ก่อนอื่น ขอกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2564 กับคุณผู้อ่านแนวหน้าทุกท่าน ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงในสากลโลก โปรดช่วยอภิบาลคุ้มครองป้องกันภยันตรายทั้งหลายให้คุณผู้อ่านแนวหน้าทุกท่าน ขอให้ท่านมีความสุขกาย สุขใจ ตลอดปี 2564 และตลอดไป
ไม่ว่าเราทุกคน (คนไทยผู้น่าสงสาร) จะผ่านปีใหม่มาแล้วกี่สิบหนก็ตาม แต่ปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งในสังคมไทยที่เราประสบกันมาโดยตลอดคือ บ้านเมืองของเรายังเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ นานา ทั้งทุจริตที่โจ่งแจ้งชัดเจน และทุจริตที่แสนซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทุจริตเชิงนโยบาย ฯลฯ
จนมีคำกล่าวเชิงตั้งคำถามที่สะท้อนความจริงกันทั่วไปว่ามีรัฐบาลชุดใดบ้างไหมหนอที่ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน หรือว่าจริงๆ แล้ว รัฐบาลไทยทุกชุดล้วนแล้วแต่เข้ามารับหน้าที่พร้อมกับความตะกละตะกราม จนไม่สามารถเลิกพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงทุจริตคอร์รัปชันได้เลยแม้แต่รัฐบาลเดียว ไม่ว่ารัฐบาลเหล่านั้นจะมาจากการโกงการเลือกตั้ง (แต่ก็อ้างว่าชนะการเลือกตั้งมาอย่างใสสะอาด) หรือมาจากการทำรัฐประหาร (แล้วอ้างว่าต้องทำรัฐประหารเพื่อปราบปรามรัฐบาลโกงบ้านกินเมือง แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มรัฐประหารที่ปล้นอำนาจรัฐบาลอื่นมา ก็ไม่สามารถทำตัวให้ต่างไปจากรัฐบาลโกงบ้านกินเมืองได้ แถมยังมีพฤติกรรมฉ้อฉลโกงบ้านกินเมืองหนักหนาสาหัสยิ่งกว่ารัฐบาลที่ถูกคณะรัฐประหารโค่นล้มไป) ก็ตาม
ทุกคนรู้ดีว่าการทุจริตคอร์รัปชันโกงบ้านกินเมืองสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคนไทยและประเทศไทย เพราะทำให้เกิดผลกระทบด้านลบอย่างแสนสาหัสต่อปากท้องของประชาชนทุกคน และต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่ถึงกระนั้น ประเทศไทยก็ยังเต็มไปด้วยคนมีอำนาจรัฐที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลปล้นประเทศเสมอมา
บ้านเมืองของเรามีคนฉ้อฉลโกงกินมากมาย เสียจนต้องมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามคนประพฤติทุจริตโกงบ้านกินเมือง แล้วก็ยังมีการสาปแช่งคนโกงบ้านกินเมืองมาโดยตลอดแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีคนโกงบ้านกินเมืองอยู่ต่อไป แต่ที่น่าสมเพชก็คือคนโกงบ้านกินเมืองยังกล้าลอยหน้าเล่นละครตบตาคนไทยทั้งแผ่นดินว่า ตนเองสนับสนุนให้ปราบปรามการ
ฉ้อราษฎร์บังหลวง การทุจริตโกงกิน ซึ่งเราทุกคนเห็นกันชัดๆ ว่าคนโกงที่กล้าประกาศว่าตนเองจะปราบโกงนั้นมีหน้าตาอย่างไร เพราะเป็นประจำทุกๆ ปี คนพรรค์อย่างว่านั้นก็จะขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดปดสารพัดต่อสาธารณชน แล้วก็ยกมือขึ้นไขว้ที่หน้าอก พร้อมประกาศว่าตนเองจะปราบปรามการโกงกินในบ้านเมือง ซึ่งภาพเช่นนี้เป็นภาพที่แสนน่าขบขัน ผสมน่าสังเวชเสียจนเกินจะบรรยายได้
อันที่จริงแล้ว นอกจากบ้านเมืองของเราจะมีกฎหมายเอาผิดคนโกงสารพัดมาตราที่ขยันเขียนกันขึ้นมาในทุกยุค แต่ก็เป็นได้แค่เพียงการเขียนภาพเสือ เพื่อหลอกให้วัวกลัว แต่ทว่าวัวขี้โกง
ก็ไม่เคยกลัวเสือกระดาษ นอกจากมีกฎหมายแสนตลกที่ไม่สามารถปราบโกงในประเทศนี้ได้แล้ว ก็ยังมีการตั้งคำขวัญต่างๆ นานา เพื่อหวังจะปราบโกง แต่ก็ไม่เคยปราบโกงได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับปรากฏว่าคนโกงจำนวนไม่น้อย กลับสามารถเข้าไปมีอำนาจรัฐอย่างออกนอกหน้านอกตา
นอกจากนี้ยังมีการตั้งกลุ่ม ตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อหวังปราบโกงอีกด้วย เช่น องค์กรต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และองค์กรแห่งความโปร่งใส แล้วก็ยังอุตส่าห์มีโครงการที่มีชื่อซึ่งบ่งบอกว่าประเทศนี้ช่างเต็มไปด้วยคนโกง คือ โตไปไม่โกง เพราะคิดเอาเองว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างจิตสำนึกให้เด็กไทยเติบโตขึ้นแล้วไม่เป็นคนโกง แต่ขออภัยที่ต้องบอกตรงๆ ว่า โครงการนี้น่าจะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เพราะคนที่มีสันดานโกงกินนั้น เขาไม่กลัวบทลงโทษทางกฎหมาย เพราะคนขี้โกงรู้ดีว่าผู้บังคับใช้กฎหมายไทยจำนวนไม่น้อยไม่รังเกียจการคดโกง แถมยังมีข่าวปรากฏเป็นระยะๆ อีกว่า คนบางจำพวกในกระบวนการศาล และกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่น่าจะมีความสุจริตโปร่งใสอีกด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดคดีฉ้อโกงใดๆ ขึ้นมา ก็จึงไม่แปลกใจที่สาธารณชนมักจะเห็นคนโกงไม่ถูกลงโทษลงทัณฑ์ แถมบางรายยังได้มีตำแหน่งแห่งที่ใหญ่โตในฝ่ายบริหารเสียอีก
หากย้อนไปดูงานวิจัยต่างๆ นานาของบ้านเรา ที่ทำขึ้นมาเพื่อตีแผ่การโกงกิน ก็จะพบเสมอๆ ว่า แม้กระทั่งงานวิจัยของหน่วยงานภาครัฐเองก็ยังยอมรับว่ามีปัญหาการทุจริตฉ้อราษฎรบังหลวงปรากฏอยู่ทั่วไป เช่นงานวิจัยของรัฐสภาไทยที่ปรากฏในเว็บไซต์รัฐสภา parliament.go.th ระบุว่า ในแต่ละปี บรรดาพ่อค้าและนักธุรกิจไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ต้องจ่ายเงินให้กับขบวนการคอร์รัปชัน จำนวนสูงเกือบ 3 แสนล้านบาท อันส่งผลเสียให้ประชาชนไม่ได้รับบริการสาธารณะที่ได้คุณภาพ และยังทำให้นักธุรกิจ นักลงทุนขาดความไว้เนื้อเชื่อใจในระบบราชการไทย เพราะว่าระบบราชการไทยมีส่วนเอื้อให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงในมิติต่างๆ
ดังนั้น จึงไม่ต้องประหลาดใจว่า เหตุใดเมื่อมีการสำรวจความเห็นประชาชนโดยสำนักวิจัยต่างๆ ก็จะได้รับทราบผลสำรวจความเห็นว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการไทยมาทุกยุค
ทุกสมัย และมีมาโดยตลอด
ครั้นเมื่อถามว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 จะสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบเกินกว่าร้อยละ 50 ว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
คงไม่จำเป็นต้องอธิบายขยายความว่าคอร์รัปชันคืออะไร พฤติกรรมเช่นไรที่เรียกว่าคอร์รัปชัน ในความเป็นจริงนั้นคอร์รัปชันมีพฤติกรรมที่แตกต่างและหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะมองจากด้านวัตถุประสงค์ของการกระทำ หรือจากมุมมองด้านศีลธรรมจรรยา หรือในเชิงเศรษฐศาสตร์ คอร์รัปชันบางอย่างเข้าข่ายความผิดเชิงอาชญากรรม แต่บางอย่างก็เป็นแค่เพียงการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันโดยมิชอบจากคนบางกลุ่มบางพวก
อย่างที่กล่าวในข้างต้นไปแล้วว่าคอร์รัปชันคือปัญหาและอุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมนุษย์ ดังที่สหประชาชาติได้ให้ความหมายของคอร์รัปชันว่า มิใช่แค่เพียงพฤติกรรมเท่านั้น แต่ถือเป็นปรากฏการณ์ทางสังคม การเมือง และด้านเศรษฐศาสตร์ เพราะมันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ทั่วโลก (UNODC, 2009)
สำหรับคนในประเทศไทยคงไม่จำเป็นต้องค้นหาคำนิยามหรือคำอธิบายเรื่องคอร์รัปชันอีกต่อไป เพราะคนไทยจำนวนมากต่างเข้าใจดีกับคำว่าคอร์รัปชัน และยังรู้ดีอีกว่าพฤติกรรมของการคอร์รัปชันเป็นอย่างไร แล้วยังสามารถชี้ตัวได้อีกว่ามีคนในกลุ่มไหนบ้างที่มีพฤติกรรมคอร์รัปชัน (แต่ส่วนมากจะรู้ แต่ก็ไม่กล้าชี้ตัวคนมีพฤติกรรมคอร์รัปชัน เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัยในชีวิตของตนเอง)
เราคงไม่จำเป็นต้องพูดกันอีกต่อไปคอร์รัปชันคืออะไร แต่สิ่งเราทุกคนควรหาทางร่วมกันคือ การป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชัน โดยเฉพาะการคอร์รัปชันในแวดวงราชการไทย (อันที่จริง
ยังมีการคอร์รัปชันในภาคเอกชนด้วย)
แน่นอนว่า ปัญหาคอร์รัปชันคือปัญหาสำคัญของไทยมายาวนาน ซึ่งเราทุกคนทราบดีว่าปัญหานี้ถูกหยิบยกเป็นวาระแห่งชาติ และมีการตั้งหน่วยงานต่างๆ ขึ้นมาเพื่อจัดการกับการคอร์รัปชัน แต่ก็เป็นได้แค่เพียงการสร้างภาพเท่านั้น เพราะความเป็นจริงคือคอร์รัปชันยังคงแพร่ระบาดอยู่เต็มเมืองไทย
มีผู้ถามว่า ทำไมประเทศไทยปราบปรามหรือกำจัดการคอร์รัปชันไม่ได้ คำตอบเบื้องต้นคือ เพราะผู้มีอำนาจรัฐ และมีตำแหน่งแห่งที่ในแวดวงราชการจำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรมคอร์รัปชัน และสนับสนุนให้เกิดการคอร์รัปชัน ครั้นถามต่อว่าทำไมประเทศอื่นซึ่งไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถปราบปรามคอร์รัปชันได้อย่างน่าสรรเสริญ คำตอบก็คือ เพราะเขามีหน่วยงานมีผู้บริหารหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามผู้คอร์รัปชัน โดยไม่ทำเป็นลูบหน้าปะจมูกเหมือนในเมืองไทย และมีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้มีพฤติกรรมคอร์รัปชันอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาได้ยากมากในบ้านเมืองของเรา เพราะบ้านเมืองของเรานั้น ผู้มีอำนาจรัฐมักจะพูดอยู่อย่างเดียว คือ ไม่คอร์รัปชัน แต่เมื่อมีผู้อาจหาญกล่าวหารัฐบาลว่าคอร์รัปชัน ผู้นำรัฐบาลไทยก็จะทำได้อย่างเดียวคือ ปฏิเสธไว้ก่อนทุกครั้ง แล้วก็พูดแบบไม่รับผิดชอบว่า ไปหาหลักฐานมาว่าใครทุจริตคอร์รัปชัน
ขอบอกสั้นๆ ตรงประเด็นว่า ตราบใดก็ตามที่บ้านเมืองของเรายังมีผู้นำประเทศที่ดีแต่ลอยหน้าถามหาใบเสร็จการคอร์รัปชัน ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า อย่าหวังเลยว่าบ้านเมืองของเราจะปราศจากคนคอร์รัปชัน เพราะขนาดคนมีอำนาจรัฐสูงสุดในกำมือยังถามหาใบเสร็จ โดยไม่มีปัญญาแสวงหาข้อเท็จจริงว่าคนคอร์รัปชันคือใคร การที่ผู้มีอำนาจรัฐชอบถามหาใบเสร็จการคอร์รัปชัน ก็น่าจะเป็นเพราะว่าผู้นำรัฐไม่มีความจริงใจกับการปราบปรามคอร์รัปชันให้สิ้นซากไปจากแผ่นดินไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี