หลายคน เรียกร้องให้ “ปิดประเทศ-ปิดเมือง” โดยให้เหตุผลในเชิงวาทกรรมว่า “เจ็บ แต่จบ”
คำถาม คือ “จบ จริงไหม?” – “จบ แน่ไหม?”
1. “ปิดประเทศ” - “ปิดเมือง” ในที่นี้ หมายถึงห้ามเข้า-ออก
มิใช่ “ปิดเมือง” แบบที่เป็นแค่กลวิธีใช้คำทางการเมืองแบบที่จังหวัดบุรีรัมย์ประกาศ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ปิดเมือง แต่เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรอง
2. ในแฟนเพจ COVID-19 Thailand FACT ชวนคิดเรื่องนี้ ระบุว่า
“ปิดเมืองดีไหม ?
ถามว่าดีไหม ถ้ามองในแง่คุมโรคมันก็ดีครับ
แต่ถ้ามองภาพรวม มองจากที่สูงๆ ลงมา มองภาพความจริง มันก็น่าสงสัยว่าการปิดเมืองจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดรึเปล่า
1. เราต้องตอบก่อนว่าจะปิดกี่วัน ถ้าพบผู้ติดเชื้อในวันสุดท้ายที่ปิด เราจะทำอย่างไร
2. ระหว่างปิดเมือง จะบริหารจัดการอย่างไร เพื่อไม่ให้การปิดเมืองกลายเป็นเรื่องศูนย์เปล่า และเพื่อไม่ให้การปิดเมืองกลายเป็นการซ้ำเติมปัญหา
เพราะการปิดเมืองที่มีประสิทธิภาพ คือ การ LockDownคนให้อยู่กับที่มากที่สุด ให้โรคมันนิ่ง หยุดการแพร่กระจายทันที
ใครป่วยจับแยกไปรักษา ทำแบบนี้ จนทุกคนไม่มีเชื้อ
แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือระหว่างที่คนต้องอยู่กับบ้าน แล้วเขาจะกินอยู่อย่างไร ใครจะหาปัจจัย 4 ให้เขา
ปิด 5-10 วันแรก อาจจะพอมีปัจจัยสำรองเพียงพอ แต่หลังจากนั้นล่ะ ถ้ามีการปลดคนออกจากบริษัท ถ้าเริ่มมีปัญหาสินค้าขาดแคลน จะเยียวยาปัญหาอย่างไร ไหนจะข่าวสาร คุณจะคุมความ Panic ของคนได้แค่ไหน
มันมีความสำเร็จในการคุมโรคแบบไม่ต้องปิดเมือง ยกตัวอย่างเกาหลีใต้
ยอดผู้ติดเชื้อของเกาหลีใต้ ณ ปัจจุบัน คือ 8.4 พันคนพุ่งสูงมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม แต่ไม่เคยปิดเมือง กระทั่งวันที่ 12 มีนาคม สามารถคุมสถานการณ์ได้ มียอดรักษาหายในรอบ 24 ชั่วโมง สูงกว่าผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรก
ปัจจุบันนี้ จากที่เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ร่วงลงมาอยู่อันดับ 6 แล้ว
วิธีการของเกาหลีใต้คือ รัฐให้ข่าวจริง พูดตรงๆไปเลย ติดเชื้อวันละ 300 - 400 คน เอาให้ตื่นตัวสุดๆ จะด่ารัฐ ก็ด่าไป ไม่สนใจ ขณะเดียวกันรัฐได้พูดทุกวันว่าประชาชนจะป้องกันตัวเองอย่างไร
พูดจนเป็นวาระแห่งชาติ สื่อทุกชนิด มีแต่ข่าว COVID-19 เอาให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ระหว่างนั้น ได้ให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจมากที่สุด รองรับความ Panic ของพลเมือง ขณะที่ทีมแพทย์ก็ไล่ตะครุบผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงเอามาคุมโรค
ที่สุดแล้ว ด้วยความตื่นตัวกลัวตาย ความไม่ประมาทของคนบวกกับข่าวสารของภาครัฐ ระบบสาธารณสุข เกาหลีใต้ จึงสามารถควบคุมโรคได้โดยไม่ต้องปิดเมือง”
3. “ปิดประเทศ” ขณะนี้ ไทยเพิ่มมาตรการคัดกรองเข้มข้นจนแทบจะไม่มีใครเดินทางเข้าประเทศแล้ว เพราะต้องมีใบรับรองแพทย์ ต้องกักตัว 14 วัน
แต่เพียงพอหรือไม่ ผู้เกี่ยวข้องสมควรจะได้ช่วยกันประเมิน
4. สำคัญ คือ เราไม่ควรด้อยค่าการทำงานของรัฐบาลไทย โดยยกยอชาติอื่นจนเกินความจริง เพราะขณะนี้ การจัดการของไทยเรา นับว่าได้ผลดีในระดับต้นๆ ของโลก
ศ.ดร.สุภางค์ จันทวานิช ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊คแบ่งปันประสบการณ์ ว่าด้วยเรื่อง “หญิงไทยที่เยอรมันต่อสู้กับโควิด-19 อย่างสุขุม” ระบุว่า
“...ดิฉันอยู่เยอรมันมา 25 ปีแล้วค่ะ ที่เยอรมันวันนี้ มีคนติดเชื้อเพิ่ม 850 ราย รวมของเก่าเป็น 4,550 ราย ตาย 8
ดิฉันเริ่มใส่หน้ากากมาได้ประมาณสามอาทิตย์นิดๆ เริ่มตั้งแต่ที่เค้าเริ่มแพร่เชื้อแรกๆ ที่เมือง Nord Rein Westfalen โดยสองสามี ภรรยาที่กลับจากเที่ยวอิตาลี แล้วไปงานปาร์ตี้ถนนคนเดิน แล้วก็แพร่เชื้อหลังจากนั้น เยอรมันก็ออกข่าวมาบ้างประปราย ว่ามีคนติดโคโรนา จนถึงเมื่อสักสองอาทิตย์ที่ผ่าน มันแพร่หนักมากขึ้น จนเริ่มมีนักวิชาการออกมาพูดให้คำแนะนำบ้าง ผู้คนก็เริ่มซื้อของตุน จนมาถึงวันนี้ประมาณหนึ่งเดือนได้ คนเขาไม่ตื่นตัว รัฐบาลก็ไม่มีมาตรการอะไรเป็นพิเศษ เพราะเค้าบอกว่าคนเป็นไข้หวัดใหญ่น่ากลัวกว่า
ต่างกับรัฐบาลบ้านเรา ตื่นตัวเตือนประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีการระบาด
ตัวดิฉันเองเริ่มซื้อหน้ากากไว้ ตั้งแต่ที่จีนเริ่มปิดเมือง แฟนถามจะซื้อไปทำไม เราเองบอกป้องกัน ก็ซื้อมาเรื่อยๆ ทีละห้าชิ้น สิบชิ้น ซื้อทุกแบบ หน้ากากหมอ หน้ากาก N95 หน้ากากที่มีช่องระบาย CO2 หน้ากากแบบซักใช้ซ้ำ จนเมื่อประมาณสามอาทิตย์ที่แล้ว เยอรมันไม่มีหน้ากากขายค่ะ ตามร้านขายยาทุกที่ไม่มีขาย พวกเจล แอลกอฮอล์ก็ไม่มีค่ะ แต่ดิฉันเตรียมไว้หมด เริ่มซื้อไว้เจลแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ ขวดเล็กแบบพกพา สเปรย์ กระดาษเปียกแอลกอฮอล์ มีทุกอย่าง ในที่ทำงานก็ใส่หน้ากากทำงานตลอด
บางวัน ต้องนั่งรถสาธารณะก็ใส่คนก็มองค่ะ แต่เราไม่สนเอาปลอดภัยไว้ก่อน ถ้ามีคนถาม ดิฉันจะบอกตรงๆ ว่าดิฉันกลัว เพราะดิฉันเป็นภูมิแพ้ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ฉันไม่ค่อยแข็งแรงก็เลยกันไว้ก่อนเค้าก็โอเคนะคะ แต่บางคนเค้าก็จะเดินห่างเราไปเลยเพราะที่นี่เค้าคิดว่าป่วยถึงใส่ก็ดีไปสำหรับเรา
อยากให้คนไทยในบ้านเรามองรัฐบาลในเรื่องนี้ใหม่ รัฐบาลทำดีมาก ดีจริงๆ
อยากให้ไอ้พวกที่ด่ารัฐบาลมาเห็นในยุโรป แล้วจะรู้ว่าฟ้ากับเหวเลย
รักเมืองไทยค่ะ แต่ต้องอยู่เพื่อครอบครัว ลุงตู่ทำดีที่สุดแล้วนะคะ
อย่าโทษกันเลย ไม่มีใครอยากให้เกิด คนที่เยอรมันไม่เห็นมีใครด่ารัฐบาลเลย มีแต่ดิฉันพูดกับสามีว่า รัฐบาลพวกเธอรับมือช้ามากๆ ถ้าเขาเริ่มรับมือตั้งแต่ที่มีคนแพร่เชื้อ เหตุการณ์จะไม่เป็นแบบนี้
เดี๋ยวนี้แฟนพูดอยู่คำเดียวว่า เธอพูดถูกหมดเลย ตอนนั้นที่เขาเห็นดิฉันซื้อของจากร้านขายยา เขาว่าดิฉันสติแตก มาตอนนี้เขาได้ใช้ของพวกนั้นติดกระเป๋าไปทำงานด้วยตลอด
อยากให้คนไทยที่อคติกับรัฐบาล ลองเปิดใจกว้างๆ วางใจให้เป็นกลาง ไม่ต้องชอบหรอกค่ะ แค่ใช้เหตุผล ใช้สติ สักนิดแล้วจะเห็นว่ารัฐบาลลุงตู่ และในทุกภาคส่วน เค้าทำงานกันเต็มที่จริงๆ หันหน้ามาร่วมใจกัน ให้กำลังใจกันให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้จะดีกว่านะคะ”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี