การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และผลก็เป็นไปตามคาดหมายคือมติของสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความไว้วางใจต่อรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย ไม่เป็นที่อัศจรรย์อันใด
แต่ทว่าผลของการอภิปรายนั้นย่อมทำให้ความเชื่อถือของประชาชนแตกต่างกันไปตามพฤติกรรม พฤติการณ์ และข้อเท็จจริงที่ได้นำมาเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่หัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรีว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎรดังที่มีการอภิปรายรัฐมนตรีแต่ละคนแล้ว กรณีมีความจำเป็นที่สมควรปรับปรุงคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจและความรับผิดชอบโดยตรงของนายกรัฐมนตรีที่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนและความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลด้วย
มีปรากฏการณ์สองอย่างที่ส่อว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่สำคัญคือ
อย่างแรก คือการเคลื่อนไหวของกลุ่มก๊กก๊วนต่างๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีข่าวคราวการรวมตัวกันและมีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งในลักษณะที่เปลี่ยนแปลงกระทรวงที่รับผิดชอบ และการปรับจำนวนตำแหน่งของรัฐมนตรีตามจำนวน สส. ในสังกัดที่เปลี่ยนแปลงไป ปรากฏการณ์นี้เด่นชัดถึงขนาดสื่อมวลชนรายงานข่าวว่ามีการยกพวกยกทีมกันไปกดดันบุคคลสำคัญของรัฐบาลจนต้องมีการไกล่เกลี่ยห้ามปรามหลายครั้ง
อย่างที่สอง คือการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่ารัฐมนตรีบางคนได้ปรารภถึงการลาออกจากตำแหน่งหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นอกจากนั้น เป็นปัจจัยภายนอกที่กำลังรุมเร้าเข้ามาจากทุกทิศ โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ วิกฤตการณ์จากภัยแล้ง และความแตกแยกทางสังคมที่ขยายตัวเป็นวงกว้างและกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ด้วยประการดังกล่าวนั้นจึงเป็นที่คาดหมายกันโดยทั่วไปแล้วว่าจะมีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรีค่อนข้างจะแน่นอนหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงเป็นที่จับตามองกันว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีตรงไหนบ้าง อย่างไร
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก เพราะถ้าหากมองในความจำเป็นของบ้านเมืองในสถานการณ์ปัจจุบันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศแล้ว การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จำเป็นจะต้องมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชนให้สำเร็จเป็นมรรคผลมากกว่าที่จะคำนึงถึงแรงกดดันทางการเมือง เพราะถ้าหากแก้ปัญหาไม่ได้รัฐบาลก็คงอยู่ลำบากแม้หากจะเกี่ยเซี้ยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลได้ แต่ในที่สุดก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จึงสมควรจะมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาสำคัญและปรับปรุงบุคคลที่ปรีชาสามารถสอดคล้องแก่ภารกิจในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติที่สำคัญคือ
จุดแรก ได้แก่การแก้ไขปรับปรุงการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่จะต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จะต้องสำแดงฐานะและจุดยืนของประเทศไทยที่เป็นมิตรไมตรีกับทุกประเทศ ที่ไม่ยอมให้ชาติใดเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงประหนึ่งว่าเป็นเมืองขึ้น หรือต้องตอบสนองความปรารถนาของประเทศใดประเทศหนึ่ง จนทำให้สูญเสียไปซึ่งความเป็นไทและอิสรภาพของประเทศและการเงินของประเทศ
จุดที่สอง ได้แก่การแก้ไขปรับปรุงการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ ที่บัดนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดกันโดยทั่วไปแล้วว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนอย่างยิ่งที่จะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะแนวทางการฟื้นฟูพัฒนาสร้างสรรค์เศรษฐกิจ จะต้องไม่ใช้วิธีการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลคณะใดหรือประเทศใดโดยเฉพาะ แต่จะต้องยึดเอาประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง
โดยเฉพาะจะต้องเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติผลประโยชน์แห่งชาติ และแนวทางการพัฒนาสร้างสรรค์ประเทศชาติที่วางไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ที่สำคัญคือต้องจำเริญยุทธศาสตร์ชาติที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงวางไว้ ดังประกาศของกองทัพไทยที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อเดือนมีนาคม 2529 ว่าต้องทำให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง
จุดที่สาม ได้แก่การแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาซึ่งการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติ และท้องถิ่นไทยทั่วประเทศ ให้มีความอยู่ดีกินดี มีการพัฒนา มีการเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางทั่วประเทศและเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่สำคัญคือนโยบายการใช้ที่ดินของชาติในการแก้ไขปัญหาที่ดิน 200 ล้านไร่ของแผ่นดินที่เป็นบ่อเกิดแห่งการวิวาทระหว่างรัฐกับราษฎรและระหว่างราษฎรด้วยกัน ในขณะที่จมปลักอยู่กับการยากจนข้นแค้น และไร้การพัฒนา
ทั้งสามจุดนี้เป็นเนื้อหาสาระของความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ที่จะต้องสรรหาตัวบุคคลที่ปรีชาสามารถและมีความเหมาะสมมาทำหน้าที่ จะต้องไม่ยอมให้แรงกดดันหรือข้อต่อรองทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองเหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันขาด
ถึงแม้นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นนักฆ่าแห่งลุ่มเจ้าพระยาคนใหม่ แบบเดียวกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ในครั้งกระโน้น ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำ มิฉะนั้นอนาคตของชาติก็จะมืดมน แผ่นดินนี้ก็อาจเป็นจลาจลกลียุค
นี่คือฝนห่าใหญ่ที่จะดับไฟซึ่งกำลังไหม้ลามอยู่ทั่วประเทศได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี