ในทันทีที่มีการแพร่ระบาดของโคขวิดที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ก็ได้รับทราบอย่างชัดเจนว่า การแพร่ระบาดนั้นไม่ใช่การแพร่ระบาดของโรคระบาดธรรมดา แต่เป็นสงครามชีวภาพที่กระทำต่อประเทศจีน ดังนั้นประธานสี จิ้น ผิง จึงประกาศทั่วทั้งประเทศจีนระดมกองทัพและประชาชนจีนทั่วประเทศให้เข้าสู่สงครามชีวภาพนั้น และต้องเอาชนะสงครามนั้นให้ได้
หลังจากนั้นประเทศจีนก็ค้นพบพันธุกรรมที่มีการตัดต่อพันธุกรรมของไวรัสสองชนิด คือไวรัสซาร์สและไวรัสเอดส์จนกลายเป็นพันธุกรรมใหม่ ซึ่งตอนแรกเรียกว่า
ไวรัสอู่ฮั่น ต่อมาจึงมีการขนานนามเป็นทางการว่าโควิด-19
และเมื่อทราบโครงสร้างพันธุกรรมของโคขวิดแล้ว จีนจึงค้นพบสูตรยาในการรักษาไวรัสนี้ และประสบความสำเร็จโดยได้รับต้นแบบตัวยาจากประเทศไทย และได้รับแบบอย่างการใช้พลาสมาในการรักษาไวรัสที่ได้ผลอย่างรวดเร็วจากคณะแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี
ดังนั้นประเทศจีนซึ่งขณะนั้นมีการแพร่ระบาดจนมีผู้ติดเชื้อถึง 80,000 คน จึงสามารถรักษาเยียวยาให้หายได้ในเวลาไม่กี่วัน
จากนั้นก็ได้ส่งทั้งยา แบบแผนการรักษาและผู้เชี่ยวชาญออกไปช่วยเหลือมิตรประเทศในการรับมือกับการแพร่ระบาดอย่างขนานใหญ่ ซึ่งขณะนั้นกำลังแพร่ระบาดหนักที่อิตาลี ฝรั่งเศส และอิหร่าน รวมทั้งเกาหลีใต้ด้วย ทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถสกัดการแพร่ระบาดได้ผลสำเร็จเช่นเดียวกัน
ในขณะนั้นก็เป็นที่ทราบกันทั่วไปทั่วโลกว่าผู้ถือสิทธิบัตรเป็นเจ้าของโคขวิดได้เตรียมการผลิตและจำหน่ายวัคซีนให้แก่มวลมนุษย์ถึง 7,000 ล้านคน ซึ่งถ้าหากสำเร็จตามแผนการที่วางไว้ก็จะมั่งคั่งร่ำรวยจนสุดคณานับ แต่ทว่าความสำเร็จไม่ได้อำนวยให้แก่ผู้วางแผนเช่นนั้น เพราะวัคซีนที่เตรียมไว้กลับไม่สามารถป้องกันรักษาโคขวิดได้จริงแม้ต้องปรับปรุงแล้วถึงสองครั้งก็ไม่สำเร็จ
ในขณะเดียวกัน ประเทศจีนและรัสเซียซึ่งทราบสถานการณ์และสภาพการณ์ของโคขวิดเป็นอย่างดีว่าแพร่เชื้อง่าย ระบาดได้ไว จำเป็นที่จะต้องมีวัคซีนป้องกันในที่สุด จึงทุ่มเทการศึกษาวิจัยและผลิตวัคซีน ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน
เมื่อประสบความสำเร็จแล้วประธานสี จิ้น ผิง ได้ประกาศต่อชาวโลกว่าความสำเร็จในการค้นพบวัคซีนชนิดนี้จะถือว่าเป็นสมบัติของมวลมนุษย์ และจีนจะผลิตออกจำหน่ายทั่วโลกในราคาทุน แต่จีนมีความจำเป็นต้องใช้วัคซีนนี้แก่ชาวจีนก่อนซึ่งมีจำนวนมาก จึงทำให้แผนการช่วยเหลือและจัดส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศต้องล่าช้ากว่ารัสเซียซึ่งสามารถผลิตและออกจำหน่ายได้ในเดือนกันยายน หรือตุลาคม นี้
ความสำเร็จของการผลิตวัคซีนดังกล่าวคือการทำลายแผนการจำหน่ายวัคซีนให้แก่มนุษย์ 7,000 ล้านคนทั่วโลกอย่างหนักหน่วง และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่วางแผนจะผลิตออกจำหน่ายอย่างรุนแรง
ดังนั้นในขณะที่ยังไม่สามารถผลิตวัคซีนได้สำเร็จ จึงมีการสร้างกระแสข่าวและโจมตีวัคซีนของจีนและรัสเซียอย่างกว้างขวาง สื่อหลักของโลกได้โหมกระหน่ำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและกว้างขวางทั่วโลกว่าวัคซีนทั้งของจีนและรัสเซียไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการทดลองกับคนตามมาตรฐาน
ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวเรื่องนี้ก็คงจะทราบว่าทั้งจีนและรัสเซียได้ทดลองใช้วัคซีนกับมนุษย์มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เดือนมีนาคม 2563 แล้ว เฉพาะจีนนั้นได้ทดลองกับมนุษย์หลายแสนคนจนมั่นใจในความสำเร็จ
ในขณะที่สหรัฐซึ่งยังไม่มีวัคซีนใช้ รีบแจ้งความจำนงว่าจะช่วยเหลือส่งวัคซีนให้แก่กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งน่าจะจำกัดอยู่เพียงเมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพราะคงไม่รวมจีนซึ่งเป็น 1 ใน 6 ประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงด้วย
กล่าวได้ว่าเป็นการจับจองที่นั่งไว้ก่อนทั้งที่คนที่จะนั่งอยู่ที่ไหนยังไม่รู้ จึงต้องจับตาดูกันว่าการเอาตีนมาขวางที่นั่งจับจองไว้ล่วงหน้าแบบนี้จะได้ผลสำเร็จประการใดหรือไม่
ทันทีที่ข่าวนี้ปรากฏประธานสี จิ้น ผิง ก็ได้แถลงว่าจีนจะส่งวัคซีนมาช่วยเหลือกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงก่อนเพราะเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิดกับจีน
ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าโดยความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงกับจีน โดยเฉพาะคือ เมียนมา ลาว และกัมพูชานั้นคงจะยอมรับความช่วยเหลือจากจีนอย่างแน่นอนก็คงเหลือแต่ไทยและเวียดนามว่าจะรับความช่วยเหลือจากจีนหรือจะรอรับความช่วยเหลือจากสหรัฐซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อใดและได้ผลจริงหรือไม่
เพราะขณะนี้ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสมากที่สุดลำดับหนึ่งของโลกก็คือสหรัฐ ในขณะที่จีนได้แก้ปัญหานี้ตกไปโดยพื้นฐานสิ้นเชิงแล้ว
และเป็นที่คาดหมายว่าในที่สุดชาวเวียดนามก็ต้องเลือกที่จะรับความช่วยเหลือจากจีน จึงคงเหลือแต่ประเทศไทยเท่านั้นว่าจะตกลงใจและตัดสินใจในเรื่องนี้
อย่างไร แต่ในที่สุดความร่วมมือช่วยเหลือกันในภาคประชาชนย่อมไม่มีอุปสรรคใดที่จะมาขวางกั้นได้เป็นแน่นอน
ดังนั้นในขณะที่สงครามชีวภาพได้โรยราไป โดยเฉพาะกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ยกเว้นอินเดีย สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดได้เรียบร้อยแล้ว แต่กำลังระบาดหนักอยู่ในสหรัฐ และไม่มีทีท่าว่าจะรับมือได้อย่างไร
สงครามวัคซีนก็กำลังก่อตัวขึ้น และกำลังโหมกระแสปะทะกันในการชักชวนและชวนเชื่อในการใช้วัคซีนโคขวิดกันอย่างกว้างขวางรุนแรงในขณะนี้
ก็ต้องตั้งคำถามในใจแต่ละคนว่าเราจะเลือกใช้วัคซีนอย่างไหนกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี