คนเราส่วนใหญ่จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไม่ย่อท้อ ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ด้วยความหวังว่าชีวิตเขาจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย ตามสภาพของการดำรงชีวิต ตามสาขาอาชีพ หรือตามภารกิจหนึ่งใดทั้งหลายที่พวกเขาต้องการ
ความหวังที่ว่านั้น ประกอบไปด้วย ความก้าวหน้า การมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งก็ทำให้มีเรี่ยวมีแรงฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อจะได้สมปรารถนาดังหวังตามมา
ดังนั้น ความหวังจะเป็นจริงเป็นจังได้หรือไม่ ก็มักจะขึ้นอยู่กับตัวตนเองเป็นสำคัญ นอกจากนั้นก็เป็นการขึ้นอยู่กับโอกาส กับบุญบาป วาสนา ส่วนอื่นๆ ก็คงขึ้นอยู่กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นญาติ มิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา หรือลูกน้องก็ตามแต่ โดยบุคคลดังกล่าวเหล่านี้ ก็จัดว่าเป็นบุคคลรอบข้างรอบตัวที่จะช่วยเหลือเกื้อกูล ค้ำจุนกันไป โดยไม่ไปเอารัดเอาเปรียบเอาประโยชน์จากผู้อื่น โดยมีศีลมีธรรม มีทานเป็นตัวกำกับ ซึ่งส่งผลให้สบายทั้งกายและใจ
แต่เมื่อเป็นความหวังในระดับชาติแล้ว ย่อมแตกต่างออกไป เพราะเราคนไทยอย่างไรก็ต้องฝากความหวังไว้กับบรรดาผู้นำ ผู้บริหารประเทศ
(ที่ได้อาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านๆ มา ประชาชนชาวไทย ก็พยายามบอกตัวเองว่า คนเหล่านี้นั้นต่างมีความจริงจัง และจริงใจที่จะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมและชาติบ้านเมืองเป็นการตอบสนองความหวังในการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นในชาติไทยนี้
เมื่อเป็นดังนี้ ผู้นำ ผู้บริหารประเทศ ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการที่จะต้องปฏิบัติตัว ให้สมกับความคาดหวังของประชาชน จะถือเป็นหน้าที่ก็
ไม่ผิดนัก ฉะนั้น ใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นผู้นำ ผู้บริหารประเทศ ผู้รับใช้ประชาชนและชาติบ้านเมือง ก็สมควรที่จะต้องยุติการคิดแต่ตนเอง ต่อฐานเสียง ต่อคะแนนนิยม หรือแม้แต่เสียงแซ่ซ้องเยินยอ และทำการเปิดหูรับฟังเสียงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเสียงเรียกร้องใฝ่หาความยุติธรรมในการดำเนินชีวิตอย่างมีอนาคต มีความหวัง ของประชาชน
ที่ผ่านมาหลายๆ ปีจะเป็นอย่างไร ก็คงไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ส่วนในปีใหม่ 2563 นี้ ถ้ายังพอจะให้ประชาชนไทยพอมีความหวังกับอนาคตประเทศชาติเหลืออยู่บ้าง บรรดาผู้นำ และผู้บริหารทั้งหลายก็ควรได้ตรึกตรองถึงความผิดพลาดในอดีและเริ่มสลัดความเป็นอิเหนา ความเป็นศรีธนญชัย ความเป็นสีเทาๆ ออกไปกันเสียที ก่อนจะมุ่งหน้าตั้งอกตั้งใจทำงานให้กับประชาชนและบ้านเมือง หากทำเรื่องดังกล่าวให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเห็นได้ เขาก็จะเริ่มรู้สึกว่าฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ความหวังก็จะเริ่มบังเกิดในใจของคนไทย ส่งผลให้ประชาชนชาวไทยยืนหยัดอยู่เคียงข้างกับผู้นำรัฐบาล ผู้บริหารประเทศโดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อมีความหวังเกิดขึ้น เขาก็พร้อมสู้ไปด้วยกันเพื่อชีวิตที่มีอนาคต
หากจะบอกว่ายังไม่สายเกินไปที่จะกลับลำ กลับตัว ปรับกระบวนคิด ปรับกระบวนยุทธ์ โดยอาจจะต้องเริ่มสิ่งที่คนเขาเห็นได้โดยง่าย คือการปรับ “ทีมงาน” สีหม่นๆ เทาๆ ออกไปจากคณะบริหารบ้านเมือง และแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีความเหมาะสมแก่ตำแหน่งในการทำงานมาแทนการเลือกใช้คนแบบต่างตอบแทนอย่างที่แล้วๆ มา เขาจะได้รู้สึกว่าสังคมไทยนั้นมีความถูกต้องชอบธรรมปรากฏขึ้นเสียที และชีวิตประชาชนพลเมืองก็จะมีความหวัง
คงไม่มีของขวัญใดๆ สำหรับปี 2563 นี้ ที่ผู้นำ ผู้บริหารประเทศจะทำให้ปวงชนชาวไทยยินดีปรีดาได้มากเท่ากับการขจัด “ความเลว” ออกจากฐานอำนาจไปให้หมด ซึ่งจะทำให้ได้ใจประชาชนในขั้นต้น แล้วยังจะได้ความร่วมมือในระยะยาวต่อไปอีกด้วย
ที่เขียนมาในวันนี้ ใครอ่านแล้วจะรู้สึกว่าเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ก็คงไม่แปลกใจ เพราะดูๆ แล้ว หัวหน้าทีมดูจะไม่สามารถแยกจากลูกทีมสีเทาได้ เมื่อแยกจากกันไม่ได้ก็ต้องคิดลาออก“ล้างมือ” กันไปทั้งทีม คืนอำนาจให้กับประชาชนแล้วประชาชนเขาก็จะรู้ว่าเขาจะต้องทำอย่างไรต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี