“โครงการการขยายผลและพัฒนาความช่วยเหลือกลุ่มเด็กปฐมวัย และเด็กปฐมวัยนอกระบบในกรุงเทพมหานคร”เป็นการร่วมมือ ระหว่างกรุงเทพมหานครกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดล ถือว่าเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยให้เด็กปฐมวัยทั้งในและนอกระบบได้รับการศึกษาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดโครงการว่า กทม.มีศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนจำนวน 292 ศูนย์มีเด็กจำนวน 22,713 คน แต่ปัจจุบันการจัดบริการสาธารณะเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนเปราะบาง หรือที่มีความต้องการพิเศษยังขาดกลไกและบุคลากรที่มีความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางวิชาการมาช่วยเหลือ
ดังนั้น สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานครร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) และสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าไปร่วมพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับศักยภาพของศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานครให้มีขีดความสามารถในการดูแล ส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่ยากจนและมีภาวะยากลำบากให้ได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป
นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า กสศ. จัดตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาที่ต้องการให้ กสศ. เป็นหนึ่งในกลไกปฏิรูประบบการศึกษาที่มีขนาดองค์กรไม่ใหญ่ เน้นทำงานลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั่วประเทศ
ในปี 2563 กสศ. ได้กำหนดนโยบายขยายการช่วยเหลือไปยังเด็กปฐมวัยที่ยากจนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เข้ารับบริการในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร จะช่วยเตรียมความพร้อมและลดอัตราการไม่เข้าศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เป็นอย่างมากโดยทั้ง 3 องค์กรจะช่วยกันสำรวจ ค้นหา คัดกรองและให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาอุปสรรคในการเข้ารับบริการในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนของครอบครัวยากจน ทั้งที่มีเด็กปฐมวัยที่กำลังรับบริการอยู่ หรือยังไม่ได้เข้ารับบริการ (เด็กปฐมวัยนอกระบบการศึกษา) ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพและศักยภาพของผู้ดูแลเด็กรวมถึงการพัฒนาคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ
“พื้นที่ กทม. มีเด็กยากจน ช่วงปฐมวัย13,000 คน ยังไม่ได้รับการศึกษาในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน อันนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ กสศ.อยากชวนให้หาเด็กกลุ่มนี้ให้เจอ เรามีเครื่องมือ
ที่จะใช้คัดกรองน้องๆ เป็นรายบุคคล เพื่อดูสภาพปัญหาและแนวทางช่วยเหลือ ส่วนครูในศูนย์พัฒนาเด็ก กสศ. อยากให้ได้รับการพัฒนาทักษะ เรื่องการเรียนการสอน การดูแลเด็กโดยเฉพาะกลุ่มที่ยากลำบาก ซึ่งต่างจากการดูแลเด็กที่มีความพร้อมมากกว่า ทางสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มีเครื่องมือในการที่จะชวนคุณครูมาพัฒนาการเรียนการสอน ไปสู่น้องๆ เพื่อให้เป็นหน่วยจัดการศึกษาที่เด็กๆ อยากมาเรียน สนุกกับการมาเรียน สามารถดูแลเด็กได้อย่างเต็มที่” นายพัฒนะพงษ์ระบุ ทั้งให้ความเชื่อมั่นว่า 10 ปีต่อจากนี้ จะไม่เห็นเด็กต้องกลายเป็นเยาวชนนอกระบบการศึกษา แต่จะเป็นกำลังคนที่มีคุณค่าของประเทศต่อไป
ในขณะที่ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปี 2561-2562 สถาบันได้ทำการศึกษากลุ่มเด็กยากจน 458 ครอบครัวในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 3 จังหวัด พบว่า กลุ่มเด็กยากจนขาดแคลนที่มีภาวะวิกฤติครอบครัว ร้อยละ 53.5 มีการแตกแยกหย่าร้างของพ่อแม่ ร้อยละ 25.3 มีความรุนแรงในครอบครัวร้อยละ 14 ผู้เลี้ยงดู มีการใช้สารเสพติด ร้อยละ 69ได้รับการดูแลที่ไม่บรรลุผลสุขภาวะ ร้อยละ 24 มีพัฒนาการล่าช้า ร้อยละ 9 มีพัฒนาการล่าช้ามาก จึงเป็นเรื่องน่าห่วงใย จึงได้ผลักดันนโยบายช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้เป็นการด่วน
โดยใช้ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน (ศพด.) ที่อยู่ในการสนับสนุนของกรุงเทพมหานคร เป็นฐานสำคัญในการนำการช่วยเหลือและส่งเสริมพัฒนาการกลุ่มเด็กปฐมวัยยากจนในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ไม่น้อยกว่า 10,000 คน และเด็กปฐมวัยนอกระบบไม่น้อยกว่า 1,000 คน และอาสาสมัครผู้ดูแลเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร จะได้รับการพัฒนาให้มีขีดความสามารถในการช่วยเหลือและส่งเสริมพัฒนาการกลุ่มเด็กยากจนที่มีภาวะความยากลำบาก แนวทางการทำงานที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการขยายผลในเมืองต่างๆ ต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี