ในยามที่บ้านเมืองคับขัน เช่นในช่วงโควิด-19 นี้จริงอยู่ที่ว่า บ้านเมืองนั้นต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือความสมัครสมานสามัคคี เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม และก้าวข้ามปัญหา และก้าวไปข้างหน้า
แต่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ บ้านเมืองต้องการผู้นำที่เข้มแข็งในความตั้งใจ เข้มข้นในองค์ความรู้ และเจิดจ้าในวิสัยทัศน์ บวกความซื่อตรง ความซื่อสัตย์สุจริต
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่สังคมไทยยอมรับกันว่าเป็นผู้ที่มีความซื่อตรง รักชาติ ขยันขันแข็ง ไม่มีนอกมีใน โดยหลังบ้านทั้งภรรยา และลูกๆ ก็ไม่เคยมายุ่มย่าม ไม่มาฉวยโอกาส ฉวยประโยชน์ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องจัดหาทีมงานที่มีความเป็นเลิศ และสังคมยอมรับ มาช่วยนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤติอันใหญ่หลวงนี้
ในวันนี้ที่การเมืองเริ่มไม่นิ่ง เนื่องจากมีการก่อหวอดขอตำแหน่งจากบรรดานักการเมือง ได้ส่งผลให้ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี การบ้านหนักที่พลเอกประยุทธ์ จะต้องรับผิดชอบ และต้องตัดสินใจให้ดีก็คือ การเลือกทีมงาน หรือคณะรัฐมนตรี รวมทั้งคณะที่ปรึกษาต่างๆ ที่จะให้เป็นที่ยอมรับ และศรัทธาของสังคมของประชาชนพลเมือง
ซึ่งสภาพความเป็นจริงนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยตนเองเพียงคนเดียว หากแต่มาด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมกรมกอง กองทัพ อันได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และบัดนี้ พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ ก็ได้ก้าวออกจากผู้ขับเคลื่อนอยู่หลังฉากมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเต็มไปด้วยนักการเมืองมือเก๋า มืออาชีพ ที่มากไปด้วยผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง
ปัญหาหนักอกของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาคือจะต้องเลือกเอาระหว่างคณะรัฐมนตรีแบบเทคโนแครต (ที่มีฝีมือ และคนไทยยอมรับ) หรือคณะรัฐมนตรีแบบนักการเมืองล้วนๆ (ที่สังคมมองว่าไม่มีความรู้ความสามารถและความซื่อสัตย์สุจริต) มาดำรงตำแหน่งด้วยคำว่า “โควตา” เป็นหลัก
หรือนัยหนึ่งก็คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะเลือกเป็นตัวของตัวเอง และเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หรือจะเลือกที่จะโอนอ่อนไปตามกระแสการเมืองแบบเดิมๆ หรือจะทำตัวเป็นหัวหน้าที่แท้จริง หรือเป็นลูกน้องของพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ ผู้พี่ และผู้มีพระคุณ ผู้มีอิทธิพลที่แวดล้อมด้วยนักการเมืองมากมายที่สังคมร้องยี้
ซึ่งจากการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งข้อความไปบอก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่ามีความจำเป็นต้องปรับ ครม. ด้วยเหตุผลทางการเมืองก็สะท้อนให้เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเลือกที่จะโอนอ่อนไปกับการเมืองผลประโยชน์ หรือสามานย์ เพราะมิฉะนั้น ตนเองก็เท่ากับว่า ขาลอยอยู่ในอากาศ
แต่หากในวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปลี่ยนใจฮึดสู้ ยืนหยัด เลือกเอาประชาชนพลเมืองและความถูกต้องเป็นที่ตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องกล้าเสี่ยง ต้องเดินหน้าลุย ที่จะหาทีมดีเกรดเอ มาทำงานให้กับบ้านเมือง ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ หากทำเช่นนั้นแล้ว ก็จะได้รับการสนับสนุนแซ่ซ้องจากประชาชนพลเมืองอย่างเข้มแข็ง มองอีกแง่หนึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยืนอยู่กับประชาชน หรือจะยืนอยู่กับกลุ่มนายทหารผู้พี่
แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือใจไม่ถึง ที่จะยึดเอาผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้งแล้วพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็น่าจะได้พิจารณาอำลาเวที แล้วปล่อยให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณในฐานะเจ้าของอำนาจการตัดสินใจบริหารบ้านเมืองตัวจริง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน เพื่อว่าความเสียเอง จะได้ไม่ต้องทนเป็นหุ่นเชิดให้เสียชื่อเสียศักดิ์ศรี และบ้านเมืองก็จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไปว่าการบริหารแบบอำนาจนำพาแท้ๆ ที่ผสานทางการเมืองกับกลุ่มการเมืองเก๋ากึ๊ก จะสามารถฉุดรั้งประเทศออกจากวิกฤติโควิด-19 และเดินไปสู่ความเจริญก้าวหน้าได้จริงหรือไม่
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี