วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2490 เป็นต้นมา สังคมการเมืองไทยยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรของ....การรัฐประหาร มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ร่างรัฐธรรมนูญใหม่การเลือกตั้ง รัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้วก็วนกลับมาสู่การทำรัฐประหารใหม่อีก.....
การดำรงอยู่ของวงจรการทำรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญทำให้ผู้นำฝ่ายทหารต้องการเนติบริการของเนติบริกรในการร่างคำประกาศ ประดิษฐ์คิดคำสั่งคณะรัฐประหาร ออกแบบสถาบันทางการเมือง รวมไปถึงให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาทางกฎหมายเพื่อไม่ให้คณะทหารผู้ทำการรัฐประหารมีความผิดในข้อหากบฏล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ในยุคแรกๆ บุคคลผู้มีบทบาทให้เนติบริการกับผู้นำฝ่ายทหาร มักจะเป็นนักกฎหมายจากกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เนติบริกรจากหน่วยดังกล่าว จะต้องให้เนติบริการกับชนชั้นปกครองหรือผู้มีอำนาจในขณะนั้นเพราะเป็นข้าราชการสังกัดองค์กรซึ่งมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของแผ่นดิน
ดังนั้น คำว่า “เนติบริกร” โดยตัวมันเองแล้ว จึงไม่ใช่คำที่มีความหมายเชิงลบแต่ประการใด
พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ (สิทธิ จุณณานนท์) อดีตอธิบดีกรมอัยการ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และรัฐมนตรี ในรัฐบาลเสนีย์ ปราโมช ช่วงหลังสงคราม ถือเป็นเนติบริกรคนแรกๆ ในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยของไทยเขาเป็นหนึ่งในมันสมองผู้ร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับปี 2490 หรือรัฐธรรมนูญ ฉบับใต้ตุ่ม ที่คณะรัฐประหารนำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ เตรียมร่างเอาไว้ แล้วให้ น.อ.กาจ กาจสงคราม รองหัวหน้าคณะรัฐประหารนำเอาไปซ่อนไว้ใต้ตุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหล เมื่อทำรัฐประหารสำเร็จ คณะผู้ก่อการจึงเอาออกมาจากตุ่มแล้วประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว ต่อมาเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญถาวร ฉบับปี 2492 พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้
ภายหลังการทำรัฐประหารปี 2500 พระยาอรรถการีย์นิพนธ์ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมและต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปี 2512 ตั้งแต่รัฐบาลพจน์ สารสิน สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ ถนอม กิตติขจร ตามลำดับ และในฐานะมือกฎหมายของรัฐบาลในยุคนั้น พระยาอรรถการีย์นิพนธ์คงจะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นได้ว่า มาตรา 17 ใน ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร 2502 ที่ให้อำนาจจอมพลสฤษดิ์ล้นฟ้า เป็นผลงานชิ้นโบดำของเนติบริกรคนใด
เช่นเดียวกับ ลูกศิษย์และหลานศิษย์ของพระยาอรรถการีย์นิพนธ์ในรุ่นต่อมาที่มีผลงานในการบรรจุ มาตรา 44 เข้าไปใน รัฐธรรมนูญ ชั่วคราวฉบับปี 2557 ที่ให้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติล้นฟ้าและไม่ต้องมีความรับผิดชอบใดๆ ย้อนกลับไปเหมือนยุคจอมพลสฤษดิ์ อีกครั้ง
ภายหลังการรัฐประหารปี 2519, 2520 และ 2534 ภายใต้ระบอบกึ่งเผด็จการ-กึ่งประชาธิปไตย คณะบุคคลผู้มีบทบาทในการจัดทำรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2519, 2521 และ 2534 ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเนติบริกรในระบบราชการอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยเริ่มมีอาจารย์มหาวิทยาลัยในสายนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์สอดแทรกเข้ามาบ้าง
เช่น ภายหลังการทำรัฐประหาร 20 ตุลาคม 2520คณะทหารที่รวมตัวกันทำรัฐประหารในนามของคณะปฏิวัติที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อร่าง ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย 2520 ขึ้นใช้แทนรัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราว คณะกรรมการชุดนี้มี ศ.ดร.สมภพ โหตระกิตย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในขณะนั้น เป็นประธาน และ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ผู้อำนวยการกองยกร่างกฎหมายคนแรกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำหน้าที่เลขานุการของคณะกรรมการ
ภายหลังการรัฐประหารปี 2534 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ผู้อยู่เบื้องหลังการเขียน ธรรมนูญการปกครอง ฉบับชั่วคราว ปี 2534 ให้กับคณะรัฐประหารที่เรียกตนเองว่า “สภารักษาความสงบแห่งชาติ” (รสช.) ก็ก้าวขึ้นมาเป็นประธานกรรมาธิการร่าง รัฐธรรมนูญปี 2534 ที่มีเนื้อหาสำคัญไม่ต่างไปกว่ารัฐธรรมนูญที่เนติบริกรรุ่นก่อนๆ เขียนให้กับคณะรัฐประหารในอดีต กล่าวคือการออกแบบกลไกให้คณะทหารได้สืบต่ออำนาจการปกครองต่อไปอีกระยะหนึ่ง ปูทางให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร รองหัวหน้าสภา รสช. ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกจนนำไปสู่เหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2535
อีก 15 ปีต่อมา ภายหลังการรัฐประหารปี 2549 โดยการนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นายมีชัยก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคำประกาศ แถลงการณ์และคำสั่งต่างๆ ของ “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”(คปค.) และ อีก 8 ปีต่อมา ภายหลังการรัฐประหารปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”(คสช.) ก็ยังคงเรียกใช้เนติบริการจากเนติบริกรเจ้าเก่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ให้เป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ที่นายมีชัยได้ออกแบบกลไกพิสดารให้ คสช. สืบทอดอำนาจด้วยสูตร พรรคทหาร รัฐบาลผสม สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้งและนายกรัฐมนตรีคนนอก ไม่ต่างไปจาก รัฐธรรมนูญปี 2534 ที่เขาเคยเป็นประธานร่างมาก่อนเมื่อ 26 ปีก่อน
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น คำว่า “เนติบริกร” ไม่ใช่คำที่มีความหมายเชิงลบแต่ประการใด มีเนติบริกรจำนวนมากให้เนติบริการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมของคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือกลุ่มเดียวที่เป็นส่วนน้อยและได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
แต่ในทางตรงกันข้าม ก็ยังมีเนติบริกรอีกจำนวนหนึ่งให้เนติบริการด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนหรือผู้มีอำนาจต้องการเท่านั้น มิใยว่าจะขัดต่อคุณธรรมหรือหลักการใดๆ หรือสร้างปัญหาให้คนส่วนใหญ่เพียงใดก็ตาม โดยค่าจ้างที่เนติบริกรกลุ่มนี้ได้รับมักปรากฏออกมาในรูปแบบของผลตอบแทนของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานวุฒิสภาไปจนถึงตำแหน่งประรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม.....ตำแหน่งเดียวที่คณะรัฐประหารหรือผู้นำฝ่ายทหารคนใดก็ไม่สามารถมอบให้กับเนติบริกรกลุ่มนี้ได้ ก็คือ การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
ดร.ธิติ สุวรรณทัต

'บอสณวัฒน์' แจ้งจับไอโอ โอนเงินก่อกวน จ่อคืนเงิน 'กัน จอมพลัง' อนาคตไม่ขอร่วมงานด้วย
ทลายโรงงานเถื่อน! ลักลอบผลิตยาดมสมุนไพร ‘สูตร 2’ ยี่ห้อดัง ต้นตอเชื้อราในยาดม ยึด 2.3 ล้านชิ้น
‘ไอซ์ รักชนก’แฉฉ่ำ! แก๊งสแกมเมอร์ กว้านซื้อ‘รางวัลที่1’ ฟอกเงิน ‘ดำ’ เป็น ‘ขาว’ ลั่นยินดีให้ข้อมูลรัฐบาล
มิติใหม่! 'หน้าเหมือนองค์หญิงมาก องค์หญิงจ๊ะ' สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงไลฟ์สดแต่งพระพักตร์ครั้งแรก (ชมคลิป)
'กัน จอมพลัง'แจง กมธ. ปมบริจาคกองทัพ โชว์ใบขอความอนุเคราะห์ 'ไอซ์'ขอเอกสารตรวจสอบ 'วินธัย'ยันไม่ขาดแคลน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี