ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าจากอิทธิฤทธิ์ของไวรัสโควิด-19 จะทำให้คนไทยตกงานถึง 8.3 ล้านคน ซึ่งคนเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกเลิกจ้างจากภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และต้องกลับภูมิลำเนาเดิมยึดอาชีพเกษตรกรรม
“น้ำ” จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะหล่อเลี้ยงภาคเกษตรกรรมในช่วงวิกฤติหนนี้
ซึ่งก็ยังอุ่นใจอยู่บ้าง ว่าประเทศไทยไม่ขาดแคลนน้ำ งานนิทรรศการ 118 ปีกรมชลประทานผ่านไปแล้ว มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกี่ยวกับน้ำมากมาย
กิจการชลประทานในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มด้วยทรงมีพระราชดำริให้ขุดลอกคลองเก่าและขุดคลองขึ้นใหม่ในพื้นที่ราบภาคกลางของประเทศจำนวนมาก เมื่อ พ.ศ.2431 และโปรดเกล้าฯให้ตั้งกรมคลอง ขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนพ.ศ.2445 ถึงวันนี้ผ่านไป 118 ปีแล้วกรมชลประทานได้ทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำขยายพื้นที่จากที่เริ่มต้น ประมาณ 680,000 ไร่ เป็นกว่า 33.98 ล้านไร่
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้สรุปรูปแบบการดำเนินงานของกรมชลประทานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเป็น 4 ยุคสมัย
ยุคแรกนั้นเป็นยุคจัดหา ดำเนินการเพื่อจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เช่น โครงการป่าสักใต้ : เขื่อนพระราม 6ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ประกอบด้วยเขื่อนทดน้ำปิดกั้นแม่น้ำป่าสักพร้อมระบบส่งน้ำ รวมพื้นที่รับประโยชน์ 680,000 ไร่ การขุดคลองระพีพัฒน์
ยุคที่ 2 เป็น ยุคจัดเก็บ เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการชลประทานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำหลักบนลำน้ำสาขาต่างๆ
ยุคที่ 3 เป็นยุคจัดสรร เป็นยุคของการขยายการชลประทานเพื่อจ่ายน้ำให้การเกษตรและพัฒนาระบบชลประทาน นำน้ำเข้าสู่ไร่นาแปลงเกษตรกรรม ด้วยการดำเนินงานก่อสร้างระบบคันคูน้ำและจัดรูปที่ดิน เพื่อแพร่กระจายน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำเป็นภาคีเครือข่าย,ทำระบบโทรมาตรเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม, บริหารจัดการระบบชลประทานโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม, จัดตั้งคณะกรรมการจัดการชลประทานเพื่อพิจารณาแผนการส่งน้ำ, แผนการบำรุงรักษาระบบชลประทาน และประเมินผลการดำเนินงาน, มีการใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยจัดรูปที่ดินให้สมบูรณ์ทั่วถึงทุกแปลง เพื่อเพิ่มผลผลิตและ
ลดต้นทุนการผลิต การจัดระบบน้ำจัดระบบชลประทานจากทางน้ำชลประทานในพื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง
ยุคที่ 4 เป็นยุคของการก้าวเข้าสู่มิติใหม่ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำภาคการผลิตของประเทศ โดยการพัฒนาแหล่งน้ำการบริหารจัดการน้ำในเชิงลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมทุกรูปแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศักยภาพของบุคลากร นวัตกรรมและองค์ความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย
ยุคนี้ เป็นยุคที่การดำเนินการของกรมชลประทานจะต้องสอดคล้องกับหลากหลายกิจกรรมในสังคม การวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานชลประทานอย่างมีทิศทาง ภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี
เป็นยุคที่การดำเนินงานจะต้องสอดประสานกับองค์ประกอบของสังคมในทุกๆ ด้านอย่างลงตัว ต้องศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน
ดร.ทองเปลวกล่าวว่า การจะมุ่งสู่ความมั่นคงด้านน้ำในยุคนี้กรมชลประทานจะต้องมีการวางยุทธศาสตร์ที่พร้อมจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อน้ำแล้ง น้ำหลาก การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชนทั้งในด้านการขยายตัวของพื้นที่และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรอบคอบรัดกุมยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลัก
ครับ ยุค New Normal กรมชลประทานจึงเป็นความหวังอย่างหนึ่งสำหรับคนไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี