ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จนบักโกรก ออกมาแล้ว ผมขอนำมาเสนอเป็นบทเรียนอีกครั้งหนึ่ง
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2551 จากการจัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและสาเหตุสำคัญที่ทำให้การบินไทยขาดทุนกว่า 62,803 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัยสำคัญคือ 1.การบินไทยไม่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมตรี (ครม.)
หมายเหตุ : ในส่วนนี้ นายอนุสรณ์เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย บอกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เพราะแผนการจัดซื้อเครื่องบินดำเนินการโดยบอร์ดการบินไทย มีผู้แทนอยู่ในหน่วยงานรัฐอยู่ในบอร์ดมากมาย อีกทั้งสภาพัฒน์ ยังให้คำแนะนำด้วย และในยุคดังกล่าวการบินไทยทำกำไรติดต่อกัน 5 ปีแต่เพิ่งมาขาดทุนในภายหลัง
2.ปัญหาการจ่ายสินบนของบริษัทโรลส์-รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานการบินไทย วงเงินกว่า 245 ล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้ออะไหล่ 7 เครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่าย และ 3.มีข้อมูลการจ่ายเงินสินบนไม่ต่ำกว่า 5%หรือประมาณ 2,652 ล้านบาท ผ่านนายหน้าคนกลางให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ และพนักงานการบินไทย แลกกับการจัดซื้อเครื่องบิน 10 ลำดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังตรวจสอบพบว่ามีการบริหารงานเอื้อประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง โดยระหว่างปี 2560-2562 การบินไทยขาดทุนรวม 25,659ล้านบาท ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงมาก ได้แก่ ค่าโอทีที่มีการเบิกเกินความเป็นจริง, การบริหารงานผิดพลาด เช่น การเช่าเครื่องบิน B787-800 จำนวน 6 ลำ โดยแต่ละลำราคามีส่วนต่างถึง 589 ล้านบาท,มีการจ่ายค่าชดเชยคืนสภาพเครื่องบินแบบเช่าดำเนินงาน รุ่น A330-300 จำนวน 2 ลำ สูงถึง1,458 ล้านบาท และมีรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มพิเศษ เดือนละ 200,000 บาท ระยะ 9 เดือน ได้มีการเพิ่มเป็น 600,000 บาท โดยอ้างแนวปฏิบัติที่เคยทำมา รวมถึงยังมีการบริหารงานผิดพลาดและส่อทุจริตหลายแผนกของการบินไทย เป็นต้น และจากข้อมูลได้มีการระบุว่ามีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยหลายรายมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในขณะเดียวกันยังพบว่าในปี 2560-2562 สายการพาณิชย์ไม่มีการจัดทำงบประมาณ แต่กลับใช้วิธีการกำหนดเปลี่ยนแปลงงบประมาณเอง โดยผ่านบอร์ดบริษัทเท่านั้น และมีการขายตั๋วโดยสารราคาต่ำมากเฉลี่ยใบละ 6,081 บาท แต่มีจำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบินเกือบ 80% และมีผู้โดยสารถึง 24.51 ล้านคน แต่กลับมีรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร 149,000 ล้านบาท สาเหตุจากการเอื้อประโยชน์ใหักับตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร และผู้บริหารสายการพาณิชย์ได้แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดให้ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไปในต่างประเทศ และมีการกำหนดเป้าหมายรายได้จากการขายเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนพิเศษ (Incentive) ตามที่ต้องการเพื่อให้ผู้จัดการฝ่ายขายฯส่งรายได้10% ของค่าอินเซนทีฟเข้าบัญชีกองทุนของผู้บริหารสายงานพาณิชย์และนำเงินในกองทุนดังกล่าวไปจัดสรรและแบ่งปันกันเอง ซึ่งกองทุนดังกล่าวไม่มีระเบียบ ประกาศ หรือกฎหมายของบริษัทรองรับ
หมายเหตุ : ส่วนนี้ยังไม่มีใครออกมาชี้แจง
อย่างไรก็ตามผลการสอบข้อเท็จจริงในการบินไทยทั้งหมดนี้ เปิดเผยโดย นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และว่าทางคณะทำงานฯ จะมีการรายงานผลการตรวจสอบต่อกระทรวงการคลัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และนายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 นี้ เพื่อดำเนินการได้อย่างเด็ดขาดและเป็นบทเรียนในการวางแผนการบริหารงานในอนาคตต่อไป
ก็ต้องจับตากันต่อว่าบทสรุปนี้จะลงเอยอย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี