วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นับตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบกยึดอำนาจการปกครองและบริหารประเทศในระบอบเผด็จการมาเป็นเวลา 5 ปีกว่า จนกระทั่งยอมผ่อนคลายอำนาจให้ประเทศมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ แม้ตัวเองยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าในการบริหารประเทศ คือ นายกรัฐมนตรีเช่นเดิมก็ตาม แต่อำนาจที่มีอยู่แต่เดิมได้เปลี่ยนไปเพราะในฐานะผู้เผด็จการนั้นมีอำนาจการปกครองในฐานะเป็นองค์อธิปัตย์มีมาตรา 44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์ แต่ปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศในกฎกติกาใหม่ภายใต้กฎกติกาที่กำหนดขึ้นตามรัฐธรรมนูญจะสั่งการใดๆ ตามอำเภอใจมิได้ ฉะนั้นพฤติกรรมใดๆ ที่เคยประพฤติและปฏิบัติมาในฐานะผู้เผด็จการต้องเปลี่ยนไปตามกฎและกติกาใหม่ ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม แต่ต้องตกอยู่ภายใต้กฎกติกาจะสั่งการใดๆ ดังเช่นแต่ก่อนมิได้ ความอึดอัดก็คงจะเกิดขึ้นภายใต้สิ่งแวดล้อมใหม่แต่ถ้าสามารถปรับสภาพภายใต้บริบททางการเมืองใหม่ที่กำลังเดินไปสู่บริบทใหม่ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ
ผลที่เกิดขึ้นนอกจากจะบังเกิดแก่สังคมทั้งมวลแล้ว ตัวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอดีตผู้เผด็จการที่เป็นผู้นำการปกครองระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่สังคมไทยได้สำเร็จจะทำให้ชื่อของท่านจะถูกรู้จักในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่า เป็นผู้เผด็จการที่สามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศให้กลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยได้สำเร็จเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ในเวลาเดียวกันถ้าสถานการณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้ามก็จะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำรอยประวัติศาสตร์ คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หรือจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกปฏิวัติโดยประชาชน
อย่างไรก็ดี สภาพการเมืองของประเทศปัจจุบันกำลังเดินสู่ทางสองแพร่ง ในฐานะประชาชนคนไทยที่รักชาติรักประชาธิปไตยและใคร่เห็นประเทศไม่เดินสู่ความเป็นรัฐที่ล้มเหลวและหวังว่านักการเมืองทุกฝ่ายต้องเห็นความสงบสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นในสังคมไทยภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงวิงวอนให้นักการเมืองทุกฝ่ายใคร่คำนึงถึงการประนีประนอมทางการเมือง ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง มิใช่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
สุดท้ายนี้ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองจึงใคร่ขอร้องผู้มีอำนาจรัฐโปรดใช้วิจารณญาณว่าการที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่จัดกิจกรรมวิ่งทั้งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุง แม้จะผิดกฎหมายก็ขอให้
อย่าใช้กฎหมายเข้าจัดการเลยมิฉะนั้นอาจกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ได้แก่ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี