สถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสอู่ฮั่น
ในประเทศจีน เป็นสถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรง ระดมสรรพกำลังเข้าไปรักษาในเมืองอู่ฮั่น และยังมีการปิดหลายเมือง ยกเลิกกิจกรรมที่มีคนไปรวมกันเยอะทั่วประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะแพร่ระบาด
ส่วนประเทศไทยเรา ยังต้องป้องกันและเฝ้าระวังสำต่อไป
ข้อเท็จจริง คือ ที่มีข่าวพบผู้ติดเชื้อในไทยนั้น ล้วนแต่เป็นการติดเชื้อจากนอกประเทศ ยังไม่ได้แพร่ระบาดจากคนสู่คนภายในประเทศเรา แถมประเทศไทยเรายังรักษาคนที่ติดเชื้อหาย 3 รายแล้ว ส่งตัวกลับบ้านไปแล้วด้วย
แต่มันก็ยังมีคนพวกปัญญาอ่อน จิตใจสกปรกโสมม สำเร็จความใคร่ทางการเมืองด้วยการกระพือข่าวให้คนแตกตื่น หวังโจมตีรัฐบาลดิสเครดิตประเทศตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ตรวจย้อนดู จะพบว่าคนพวกนี้ มักเชียร์พรรคการเมืองหนึ่ง
สันนิษฐานได้ว่า คนพวกนี้ “ติดไวรัสชังชาติ”
อาการขณะนี้ คือ นิยมแพร่กระจายข่าวเท็จ ข่าวปลอม เฟคนิวส์
1. บางราย ไปเอาภาพที่คนไทยในเมืองอู่ฮันนำเสนอสถานการณ์ ภาพตลาดสดปิด เอาผ้าใบคลุมแผงขายของ แต่ถูกพวก “สมองหมา ปัญญาควาย” เอามาบิดเบือนว่าเป็นภาพการปิดศพคนตาย
แล้วผูกโยงด่ารัฐบาลว่าเฮงซวย
กระทั่งคนไทยเจ้าของภาพที่โพสต์ต้นทางในเมืองจีน คือ คุณณัฐวุฒิ เอี่ยมเนตร ต้องออกมาเรียกร้องให้หยุดนำภาพเขาไปบิดเบือน ระบุว่า
“ขอแจ้งหน่อยนะครับ
อย่าเอารูปผมไปบิดเบือนข่าวนะครับ อย่างรูปตลาดสดไม่ใช่รูปศพนะครับ แค่ตลาดปิด ไม่มีของมาขาย เอาไปแชร์ว่าเป็นศพซะงั้น
ส่วนด้านทวิตเตอร์อยากขอแก้นิดนึงนะครับ เรื่อง #รัฐบาลเฮงซวย อ่ะครับ ผมว่ารัฐบาลไม่เฮงซวยนะครับ ทั้งรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย
โดยรัฐบาลจีนตอนนี้ออกกฎหมายควบคุมต่างๆเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และแจ้งข่าวสารให้กับประชาชนอยู่ตลอด และประชาชนส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือด้วยครับ
ส่วนรัฐบาลไทย สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ติดต่อให้ความช่วยเหลือและแจ้งข่าวสารให้กับคนไทยที่อยู่ประเทศจีนอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนั้นยังได้ข่าวดีว่าผู้ป่วยที่ประเทศไทยมีอาการดีขึ้นหลายราย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเราก็มีระบบคัดกรองที่ดี สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้ครับ
ล่าสุด คุณณัฐวุฒิยังให้ข้อมูลสถานการณ์ในจีนเพิ่มเติมว่า
“...ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงและขออภัยที่มีแหล่งข่าวจากหลายสำนักขอสัมภาษณ์แต่ผมไม่ให้สัมภาษณ์นะครับ เพราะมีหลายประเด็นที่ผมไม่ได้รู้ลึก ซึ่งการให้สัมภาษณ์มันจะเป็นดาบสองคมและจะทำให้หลายคนวิตกกังวลไปไกล ดังนั้น ผมขอตอบเป็นประเด็นดังนี้นะครับ
1.คนไทยที่อยู่ที่อู่ฮั่นมีประมาณ 50-60 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา 2.ส่วนใหญ่ พักอาศัยอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยจึงมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เนื่องจากคนไม่พลุกพล่านเพราะเป็นช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอม 3.สถานการณ์ปัจจุบันเมืองอู่ฮั่นเงียบจริงๆ ไม่เปิดตลาดหรือห้างร้าน (อาจเพราะอยู่ในช่วงตรุษจีนด้วยส่วนหนึ่ง) 4.การเดินทางเป็นไปได้ยากเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ แต่ปัจจุบันหยุดให้บริการไปแล้ว 5.ประชาชนที่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก หรือจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล สามารถโทรศัพท์ไปที่สำนักงานเขตที่ตนเองอาศัย จะมีรถที่ทางรัฐจัดมารับส่ง 6.ปัจจุบันยังไม่เกิดสภาวะขาดแคลน จึงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป 7.ประชาชนในอู่ฮั่นต่างเก็บตัวอยู่ในบ้าน และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลดีมาก ส่วนท่านที่อยากเห็นบรรยากาศ
ข้างนอกนั้น ผมคงออกไปถ่ายรูปให้ท่านดูไม่ได้หรอกนะ ผมก็ต้องดูแลตัวเองและให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลจีน อีกอย่างคือช่วงนี้อากาศหนาวและฝนตกทุกวันอยู่ข้างนอกยิ่งเสี่ยงครับ”
2. ล่าสุด Anti-Fake News Center Thailand ก็ชี้แจงการเผยแพร่ข่าวปลอม เกี่ยวกับการจัดการป้องกันการแพร่ระบาดในไทยเราแล้ว
อาจถือได้ว่า การชี้แจงด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงนี้ เสมือนเป็น “วัคซีน” ป้องกัน “ไวรัสชังชาติ” ไปในตัว
ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ บนโลกออนไลน์เกี่ยวกับกรณีกรมควบคุมโรค ได้มีการหยุดใช้เครื่องวัดอุณหภูมิผู้โดยสารที่สนามบินแล้ว หลังทางการเมือง “อู่ฮั่น” สั่งปิดเมืองไปแล้วนั้น
ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่าเป็น ข้อมูลเท็จ
“...โดยข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ ทางด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวนี้ว่า กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ของโรคการติดเชื้อ หรือ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด แม้องค์การอนามัยโลกจะยังไม่ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขที่มีผลกระทบระหว่างประเทศ (PHEC) แต่ทางกระทรวงยังคงมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด
โดยได้ประสานไปยังสายการบิน รวมทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หากพบเห็นผู้มีอาการน่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที และกำชับให้ทุกโรงพยาบาลเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยที่มาจากเมืองที่มีการระบาดได้เพิ่มความเข้มข้นในการรับมือไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ เน้นการเฝ้าระวัง ป้องกันพื้นที่เป้าหมาย
เริ่มจากมาตรการคัดกรองที่สนามบินนานาชาติใน 5 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต และกระบี่ โดยผู้โดยสารทุกคนต้องผ่านการคัดกรอง ด้วยเครื่องตรวจอุณหภูมิอัตโนมัติ หากมีไข้สูง 3 องศา จะแยกให้สวมหน้ากากอนามัย และวัดอุณหภูมิซ้ำ หากพบว่ามีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ จะส่งรถพยาบาลมารับไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลที่มีห้องแยกโรคมาตรฐาน ดูแลรักษาจนมั่นใจว่าปลอดเชื้อจึงส่งกลับประเทศ
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนทุกคนจะได้รับการ์ดแนะนำการปฏิบัติตัว (Health Beware Card) ในกรณีเจ็บป่วยขอให้เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัททัวร์ต่างๆ ให้ช่วยเฝ้าระวังเพิ่มเติม
ส่วนมาตรการที่โรงพยาบาล จะมีการคัดกรองผู้ป่วยที่มีประวัติเสี่ยง กรณีนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้วเกิดอาการเจ็บป่วย เมื่อเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาล จะซักประวัติ ตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ
หากพบเชื้อไวรัส จะนำมารักษาในห้องแยกโรคของโรงพยาบาล และดูแลรักษาจนหายและส่งกลับประเทศ ขณะนี้ได้ประสานให้โรงพยาบาลทั้งรัฐ-เอกชน เตรียมความพร้อมของระบบและห้องแยกโรค รวมทั้งมาตรการในชุมชน รวมถึงติดตามผู้สัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ป่วยสงสัยทุกคน
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรค ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ไม่มีมาตรการหยุดทำการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และจะเริ่มการคัดกรองเที่ยวบินที่มาจากเมืองอื่นๆ ที่มีรายงานการระบาดอีกด้วย เช่น กว่างโจว เป็นต้น
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้อย่างถูกต้อง โทร. 0-2590-3000 หรือ 1422”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี