิทธิพลรุกป่าซึ่งผิดกฎหมายอย่างหน้าตาเฉย การผูกขาด ฯลฯ ทางสังคมมีนายกับลูกน้อง เจ้านายกับคนรับใช้ ซึ่งพฤติกรรมไม่แตกต่างกว่า ลัทธิเจ้าขุนมูลนาย ในอดีตเลย เสมือนกับทาสที่ยังไม่ยอมปลดปล่อย แล้วเมื่อใดสังคมไทยจะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าคนไทยที่รักประชาธิปไตยไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการที่เป็นมาตั้งแต่ในอดีตจนปัจจุบัน

'ดร.ส้ม' ลั่นไม่เคยเคลมผลงานใคร ยันลุยดัน กม.คุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี62
มีหนาว! คุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ใหญ่บ้าน
สุริยะใส ย้อนเกล็ด เลือกตั้ง ไม่เอาลุง ครั้งนี้ ไม่เอาเทา คงได้ รัฐบาลเทวดา
แฉทุนจีนแย่งอาชีพคนไทย รุกธุรกิจเผาถ่านกะลามะพร้าว ทำผู้ประกอบการไทยเดือดร้อน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี