ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ (ชุดเล็ก) ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ตกรอบแรก เพราะทำได้เพียงเสมอกับทีมชาติเวียดนาม 2-2
ผลงานซีเกมส์ 5 นัด ได้แก่ ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ ไปต้อนรับเด็กๆ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า
“วันนี้ก็มารับน้องๆ นักกีฬา และก็มาให้กำลังใจ ห้วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการให้กำลังใจ ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ ก็ต้องมาให้กำลังใจ เพราะน้องๆ นักกีฬา ยังมีภารกิจที่ต้องทำหน้าที่ให้ทีมชาติไทยในเดือนหน้าซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญ ในระดับเอเชีย... วันนี้กำลังใจจะทำให้เขามีความรู้สึกที่พร้อมจะทำหน้าที่แทนคนไทยทั้งชาติ ก็อยากขอแฟนบอลให้กำลังใจกัน เพราะกำลังใจสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ กล่าวว่า
“ก่อนอื่นก็ต้องกล่าวขอโทษแฟนบอลทุกคนด้วยนะครับ ที่เราทำผลงานได้ไม่ค่อยดี และก็ต้องขอโทษด้วยที่เราต้องกลับมาถึงประเทศไทยเร็วกว่ากำหนด แต่ผมคิดว่าในการแข่งขันครั้งนี้ นักกีฬาทุกคนได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว... คิดว่าการไปครั้งนี้ นักกีฬาแต่ละคนก็น่าจะได้ประสบการณ์ชั้นดี ว่าเราจะทำได้ดีกว่านี้ได้ ส่วนตัวผม การไปทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ได้ทำให้เรารู้จักนักกีฬารุ่นนี้มากยิ่งขึ้น แต่ที่ผ่านมา เรายังเตรียมตัวได้ไม่ดีพอ ซึ่งผมเชื่อว่านักกีฬาทั้ง 20 คนนี้ ผมยังเลือกใช้งานได้ไม่ถูกต้อง.. ก็ต้องขอบคุณแฟนบอลชาวไทยทุกคนที่ให้การสนับสนุน ก็เชื่อว่านักกีฬาของเราได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สิ่งที่เรายังขาดและบกพร่องไป เราก็ต้องพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น”
ส่วนผลงานทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น นับว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ
1. ผลงานของทีมชาติไทยชุดซีเกมส์หนนี้ ต้องยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายแน่นอน
สำหรับการแข่งขันซีเกมส์แล้ว ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็คือความล้มเหลว
2. ท่าทีของทั้งนายกสมาคม และโค้ช ถือว่ายอมรับสภาพได้ดีพอสมควรโดยไม่ไปกล่าวโทษนักเตะ ซึ่งเป็นเด็กๆ อายุต่ำกว่า 23 ปี แต่มุ่งเน้นไปที่การทำงานหนักเพื่อพัฒนาทีมต่อไป
3. ช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ฟุตบอลทีมซีเกมส์ของเราล้มเหลว แต่นักฟุตบอลทีมชาติชุดใหญ่ของเราคนหนึ่งได้ประสบความสำเร็จสำคัญ โดยสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีคสูงสุดของญี่ปุ่นได้เป็นผลสำเร็จ
นั่นคือ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กับผลงานร่วมกับทีมโยโกฮามา เอฟ. มารินอส แชมป์เจลีกฤดูกาลนี้
สะท้อนถึงศักยภาพของผู้เล่นไทยได้เป็นอย่างดีว่า หากได้รับการฝึกฝน ฝึกซ้อม พัฒนาความสามารถอย่างถูกวิธี ต่อเนื่อง เป็นมืออาชีพ ก็สามารถยกระดับขึ้นไปเล่นระดับเดียวกับผู้เล่นแถวหน้าของเอเชียได้อย่างไม่เป็นรอง
4. ธีราทร บุญมาทัน เป็นผู้เล่นตำแหน่งแบ๊กซ้าย ย้ายจากสโมสรในไทยไปค้าแข้งสโมสรฟุตบอลในญี่ปุ่น
เขาไม่ได้ประสบความสำคัญทันทีทันใด ในสโมสรแรกที่ย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่น แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จกับทีมวิสเซล โกเบ เขาก็ยังมีความมุ่งมั่น ถูกยืมไปเล่นกับทีมโยโกฮามา เอฟ. มารินอส ทำงานหนักจนได้เป็นผู้เล่นตัวหลัก และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เจลีกได้อย่างยิ่งใหญ่
แอดมินของแฟนเพจเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล “Sockr” ได้เขียนถึงความสำเร็จของธีราทรไว้อย่างน่าสนใจ
ว่าด้วยเรื่อง “#opinion สิ่งที่มีความหมายมากกว่าแชมป์ เจลีก”
มีข้อมูลและมุมมองที่น่าคิด น่าถอดบทเรียนความสำเร็จ
ขอนำบางส่วนมาเรียงร้อย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่วงการกีฬาบ้านเรา ดังนี้
“.... เห็นภาพรอยยิ้มกว้างกับอาการลุกลี้ลุกลนของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่ยืนอยู่แถวหลังของทีมโยโกฮามา เอฟ. มารินอส ในพิธีการฉลองแชมป์ฟุตบอลเจลีก ฤดูกาล 2019 แล้วมันชวนให้คิดถึงอะไรหลายอย่างอยู่นะครับ
โดยเฉพาะเรื่องการก้าวเดินของเขาที่มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
จากคนที่ไม่ได้โอกาสอยู่ต่อกับวิสเซิล โกเบ ทำท่าเหมือนจะต้องกลับมาเล่นในบ้านเกิด แต่สุดท้ายแล้วได้ตั๋วรถด่วนขบวนเกือบสุดท้ายให้กลับมาเล่นในเจลีกเหมือนเดิมกับ มารินอส
พอย้ายมาแล้วก็ใช่ว่าจะสวยหรู ในทางตรงกันข้ามอุ้มต้องสู้อยู่ไม่น้อย ใช้ทั้งเวลาทั้งความพยายามจนสุดท้ายได้โอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนั้นผ่านไปง่ายๆ
“ทีราตอน” กลายเป็นแบ๊กซ้ายตัวหลักของทีม และที่สุดแล้วเขากลายเป็นหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์เจลีก – เป็นนักฟุตบอลไทยคนแรกที่ได้สัมผัสโทรฟี่แชมป์ลีกลูกหนังที่ดีที่สุดลีกหนึ่งของเอเชีย
ทีเด็ด คือ การที่ในนัดตัดสินแชมป์ “โก๋อุ้ม” ของพวกเรากลายเป็นฮีโร่ของทีมเมื่อซัดประตูเบิกร่องให้ทีมขึ้นนำ ซึ่งเป็นการแทบจะการันตีแชมป์ให้มารินอสตั้งแต่วินาทีที่บอลเข้าไปตุงตาข่าย (แบบที่เทพีแห่งโชคหันมาฉีกยิ้มกว้างให้) ภาพหลังจบเกมที่เจลีกเลือกใช้ทำกราฟิกสรุปการแข่งขัน ก็เป็นภาพที่เพื่อนๆ มาร่วมฉลองประตูกับเขา
จากจุดสตาร์ทถึงตรงนี้ทุกอย่างมันช่างน่าเหลือเชื่อครับ
ส่วนตัวผมเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะแฟนบอลชาวไทยที่ไม่ได้คาดหวังว่าอุ้มจะมาไกลขนาดนี้เพราะแฟนบอลญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้มองว่าเขาจะก้าวมาได้ถึงจุดนี้ และบางทีแม้แต่ตัวของเขาเองก็อาจจะไม่ได้คิดฝันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน เพียงแต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาได้ทุกอย่างมาเพราะโชคหรือดวง
ในทางตรงกันข้าม เขาได้ทุกอย่างมาด้วยความพยายามของตัวเองล้วนๆครับ
ท่ามกลางหมู่นักเตะไทยในแดนซามูไร ต้องบอกว่าอุ้มเป็นคนที่จะบอกว่าโชคดีก็ใช่ แต่ในอีกทางเขาก็อยู่ใต้ความกดดันสูง เพราะได้อยู่กับทีมที่เป็นสโมสรใหญ่อย่างมารินอส
สโมสรใหญ่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของจำนวนแชมป์ หรือความสำเร็จในระยะหลังเพียงอย่างเดียว เพราะถึงทีมจะไม่ได้แชมป์มายาวนานกว่า 15 ปี แต่โยโกฮามา เอฟ.มารินอส คือหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกับ คาชิมา แอนท์เลอร์ส และ อุราวะ เรด ไดมอนด์ส
สโมสรเหล่านี้ไม่ได้ร่ำรวยแค่ความสำเร็จ แต่รุ่มรวยด้วยประวัติศาสตร์ เรื่องราว และความผูกพันระหว่างสโมสรและแฟนฟุตบอล
มารินอส หรือชื่อเดิมคือนิสสัน มอเตอร์ส เอฟซี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1972 ครับ ดำเนินกิจการมายาวนาน และเป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมก่อตั้งฟุตบอลเจลีกยุคใหม่เมื่อปี 1992 ...มารินอส (ซึ่งได้ควบรวมเอาทีม โยโกฮามา ฟลิวเกลส์ สโมสรคู่แข่งร่วมเมือง
ที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้หลังสปอนเซอร์หลักอย่าง ANA ขอถอนตัวจากการสนับสนุน จึงเปลี่ยนชื่อทีมเป็น โยโกฮามา เอฟ. มารินอส โดย เอฟ.คือฟลิวเกลส์ นั่นเอง) ยังเป็นเจ้าของสนามฟุตบอลที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอย่างสนามนิสสัน สเตเดี้ยม ที่มีความจุถึง 75,000 คน ซึ่งเป็นสนามที่ได้จัดนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002
การเล่นให้ทีมใหญ่เหล่านี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าความกดดันและความคาดหวังนั้นสูงกว่าทีมในระดับที่รองลงไปอย่าง คอนซาโดเล ซัปโปโร หรือโออิตะ ทรินิตะ ของชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ครับ
แต่ก็เพราะการเล่นให้สโมสรระดับนี้เช่นกันที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอุ้มให้เป็นคนใหม่
ถ้าสังเกต เราจะเห็นว่าเขาดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก การวางตัวดูดีขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องของวัยวุฒิแล้ว สิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ก็มีส่วนขัดเกลาให้เขาเติบโต และแน่นอนครับว่า การอยู่กับคนเก่ง เราก็มีโอกาสจะเก่งตามไปด้วยไม่ยาก ในวงเล็บว่าถ้าเราพยายามได้มากพอและไม่ท้อไปเสียก่อน
อุ้ม พิสูจน์สิ่งนี้ให้เห็นครับว่ามันเป็นเรื่องจริง ผ่านการเล่นของเขาในสนาม ผ่านการวางตัว ผ่านอะไรหลายอย่างที่เราได้เห็น ผมเองได้โอกาสไปนั่งดูเขาที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 ก็ยังรู้สึกว่าวันนี้เขาเล่นยิ่งเล่นดีกว่าในวันที่เล่นกับวิสเซิล โกเบ ที่ได้เล่นร่วมกับโคตรบอลอย่าง อันเดรส อิเนียสตา เสียอีก
เกมรุกอาจจะไม่ได้ขยับสูงเท่า แต่การเล่นครบเครื่องขึ้นมาก และที่สำคัญทั้งหมดคือการเล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง เขาอาจจะไม่ใช่สตาร์เด่นของทีมเหมือนที่ชนาธิป เป็นกับ “คอนซะ” แต่เขาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มให้มารินอส กลายเป็นทีมที่ดีขึ้น
ดีแค่ไหน? ก็แค่จากอันดับ 12 ในฤดูกาลที่แล้วสู่การเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้
มาร์กอส จูเนียร์ จะซัลโวกี่ประตูก็ตาม, “เอเรกิ” เอริค ลิมา จะโชว์ความเร็วสายฟ้าฟาดเข้าไปยิงประตูเท่าไหร่, เทรุฮิโตะ นาคากาวะ จะปล่อยพลังคลื่นเต่ากี่ครั้ง พวกคุณจะเล่นอะไรก็เล่นไป แต่พื้นที่ทางฝั่งซ้ายขอให้วางใจได้ เพราะธีราทรคนนี้คุมอยู่หมัด
แฟนบอลญี่ปุ่นเขายกย่องว่า ซ้ายของอุ้มเป็น “เท้าซ้ายปีศาจ” เชียวนะครับ
ทีนี้สำหรับชาวไทย - ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอยู่ในอารมณ์ท้อแท้กับการตกรอบแรกฟุตบอลซีเกมส์ - สิ่งที่เราควรจะรู้สึกไปกับความสำเร็จของ ธีราทร ไม่ใช่จบแค่การดีใจและฉลองแชมป์กันแป๊บๆ
มันมีหลายสิ่งที่เราน่าศึกษาจากความสำเร็จของอุ้มในวันนี้ครับ เขาพยายามอย่างไร? เขาสู้แค่ไหน? เขาทำอย่างไรที่จะไม่ยอมแพ้แม้ในวันที่ทุกอย่างยากลำบาก? และเขาพยายามคว้าโอกาสของเขาอย่างไร?
เหมือนครั้งหนึ่งที่วงการฟุตบอลญี่ปุ่น เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆจากการออกไปผจญภัยในต่างแดนของนักเตะรุ่นบุกเบิกอย่าง “คาซู”, ฮิเดโตชิ นากาตะ, ชุนสุเกะนากามูระ (นี่ก็ตำนานมารินอส) ที่พยายามถางทางให้คนรุ่นต่อไปได้เดินตามมาธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ฐิติพันธ์ และธีราทร กำลังพยายามทำแบบนั้นอยู่
สำหรับธีราทร ความสำเร็จในวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีของวันนี้ครับ ขอบคุณที่ทำให้คนไทยกลับมามีความสุขอีกครั้ง
แต่สิ่งที่จะมีความหมายมากกว่า “ความสุข” คือ “แรงบันดาลใจ” ที่ส่งมาถึงน้องๆ ทุกคนในบ้านเรา ถ้าพี่เขาทำได้ ทุกคนก็ทำได้
ตามพี่เขาไป ;)…”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี