“บุรุษที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานใดๆ มักมีศรีภริยาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ” (คำพูดนี้เน้นเฉพาะบุรุษที่แต่งงานแต่งการ มีเหย้ามีเรือนแล้วเท่านั้นหรือไม่
ไม่สามารถตอบยืนยันเรื่องนี้ได้ชัดเจนในทุกกรณี)
แต่สำหรับชายชื่อทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจการเมืองผู้ประสบความสำเร็จทางการเมืองอย่างสุดๆ มาแล้วในยุคหนึ่ง (แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว ทักษิณก็พังพินาศจนไม่เหลือดีดังที่ปรากฏเช่นทุกวันนี้) ได้รับการกล่าวขานว่า ทักษิณประสบชัยชนะทางการเมือง เพราะมีลมพยุงหลังจากหลังบ้าน โดยลมพยุงหลังของทักษิณคือ หญิงอ้อ (คุณหญิงพจมานชินวัตร ดามาพงศ์ ณ ป้อมเพชร)
คนที่ติดตามเรื่องราวของทักษิณมาอย่างใกล้ชิดย่อมไม่ปฏิเสธความสำคัญของหญิงอ้อที่มีต่อความสำเร็จ (อาจหมายรวมถึงความล้มเหลว) ของทักษิณ คนที่รู้จักทักษิณย่อมรู้จักหญิงอ้อ ว่าคือศรีภริยาของทักษิณ(แม้ปัจจุบันจะหย่าขาดกันโดยนิตินัยแล้วก็ตาม)
แรกๆ นั้น เมื่อทักษิณปรากฏตัวในเวทีการเมืองต่างๆ ก็จะต้องปรากฏร่างของหญิงอ้ออยู่ไม่ไกลจากตัวของทักษิณทุกครั้ง แต่เมื่อทักษิณสามารถกินรวบประเทศไทยได้เกือบเบ็ดเสร็จ ในวันที่ทักษิณได้กินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็กลับปรากฏว่าหญิงอ้อจะเลือกออกงานคู่กับทักษิณเฉพาะแค่งานสำคัญๆ ที่เป็นทางการอย่างสุดๆ หรือเฉพาะงานพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น นั่นแสดงว่าหญิงอ้อทิ้งระยะห่างทางการเมืองกับทักษิณได้อย่างมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง
ครั้นยิ่งทักษิณมีอำนาจการเมืองมากขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ก็กลับปรากฏร่างของหญิงอ้อในเวทีการเมืองน้อยลงและน้อยลง แต่อำนาจการเมืองของทักษิณกลับแกร่งมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งหลายคนตอบได้ชัดเจนว่า หญิงอ้อเลือกเล่นเกมแห่งอำนาจได้อย่างชาญฉลาด และหลักแหลมยิ่งนักเพราะคนที่มีอำนาจการเมืองตัวจริงนั้นไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชนตลอดเวลา แต่สามารถทำงาน บงการ หรือชักใยอยู่เบื้องหลังได้ แล้วจะสามารถทำงานได้ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนใครๆ คาดไม่ถึง
แม้หญิงอ้อจะไม่ต้องการทำตัวเองให้ตกเป็นข่าวเสื่อมเสียแต่แล้วเมื่อปลายปี 2544 หญิงอ้อก็ต้องไปปรากฏตัวที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีทักษิณซุกหุ้น ปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินจำนวนที่มากพอดู ซึ่งหลายคนจำได้ดีว่าคดีซุกหุ้นให้คนใช้ คนขับรถ คนทำสวน ในบ้านของทักษิณกับหญิงอ้อ
แต่สุดท้ายทักษิณก็สามารถเข้าไปกุมอำนาจรัฐได้ หลังเกิดคำบรรลือโลกคือ บกพร่องโดยสุจริต การบกพร่องโดยสุจริตทำให้ผู้บกพร่องสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ ดังนั้นความบกพร่องด้วยความสุจริตจึงถูกหยิบยกมากล่าวในกรณีอื่นๆ ของสังคมไทยตลอดมา
แต่เมื่อทักษิณได้กุมอำนาจรัฐจนเต็มมือแล้ว ทักษิณก็แสดงธาตุแท้ของตัวตนออกมา จนในที่สุดก็นำไปสู่การรัฐประหาร เมื่อเดือนกันยายน 2549 หลังจากนั้นทักษิณต้องระหกระเหินระเหเร่ร่อนในต่างประเทศ แต่ทว่ายังมีเงินจำนวนมหาศาลไว้จับจ่ายใช้สอยอย่างสุขสบาย เมื่อทักษิณถูกทำรัฐประหาร หญิงอ้อก็ดูเสมือนจะเงียบๆ ไป แต่ลึกๆ แล้วไม่เงียบ เพราะหลังรัฐประหาร 2549 เพียงแค่หนึ่งเดือน ภาพของหญิงอ้อก็ปรากฏขึ้น โดยนำกระเช้าของขวัญไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ ภาพการเข้าบ้านสี่เสาฯ ในวันนั้น ดังกระหึ่มทันที พร้อมกับคำคาดการณ์ต่างๆ นานาสารพัดที่ตามมาจนจับไม่ได้ศัพท์ แต่สุดท้ายทักษิณก็ยังไม่ได้กลับเข้าไทยในทันที ในขณะที่ทักษิณยังเดินหมากการเมืองไปเรื่อยๆ โดยบางครั้งก็เดินหมากแบบบู๊สุดๆ
แต่เมื่อทักษิณเดินหมากการเมืองไปสักระยะหนึ่ง จนกระทั่งปี 2551 ช่วงปลายปี ก็ปรากฏข่าวใหญ่ในสังคมไทยคือ ทักษิณหย่าขาดหญิงอ้อ จากนั้นคุณหญิงพจมาน ก็เลิกใช้นามสกุลสามีคือชินวัตร แล้วเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ คือ ณ ป้อมเพชรแต่นามสกุล ณ ป้อมเพชรของหญิงอ้อ เป็น ณ ป้อมเพชรที่ไม่มีตัวการันต์ที่รอเรือ ซึ่งหลายคนงงว่าทำไม ณ ป้อมเพชร์บางสกุลจึงมีการันต์ที่รอเรือ แล้วทำไม ณ ป้อมเพชร ของหญิงอ้อจึงไม่มีการันต์ที่รอเรือ ก็ได้ความว่าเป็นคนละสายสกุลคนละตระกูลกัน เพราะ ณ ป้อมเพชร์ คือสายสกุลของพระยาไชยวิชิตสิทธิศาสตรา โดย ณ ป้อมเพชร์ นี้ได้รับพระราชทานมาจากรัชกาลที่ 6
กลับไปพูดเรื่องของหญิงอ้อต่อ หลังจากหย่ากับทักษิณแล้ว หญิงอ้อก็ดูเสมือนจะจงใจทำตัวให้เงียบหายไปจากหน้าข่าวการเมือง โดยปล่อยให้สามีที่หย่าโดยนิตินัยแสดงบทบาทต่อไปตามแต่จะคิดบทได้ และแล้ววันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ข่าวของหญิงอ้อก็ดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง เมื่อหญิงอ้อสวมชุดไทยจิตรลดาสีเหลือง พร้อมกับลูกสาวคนเล็กการสวมชุดไทยสีเหลืองของหญิงอ้อทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ด้านข่าวการเมืองกันอย่างครึกโครม ซึ่งก็มีทั้งข่าวจริงและโคมลอย แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองของทักษิณก็คือ บังเกิดความเปลี่ยนแปลงโดยทันที เพราะแกนนำพรรคหน้าเดิมๆ หลายคนหลุดกระเด็นจากพรรคในพริบตา แล้วแกนนำพรรคหน้าเก่าๆ ที่เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทย และพรรคอื่นๆ ของทักษิณก็กลับเข้ามามีตำแหน่งแห่งที่ในพรรคเพื่อไทยอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวพันกับการสวมชุดไทยสีเหลืองโดยหญิงอ้อหรือไม่ ก็ยังเป็นที่จับตาเฝ้าสังเกตกันต่อไป
ส่วนคำถามที่ว่าตกลงแล้วหญิงอ้อจะใช้นามสกุลใดกันแน่ระหว่าง ณ ป้อมเพชร กับ ดามาพงศ์ ก็ต้องบอกว่า ล่าสุดหญิงอ้อเลือกใช้ดามาพงศ์ แต่ทำไมจึงเลือกใช้นามสกุลของฝ่ายพ่อแล้วเลิกใช้นามสกุลของฝ่ายแม่ ก็เป็นเรื่องที่ยังหาคำตอบชัดๆ ไม่ได้
แต่ฉากการเมืองที่น่าสนใจยิ่งกว่าเรื่องนามสกุลของหญิงอ้อคือเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 หญิงอ้อเข้าร่วมประชุมกับแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย แล้วหลังจากนั้นก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยดังที่ทุกคนได้รับทราบไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากคำบงการของทักษิณ หรือของหญิงอ้อ หรือสองแรงร่วมประสาน
ฉากสำคัญล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเพื่อไทยคือ หญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กระเด็นออกจากตำแหน่งสำคัญของพรรค (ตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค) ทำไมหญิงหน่อยยอมลาออก ลาออกเพราะอะไร ออกเองตามความสมัครใจ หรือต้องออกเพราะประกาศิตของใคร เรื่องนี้ต้องตามดูต่อไป เพราะจนถึงขณะนี้หญิงหน่อยยังคงอมพะนำไม่เปิดปากในเรื่องนี้
แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือขาเก่าหน้าเดิม เช่น ภูมิธรรม เวชยชัยพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี พงษ์ศักดิ์รักตพงษ์ไพศาล และพิชัย นริพทะพันธุ์ กลับมามีอำนาจในพรรคการเมืองของทักษิณอีกคำรบหนึ่ง
คนที่ไม่รู้จักตื้นลึกหนาบางที่แท้จริงของหญิงอ้ออาจจะไม่รู้ลึกซึ้งว่าหญิงอ้อมีความสำคัญอย่างไรกับพรรคการเมืองทุกพรรคของทักษิณ และกับนักการเมืองทุกคนที่อยู่ใต้คำบงการของทักษิณ แต่สำหรับคนที่เคยใกล้ชิดอย่างแท้จริงกับหญิงอ้อต่างบอกตรงกันว่า หญิงอ้อไม่ธรรมดา เป็นคนที่ดูอ่อนหวาน ดูเฉยๆ ดูเรื่อยๆ แต่ลึกๆแล้วเฉียบขาด เข้มข้นมากจนคาดไม่ถึง
คอการเมืองไทยไม่ลืมความจริงอย่างหนึ่งคือ ตลอดเวลาที่ทักษิณมีอำนาจรัฐ หญิงอ้อคือคู่คิดคนสำคัญของทักษิณ แต่บางคนบอกว่าหญิงอ้อคือกุนซือตัวจริงของทักษิณ แม้ในยามนี้ทักษิณอ่อนแรงไร้กำลังทางการเมืองลงไปแล้ว แต่คนที่อยู่เคียงข้างกับทักษิณก็ยังชื่อหญิงอ้อดังเดิม
สำหรับทักษิณนั้น ต่อให้เขามีลิ่วล้อบริวารมากมายสักเพียงใด แต่ทักษิณไม่สามารถอยู่โดยปราศจากหญิงอ้อได้อย่างแน่นอน คนการเมืองใต้อาณัติของทักษิณยอมรับว่าแม้จะเกรงใจทักษิณสักเท่าไร ก็ต้องไม่ลืมเกรงใจหญิงอ้อ แล้วที่สำคัญอาจจะต้องเกรงใจหญิงอ้อไม่น้อยกว่าทักษิณ เพราะหญิงอ้อมีจิตวิทยาการเมืองที่สูงมาก รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาในเกมการเมืองอย่างแยบยลลึกล้ำ
แล้วที่สำคัญคือหญิงอ้อได้สร้างบารมีไว้กับคนในพรรคการเมืองของทักษิณมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น นักการเมืองในพรรคของทักษิณจึงต้องยำเกรงและมีสัมมาคารวะต่อหญิงอ้อส่วนนักการเมืองในพรรคทักษิณรายใดก็ตามที่บังอาจแสดงอาการไม่ยำเกรงหญิงอ้อ หรือกล้าแสดงความหยาบคายต่อหญิงอ้อแล้ว รับรองว่าคนผู้นั้นไม่มีทางได้ผุดได้เกิดในพรรคการเมืองของทักษิณเป็นอันขาด
เรื่องพรรค์อย่างนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับคนที่ถูกหญิงอ้อเชือดด้วยหมากการเมือง หากไม่เชื่อขอให้ไปถามหญิงหน่อยดูได้ ว่าได้รับบทเรียนอะไรที่เจ็บแสบจนลืมไม่ลงมาแล้วบ้าง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี