จนถึงบัดนี้ สาธารณชนที่ติดตามคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 76/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 228/2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันที่ 27 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 4 ซึ่งเป็นโจทก์ กับนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ จำเลยที่ 1 และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช จำเลยที่ 2 เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ทั้งนี้จำเลยให้การรับสารภาพ โดยมีข้อสรุปได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมหลายวาระต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสองร่วมกันทำเอกสารราชการของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ปลอมขึ้นทั้งฉบับ โดยการให้จำเลยที่ 1 ทำปลอมขึ้นซึ่งหนังสือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ ฝบอ. 2000/0064 ลงวันที่ 18 กันยายน 2560 เรื่อง การพัฒนาที่ดินบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม) เรียน นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
สาระสำคัญคือมีการปลอมแปลงลายมือชื่อนายสุรพลเล็กเลิศผล ตำแหน่งนักบริหารงานอสังหาฯ แต่จำเลยที่หนึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือฉบับดังกล่าว โดยปลอมรายมือชื่อนายสุรพล เล็กเลิศผล มีข้อความสรุปได้สาระสำคัญว่า บริษัท เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทุนในเบื้องต้นแล้ว
แต่ในความเป็นจริง หนังสือฉบับดังกล่าวมิได้ออกโดยฝ่ายบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจัดผลประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ รวมถึงพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ชิดลม)
สรุปเนื้อหาสำคัญของส่วนนี้คือเป็นการทำเอกสารปลอม (ขอให้คุณที่สนใจติดตามเรื่องการทุจริตนี้โดยละเอียด โปรดอ่านในคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 76/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 228/2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันที่ 27 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 4 ซึ่งเป็นโจทก์ กับนายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ จำเลยที่ 1 และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช จำเลยที่ 2 เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
เมื่ออ่านเนื้อหาจากคำพิพากษาโดยละเอียดแล้วจะพบว่า พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 143, 264, 265, 268พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/4 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม รวมสองกระทง ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำคุกกระทงละสองปีฐานร่วมกันเป็นตัวกลางในการเรียกรับสินบน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 จำคุกคนละสองปี รวมจำคุกคนละหกปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละสามปี ลงชื่อ อวิรุทธ์ ชาญชัยกิตติกร และเอกสิทธิ์ จารุวัฒน์จีรังกร
คราวนี้ก็มีประเด็นที่สาธารณชนตั้งคำถามกันอึงมี่คือ ในเมื่อศาลลงโทษจำเลยทั้งสอง แล้วเหตุใดไม่ลงโทษผู้จ่ายเงินสินบน 20 ล้านบาทให้กับจำเลยที่ถูกลงโทษจำคุกรายละ 3 ปี ทั้งๆ ที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองคือประสิทธิ์ อภัยพลชาญ และสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อนำไปใช้เรียกเงินสินบนจากสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายของธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ลูกของสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ
หลายคนรู้ดีว่าธนาธรคือนักการเมืองที่พลาดหวังจากการเข้าไปนั่งในตำแหน่ง สส. แต่ทุกคนที่ติดตามข่าวการเมืองก็ทราบดีว่าธนาธรคือหัวหน้าหรือประธานของคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ตั้งขึ้นหลังจากพรรคอนาคตใหม่ ถูกตัดสินโดยศาลให้ยุบพรรค แล้วทุกคนก็ทราบดีว่าพฤติกรรมทางการเมืองของธนาธรเป็นเช่นไร และมีส่วนเกี่ยวพันมากน้อยและลึกซึ้งเพียงใดกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคณะราษฎร 2563 และกลุ่มเด็กนักเรียนเลว ที่ก่อการประท้วงอยู่เป็นประจำ
ย้ำอีกทีว่าจำเลยทั้งสองคนถูกศาลตัดสินว่าทำความผิดจนต้องถูกสั่งจำคุก และจำเลยทั้งสองได้รับเงินสินบน 20 ล้านบาท จากน้องชายของธนาธร แต่สาธารณชนไม่เห็นว่าสกุลธรจะถูกศาลพิพากษาลงโทษสถานใด ก็จึงทำให้มีคำถามว่าผู้จ่ายสินบนให้คนที่กระทำผิดจนถูกลงโทษด้วยการจำคุกไม่มีความผิดหรือหากผู้จ่ายสินบนแล้วไม่มีความผิด ในกาลข้างหน้า หากมีการจ่ายสินบนให้ใครต่อใครก็ไม่มีความผิด ใช่หรือไม่
มีคำถามอีกว่า การจ่ายสินบนถือเป็นความผิดหรือไม่การจ่ายสินบนมีความผิดฐานเป็นตัวการสนับสนุนให้เจ้าพนักงานของรัฐให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช่หรือไม่ หรือการจ่ายสินบนเป็นเรื่องที่ใครต่อใครสามารถกระทำได้ เพราะทำแล้วไม่ผิด
คำถามที่ถูกสาธารณชนถามย้ำๆ คือ การที่สกุลธรจ่ายเงินสินบน 20 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไม่ถือเป็นความผิด ใช่หรือไม่ และทำไมผู้จ่ายสินบนจึงไม่มีความผิด ทั้งที่คนรับสินบนคือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่ร่วมกันทำเอกสารปลอม
ส่วนที่มีข้อความว่าสกุลธรถูกหลอก จึงไม่มีความผิดทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าเช่นนั้นสกุลธรเป็นคนบริสุทธิ์ กระนั้นหรือ มีคำถามตามมาอีกว่า ทำไมสกุลธรจึงต้องให้สินบน 20 ล้านบาท การให้สินบนคือส่วนหนึ่งของการทำมาหากินโดยสุจริต กระนั้นหรือ คนทำมาหากินสุจริตต้องจ่ายสินบนโดยความสมัครใจ กระนั้นหรือ แล้วถ้าสกุลธรสุจริตจริง ทำไมต้องจ่ายสินบท แล้วทำไมจึงข้อตกลงว่าถ้าได้งาน จะจ่ายเงินให้ทั้งหมด 500 ล้านบาท
การอ้างว่าสกุลธรถูกหลอก เป็นข้ออ้างที่ฟังได้จริงหรือ เพราะในเมื่อมีการเต็มใจจ่ายเงินให้กับผู้รับสินบน แม้จะอ้างว่าผู้รับสินบนไม่มีหน้าที่ในกิจการนั้นๆ โดยตรงก็ตามที แต่ข้อเท็จจริงคือมีการจ่ายเงินสินบนจริงๆ และจ่ายโดยตั้งใจๆ ไม่ได้จ่ายเพราะถูกบีบบังคับแต่ประการใด
ถามต่อไปว่า หากอ้างว่าจำเลยที่ถูกลงโทษจำคุกเป็นเพียงตัวกลางรับเงินสินบน 20 ล้าน จากสกุลธร ก็ต้องถามต่อไปว่าแล้วผู้รับสินบนนำเงินไปส่งมอบให้ผู้มีอำนาจในการประมูลงานตามที่สกุลธรต้องการต่อหรือไม่ เพราะสกุลธรอาจจะรู้ว่าจ่ายเงินสินบนให้ตัวกลางตั้งแต่แรกเพราะคนที่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องการประมูลอาจไม่ยอมรับเงินด้วยตัวเอง แต่มอบให้คนกลางเป็นคนรับเงินสินบนแทน แล้วจึงให้นำเงินสินบนนั้นไปส่งมอบให้กับตนเองต่อไป
สาธารณชนยังคงเคลือบแคลงสงสัยกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่า เหตุใดสกุลธรผู้จ่ายเงินสินบน 20 ล้านบาท จึงไม่ผิด หากสกุลธรไม่ผิด เพราะจ่ายเงินสินบน แล้วคนอื่นๆ บนแผ่นดินนี้ที่จ่ายสินบนจะต้องมีความผิดและต้องถูกลงโทษหรือไม่ เรื่องนี้ยังคงเป็นคำถามคาใจคนไทยจำนวนไม่น้อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี