ไม่ว่าใครก็รู้จักปลวก ว่าเป็นสัตว์ที่ชอบแทะกินเสาบ้านและฝาบ้าน แม้กระทั่งกระดาษหนังสือ เป็นอาหาร ทำให้บ้านเมืองที่อยู่อาศัยเสียหาย ต้องหาบริษัทกำจัดปลวกมาช่วยดูแลบ้านเรือนด้วยการใช้ยาฆ่าปลวก
และไม่ว่าใครก็รู้จัก “เผด็จการ” ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ที่ชอบกินเมืองที่มีการบริหารปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าเผด็จการที่ว่านี้จะเป็นเผด็จการพลเรือน หรือเผด็จการทหารที่ใช้ปืนเข้ามายึดอำนาจ
บ้านเมืองใดมีการปกครองประชาธิปไตยบ้านเมืองนั้นก็เหมือน “ปลูกต้นไม้ประชาธิปไตย” ขึ้นในบ้านเมืองนั้น เพื่อเป็นร่มเงาในความเป็นอยู่ของผู้คนในบ้านเมืองนั้นอย่างเป็นสุข มีสิทธิเสรีภาพในการทำงานอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน แต่ในยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจของเผด็จการ ยามนั้น “ต้นไม้ประชาธิปไตย” จะเหี่ยวแห้งอับเฉาไม่งอกงามเติบโต เพราะไม่มีการดูแลรักษา มิหนำซ้ำถ้าเป็นต้นไม้ที่มีผลกินได้ เผด็จการก็จะปลิดมากินอีกด้วย
เพราะฉะนั้นในบ้านเมืองของเราขณะนี้ภาวการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายใต้อำนาจของเผด็จการ กำลังอยู่ในสภาพที่ “คณะกวีสมานฉันท์” แต่งไว้ดังนี้
“ทุ่งหญ้าป่าไม้เขียว แหล่งท่องเที่ยวก็อับเฉา
เหวผาเงียบซึมเซา น้ำตกหลั่งอยู่เดียวดาย
นกน้อยผาดโผนฟ้า หลบหนีหน้าพากันหาย
พุ่มหญ้าเหี่ยวแห้งตาย พลิ้วไหวลมคลุกฝุ่นดิน
ทวยราษฎร์วิปโยค ความเศร้าโศกครอบงำสิ้น
ยากไร้ไม่มีกิน หฤโหดย้ำราวี”
เป็นคำกลอนที่ดูจะถูกต้องกับสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ถือปืนเข้ามาบริหารบ้านเมือง
บริหารจัดการกันเหมือนคนมัวเมาในอำนาจ
ความมัวเมาในอำนาจและความบ้าอำนาจเป็นสิ่งที่ไม่ดี
เพราะความมัวเมาคือความหลง สติฟั่นเฟือน
ความบ้า คือ วิกลจริต หลงใหลในสิ่งมีอำนาจจนผิดปกติ ใครก็ตาม ที่มีอำนาจ ใช้อำนาจอย่างมัวเมา หรือใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างคนวิกลจริตที่เรียกว่า บ้าอำนาจนั้น นำความเดือดร้อนไปให้คนอื่น หรือสู่ตัวเองได้ทั้งสิ้น ยิ่งมีอำนาจใหญ่โตเท่าไรก็สร้าง หรือทำลายได้มากเท่านั้น
คนประเภทนี้เป็นคนที่ “ต่อมจริยธรรมคุณธรรมบกพร่อง” ถ้าได้อำนาจไปใช้ จะใช้อำนาจนั้นไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องได้ตลอดเวลา เพราะไม่มีจริยธรรมและคุณธรรมเป็นเครื่องกำกับ
คนประเภทนี้ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในบ้านเมืองใน 3 ลักษณะ ซึ่งได้แก่ 1) การฉ้อราษฎร์บังหลวง 2) การใช้อำนาจในทางมิชอบ 3) การตักตวงผลประโยชน์แก่ตนเองและพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมประเทศชาติ
ทั้ง 3 ลักษณะดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะนี้
ขอนำความคิดความเห็นของผู้เคยรับผิดชอบในการทำงานและบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองในงานเสวนาเรื่อง “มองการณ์ไกลประเทศไทย ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม และการผูกขาดเศรษฐกิจ” ซึ่งสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2561 สรุปได้ว่าทุกอย่างในบ้านเมืองตกต่ำลงไปทุกอย่าง
เฉพาะอย่างยิ่งความเหลื่อมล้ำในปีที่ผ่านมาสูงขึ้นกับคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดทุกพื้นที่รายได้หายไปกว่าครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่ามีปัญหาในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นคือ
1) เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตีความกฎหมายในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม
2) นโยบายรัฐต่อการกระจายรายได้ผูกขาด เอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุน และมีแต่นโยบายปูพรมอย่างเดียว ซึ่งสร้างปัญหาและไม่มีการแก้ไขการไม่มีนโยบายที่จะไปดูแลกลุ่มด้อยโอกาส รายได้น้อย เกษตรกรทั้งประเทศ สร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
ทั้งนี้ปัญหาคอร์รัปชั่นมากขึ้น เช่น โครงการไทยนิยม มีการกำหนดงบไว้ก่อน แต่โครงการคืออะไร สอดคล้องกับกลุ่มที่ต้องการจะช่วยเหลือหรือไม่จึงมีโอกาสที่จะคอร์รัปชั่นสูง บอกว่าเป็นโครงการส่งเสริม ให้ความรู้และการมีส่วนร่วม งบหมื่นล้าน หากไปดูในเนื้อหาเป็นงบจัดฝึกอบรม แต่ต้องเลี้ยงอาหารทุกคนที่มา หากไม่มีการเลี้ยงอาหาร จะเบิกเงินส่วนอื่นไม่ได้
ไม่มีนโยบายช่วยเหลือภาคเกษตรผู้มีรายได้น้อย ที่ผ่านมา ข้าว ข้าวโพด มัน ยาง ปาล์มราคาตก เพราะไม่มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมที่ยั่งยืนราคาพืชผลตกในประเทศ แต่ไม่ได้ตกในต่างประเทศ มีแต่ขาใหญ่ได้ประโยชน์ สร้างความเหลื่อมล้ำเอื้อกลุ่มทุน
เอาแค่นี้ก่อนก็พอจะมองเห็นว่าคนมีอำนาจในการบริหารจัดการบ้านเมืองนี้ ทำงานกันอย่างไรในการคืนความสุขให้ผู้คนที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างบอกช้ำขณะนี้
เพราะ “ทวยราษฎร์ยังวิปโยค” ดังคำกลอนข้างต้นแม้กระทั่ง “ความเศร้าโศกครอบงำสิ้นยากไร้ไม่มีกิน หฤโหดย่ำราวี” อยู่ทั่วหน้าขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี