เมื่อเดือนเมษายน 2560 ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีความตกลงการทำการประมงสำหรับพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย (Southern Indian Ocean Fisheries Agreement : SIOFA) ซึ่งเป็นความตกลงจัดตั้งองค์การระดับภูมิภาคด้านการจัดการทรัพยากรประมงในพันธุ์สัตว์น้ำตระกูลอื่นที่ไม่ใช่ปลาทูน่า และขจัดการทำประมงผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย โดยการเข้าเป็นภาคี SIOFA จะทำให้ไทยมีสิทธิเข้าไปทำการประมงนอกน่านน้ำในพื้นที่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียได้อย่างถูกกฎหมาย ภายใต้มาตรการควบคุมและการอนุรักษ์ของ SIOFA และสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการและกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการ การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประมงในเขตมหาสมุทรอินเดียให้เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน อันเป็นประโยชน์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ไทยได้เข้าเป็นภาคีคณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Tuna Commission : IOTC) ซึ่งเป็นองค์การระดับภูมิภาคด้านการจัดการทรัพยากรประมงในพันธุ์สัตว์น้ำตระกูลทูน่า การที่ไทยเป็นสมาชิกทั้ง IOTC และ SIOFA จะทำให้การทำประมงนอกน่านน้ำของกองเรือประมงไทยในเขตมหาสมุทรอินเดียเป็นไปตามกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้ปรับปรุงระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงของเรือประมงนอกน่านน้ำให้เป็นไปอย่างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นความพยายามที่จะยกระดับการประมงนอกน่านน้ำเข้าสู่มาตรฐานสากลและขจัดการประมงผิดกฎหมายให้หมดสิ้นไปจากอุตสาหกรรมประมงของไทย
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ออกใบอนุญาตประมงนอกน่านน้ำ กรมประมงออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทยให้ไปทำการประมงในพื้นที่ Saya maha bank ซึ่งอยู่ในเขตความดูแลรับผิดชอบของ SIOFA และกรมประมงได้แจ้งขึ้นทะเบียนกับ SIOFA แล้วจำนวน 6 ลำ คือ เรือมณีเงิน 5 เรือโชคเพิ่มสิน เรือเอส เอ็ม เอส 1เรือทรัพย์ดาวประมง 5 เรือเซ็นจูรี่ เรือก.วงศ์วัฒนา 6
ปัจจุบันมีเรือที่ออกไปทำการประมงน่านน้ำแล้วจำนวน 2 ลำ คือ เรือมณีเงิน 5 ซึ่งได้เริ่มออกไปทำการประมงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 และเรือโชคเพิ่มสิน 1 ซึ่งได้ออกไปทำการประมงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 โดยทั้งสองลำไปกลับทุก 3 เดือน ขณะนี้เรือทั้งสองลำได้เดินทางกลับมาที่ท่าประเทศไทยแล้ว ล่าสุดเรือทรัพย์ดาวประมง 5 ก็ได้ออกไปทำการประมง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563
นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ดำเนินการในส่วนมาตรการในการควบคุมเรือประมงนอกน่านน้ำของไทย ประกอบด้วย
1) จดทะเบียนเรือประมง (Fishing Vessel Registration) 2) การออกใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ (Issuance of oversea fishing by Thai flagged fishing vessel) และ
3) การติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังสำหรับเรือประมงนอกน่านน้ำไทย
ทั้งนี้ ก่อนที่ประเทศไทยมีมาตรการเรียกเรือประมงนอกน่านน้ำกลับไทย ปี 2558 หรือกำหนดมาตรการควบคุมที่สอดคล้องกับหลักการสากลการทำการประมงนอกน่านน้ำในประเทศไทยสามารถนำรายได้กว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีปริมาณการจับสัตว์น้ำกว่า 2.5 แสนตันต่อปี
การประมงนับว่าเป็นช่องทางหนึ่งในการนำอาหารทะเลและนำรายได้เข้าประเทศหลังจากที่ธุรกิจการท่องเที่ยวซบเซาเพราะอิทธิฤทธิ์ของไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลได้ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปถึงเดือนมิถุนายน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวดังนั้นรัฐบาลควรดูแลสนับสนุนการประมงทุกระดับอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ธุรกิจการประมงมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศในช่วงวิกฤติทั่วโลกไวรัสโควิด-19 หนนี้ แค่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องไปผ่อนคลายระเบียบต่างๆ ที่ตึงเกินไปจนเป็นอุปสรรคของการประมง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี