ใครก็ตามที่ตัวเองทำแล้วมีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น หรือตัวเองทำแล้วทำไม่ถูก จนเกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมา แต่กลับไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองที่ได้ทำไป กลับไปโทษคนอื่นหรือสิ่งอื่นนั้น ภาษิตไทยเรียกคนแบบนี้ว่า “รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง”
เป็นภาษิตไทยที่มาจากการฟ้อนรำทำท่าตามปี่กลองที่คอยบรรเลงประกอบ ผู้ร่ายรำที่มีความชำนาญก็จะรำเข้าจังหวะได้อย่างสวยงาม แต่ถ้าไม่ชำนาญในการฟ้อนรำ ก็จะรำผิดจังหวะหาความสวยงามอะไรไม่ได้ นอกจากเก้ๆกังๆไปทางนั้นทีทางนี้ที เพราะฉะนั้น“รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง” จึงหมายความว่าตัวเองรำไม่ได้เรื่องแล้วไปโทษปี่กลองว่าไม่ได้เรื่อง หรือบรรเลงไม่เข้าท่า
บางครั้งก็เรียกกันว่า “รำไม่ดี โทษปี่พาทย์”
อย่างที่มีกล่าวไว้ในตำราว่าด้วยการรำละครว่า
“แม้ชำนาญการฝึกรู้สึกลับ
บทสำหรับท่าทีที่แอบแฝง
ย่อมเจนจัดคัดลอกออกสำแดง
แม้นจะแกล้งทำบ้างก็ยังดี
หากว่าไม่เชี่ยวชาญการฝึกหัด
ถึงจะคัดตามต้อยสักร้อยสี
ไม่นิ่มนวลยวนยกกลวิธี
อาจโทษปี่พาทย์กลองรับร้องรำ”
ดังนั้นประโยคที่ว่า “รำไม่ดี โทษปี่กลอง” หรือ “รำไม่ดี โทษปี่พาทย์” จึงใช้ทดแทนกันได้เพราะมีความหมายอย่างเดียวกัน สุดแล้วแต่ใครอยากจะใช้ไม่มีข้อห้าม
ภาษิตของคนชาติอื่นก็ทำนองเดียวกันนี้เช่นเดียวกัน แต่ใช้วิธีการเปรียบเทียบ เช่น ภาษิตจีน บอกว่า“เมื่อคุณหกล้ม คุณจะไปโทษเท้าของคุณไม่ได้”
ภาษิตอังกฤษบอกว่า “พวกช่างที่ไม่มีฝีมือมักโทษเครื่องมือว่าไม่ดี” ภาษิตฝรั่งเศสบอกว่า “ทุกคนป้ายความผิดให้แก่โอกาส” ซึ่งหมายความว่า ทุกคนที่อ้างอย่างนี้ เป็นคนที่คอยโทษว่าไม่มีโอกาส จึงไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ
ภาษิตญี่ปุ่นบอกว่า “ค้างคาวเอาหัวลง ก็หัวเราะว่าโลกกลับ” แม้กระทั่งภาษิตเขมรก็มีโดยบอกว่า “ช่างเหล็กไม่เป็นก็โทษเหล็ก”
ฟังภาษิตต่างชาติต่างภาษาที่ยกมาดังกล่าวก็คงพอจะสรุปได้ว่า คนที่ทำอะไรผิดพลาดหรือทำไม่ดีนั้น มักเป็นคนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด ทุกชาติทุกภาษาเหมือนกันหมดคือชอบโทษคนอื่นหรือสิ่งอื่น
หลายสิ่งหลายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราขณะนี้ ก็กำลังเป็นอย่างนี้คือ “รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง” หรือ “โทษปี่พาทย์” ไว้ก่อนโดยไม่ได้ดูตัวเองว่ารำเข้าท่าหรือทำอะไรเข้าท่าหรือไม่
ถ้าเป็นปี่กลองหรือปี่พาทย์ก็ต้องบรรเลงตามท่ารำของตนให้ได้ ไม่ใช่ไปบรรเลงเพลงตามจังหวะจะโคนของเพลงที่มีอยู่
จะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้บ้านเมืองเดินตรงทิศทางของระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ร่างกันแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยยกเหตุผลของการมีกลไกบางอย่างที่ยังทรงอำนาจควบคุมการเมืองการปกครองไว้ต่อไปอีก แม้จะมีรัฐธรรมนูญใช้แล้วและมีการเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แล้วก็ตาม เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งวุ่นวายกันอีก จำเป็นต้องควบคุมไว้ก่อน โดยกลไกบางอย่างที่ต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ
ดูเผินๆก็เห็นว่าดีเพราะความขัดแย้งยังดำรงอยู่
แต่เมื่อพิจารณาให้ลึกลงไปแล้วจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแต่งตั้งหมู่คณะใดคณะหนึ่ง หรือสองคณะขึ้นมามีอำนาจคอยกำกับควบคุมผู้ที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ รวมทั้งกลไกบางอย่างหรือมาตรการบางอย่างที่จะออกตามมาบังคับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น
ดูแค่เรื่อง “สว.แต่งตั้ง” เพียงเรื่องเดียวก็พอ
เรื่องอื่นๆมาว่ากันภายหลัง
“สว.แต่งตั้ง” จำนวนที่กำหนดไว้ 250 คนเป็นคนที่จะถูกแต่งตั้งมาจากผู้ถืออำนาจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะแต่งตั้งใครก็ได้ซึ่งเป็นคนของตนและควบคุมการทำงานให้เป็นไปในทิศทางของผู้แต่งตั้งได้ตลอดเวลา
ถ้าเป็นอย่างนี้ จะไปห้ามคนอื่นไม่ให้คิดว่าเป็น “การสืบทอดอำนาจโดยระบบตัวแทน”นั้น คงห้ามไม่ได้เพราะไม่ว่าใครก็ต้องคิดอย่างนี้
“ปี่กลอง” หรือ “ปี่พาทย์” ต้องบรรเลงให้เข้ากับความไม่เอาไหนในการเต้นของผู้เต้น หรือผู้เต้นทั้งหลายต้องเต้นต้องรำให้เข้ากับจังหวะของปี่กลองหรือปี่พาทย์กันแน่ เป็นเรื่องที่ตอบได้ไม่ยากแม้กระทั่งคนที่อ่านหนังสือไม่ออก
การยกเหตุผลขึ้นมากล่าวอ้างในการสร้างกลไกแบบนี้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ในวันข้างหน้า เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายคล้อยตามนั้น ยุคนี้สมัยนี้เห็นทีจะลำบากเพราะเพียงแค่อ้าปากคนก็เห็นเข้าไปถึงลิ้นไก่แล้ว
กฎกติกาใดๆในการปกครองบ้านเมืองหรือที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญนั้น ต้องสร้างต้องทำอย่างคนที่ไม่หิวในอำนาจ แต่ต้องสร้างต้องกำหนดให้ถูกต้องกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยตลอดเวลา ไม่ใช่อำนาจครึ่งๆกลางๆโดยมีอำนาจอื่นแฝงอยู่ที่จะตัดสินใจทำอะไรก็ได้
ถ้ารำไม่ดีต้องโทษตัวเอง อย่าโทษปี่โทษกลอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี