หากวันนี้สังคมไทยไม่มีการแพร่ระบาดอย่างเป็นบ้าเป็นหลังของเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 แต่ประเทศอื่นๆ ต้องประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตัวนี้อย่างหนัก ชื่อของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงหวานหอม กลายเป็นพระเอกที่คนไทยจำนวนไม่น้อยอาจจะหลงใหลมากกว่าเดิม
แต่เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมากมายจนกระจายไปทั่วทั้งประเทศไทย ชื่อของ พลเอกประยุทธ์ ก็กลับกลายเป็นผู้ร้ายไปในบัดดล (ส่วนเจ้าตัวยังจะนึกเอาเองว่าตนเองยังคงเป็นพระเอกอยู่เหมือนเดิม ก็คงไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของเขาได้ เพราะเขาเชื่อมั่นตัวเองมากจนไม่ฟังเสียงคัดค้านหรือท้วงติงใดๆ ทั้งสิ้น) สาเหตุที่กลายเป็นผู้ร้าย เพราะคนไทยจำนวนมากเห็นตรงกันว่าต้นเหตุที่ทำให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในไทยเกิดมาจากความหย่อนยานหละหลวมของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งก็หมายความโดยตรงถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลนั่นเอง
ดังนั้นจึงมีผู้ยกเอาคำว่า “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก” ออกมาพูดกันมาก แล้วก็พุ่งประเด็นไปยังผู้นำรัฐบาลโดยตรง เพราะถือกันว่าผู้นำรัฐบาล ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี เป็นเสมือนหัวของหน่วยงานราชการทั้งปวง การที่หน่วยงานของรัฐหน่วยใดก็ตามปฏิบัติหน้าที่ขาดไร้ซึ่งประสิทธิภาพ ก็จึงเท่ากับเป็นการประจานว่าหัวหน้าใหญ่สูงสุดของรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพไปด้วย
ขณะเดียวกัน สังคมไทยก็มีคำพูดด้วยว่า “ปากว่า ตาขยิบ”ซึ่งคำพูดนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ใดก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำสูงสุดของรัฐบาล แต่ทว่าดีแต่พูด พูด และพูดไปเรื่อย ๆ เช่นบอกว่าจะปราบปรามคอร์รัปชั่น ปราบปรามบ่อนเถื่อน ปราบปรามแหล่งอบายมุขที่ผิดกฎหมาย (ที่เน้นเฉพาะผิดกฎหมาย เพราะมีแหล่งอบายมุขหลายอย่างในไทยที่ถูกกฎหมาย) แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเท่ากับประจานคนพูด เพราะพูดแล้วทำไม่สำเร็จแม้แต่น้อย ซึ่งก็เข้าตำรา ปากว่า ตาขยิบ คือปากก็พล่ามพร่ำเพ้อไปเรื่อยๆ แต่ก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้คนที่ตนเองพูดปราม หรือพูดขู่ รับรู้ว่ายังสามารถทำผิดต่อได้
ต้องบอกว่าความจริงคือความจริง แม้คนมีอำนาจรัฐจะไม่ยอมรับความจริง ก็หาได้ทำให้ความจริงแปรผันกลายเป็นความเท็จไปได้ ยกเว้นคนมีอำนาจรัฐจะพยายามตั้งใจโกหกตัวเองตลอดเวลา แต่ถึงกระนั้นความจริงก็ยังคงเป็นความจริงวันยังค่ำ เหมือนดังเช่นที่สังคมไทยประจักษ์อยู่ทุกวันนี้ว่าเมืองไทยมีบ่อน มีซ่อง มีแหล่งอบายมุขดารดาษกลาดเกลื่อนทั่วทุกหัวระแหง แต่ที่ผ่านมานั้นคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ได้รังเกียจสถานที่ผิดกฎหมายเหล่านั้น เพราะถือว่าต่างคนต่างอยู่ ทางใครทางมัน แต่จนกระทั่งบ่อนได้กลายเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้ทั้งประเทศไทยเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คำว่าบ่อนจึงถูกนำมาเป็นประเด็นใหญ่ พร้อมกับคำถามว่าทำไมผู้มีอำนาจรัฐของไทยจึงปล่อยให้มีบ่อน ส่วนผู้มีอำนาจรัฐก็บอกเพียงว่าใครมีหลักฐานเรื่องบ่อน ก็ขอให้ส่งไปยังรัฐบาล ซึ่งก็มีคำถามจากประชาชนว่า ถ้าส่งข้อมูลไปแล้วรัฐบาลจะมีปัญญากำจัดให้บ่อนหมดไปจากแผ่นดินไทยได้จริงหรือ แล้วยังมีคำถามอีกว่า ทำไมผู้นำรัฐจึงต้องให้ประชาชนส่งข้อมูลเรื่องบ่อนไปให้ เหตุใดรัฐบาลไม่มีปัญญาปราบปรามแหล่งอบายมุข และสถานที่ผิดกฎหมายด้วยตัวเองหรือ
เมื่อผู้นำรัฐบาลดีแต่บอกว่าจะปราบคอร์รัปชั่น ปราบบ่อนปรามซ่อง แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งพบว่าคำพูดไม่เป็นความจริง ก็จึงทำให้คำว่า หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก และปากว่า ตาขยิบ ดังกึกก้องบนแผ่นดินไทยในยามโควิด-19 แพร่ระบาดหนักเช่นปัจจุบันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี