5 ตุลาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการชดใช้ค่าเสียหายในคดีโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคดีจะขาดอายุความเดือนมกราคม 2564 ว่า ได้สั่งการให้นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ติดตามเรื่องนี้ว่าผลการดำเนินการเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลาก่อนที่คดีจะขาดอายุความในเดือนมกราคมปีหน้า โดยได้ติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่เคยทอดทิ้งเรื่องเหล่านี้แต่อย่างใด
วันนี้ 27 มกราคม 2564 แล้วครับ เหลืออีก 4 วันจะหมดเดือนมกราคม ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดไว้ มีสักวินาทีหนึ่งไหมครับ ที่ระลึกได้ว่า จะต้องนำเรื่องนี้มา “รายงาน” ให้ประชาชนได้ทราบถึง “ความคืบหน้า” และ “การดำเนินการ”
เพราะนี่เป็นเรื่องของการ “บังคับใช้กฎหมาย”ต่อนักการเมืองที่ “สร้างความเสียหาย” ให้แก่ประเทศชาติ สร้างภาระผูกพันทางหนี้สินไว้อีกมหาศาล ซึ่งประชาชนสมควรได้ทราบและเห็นภาพรวมของการทุจริต ภาระที่ชาติบ้านเมืองต้องแบกรับ และความรับผิดชอบที่ไม่ทราบว่าเกิดแล้วหรือยังไม่เกิด อันเป็น “หน้าที่” ที่รัฐบาลจะต้องทำให้เสร็จ และแจ้งให้ทราบ
ทั้งนายวิษณุ เครืองาม ที่นายกฯ บอกว่ามอบหมายให้ติดตาม และ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลิก “อมพะนำ” เรื่องนี้
แล้วส่งคนมาแถลงภาพรวมของเรื่องนี้ทั้งหมดก่อนสิ้นเดือนมกราคม เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสังคม และทำให้เห็นว่า กฎหมายกับผู้บังคับใช้กฎหมาย มิได้ “ตาย” กันหมด ยังอยู่และทำหน้าที่อยู่อย่างสุดกำลัง จริงจัง และจริงใจ
ย้อนไปเมื่อ 13 กันยายน 2559 หัวหน้า คสช. ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวฯ ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 มอบอำนาจให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์จากความเสียหายการทุจริตซื้อข้าว ตามที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ได้เคาะตัวเลขให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท
ฝ่ายตรงข้ามเปิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ทันที ว่าคำสั่งนี้ คือ การคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดใดๆ ทั้งสิ้น ในการดำเนินการยึดทรัพย์อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นเพียงการอุดช่องโหว่ในการหาผู้ดำเนินการยึดทรัพย์ ซึ่งปกติ กรมบังคับคดีต้องยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาลเท่านั้น แต่กรณีนี้เป็นการยึดทรัพย์ตามคำสั่งทางปกครอง จึงใช้ ม.44 ทำให้กรมบังคับคดีเข้าดำเนินการยึดทรัพย์ได้ แม้ไม่ใช่คำสั่งศาล เพราะกรมบังคับคดีมีประสบการณ์มากที่สุดเรื่องการยึดทรัพย์และนำออกขายทอดตลาด โดยก่อนมาถึงขั้นตอนของการยึดทรัพย์ โดยกรมบังคับคดี มีกรรมการสืบทรัพย์ทำหน้าที่นำมาก่อน แล้วจึงแจ้งให้กรมบังคับคดีเข้าดำเนินการยึดก็เท่านั้น ซึ่งในเวลานั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก บิดเบือนกันอย่างเมามัน
จากนั้นมีข้อมูลว่า กรมบังคับคดีได้เริ่มต้นกระบวนการยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ ด้วยการอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพจำนวน 7 บัญชี จากทั้งหมด 12 บัญชีที่กระทรวงการคลังส่งข้อมูลมาให้
วันที่ 26 ธันวาคม 2559 ยิ่งลักษณ์ได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับพวกรวม4 คนต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่กระทรวงการคลัง เรียกให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งดังกล่าวหรือระงับคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
แต่แล้วศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560
วันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ยิ่งลักษณ์ ได้ยื่นขอทุเลาการยึดทรัพย์อีกครั้ง แต่ศาลปกครองก็ยกคำขอทุเลาอีกครั้ง พร้อมระบุด้วยว่า มีพฤติการณ์เชื่อได้ว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
โดยศาลระบุว่า บัญชีเงินฝากทั้ง 16 บัญชีที่ยิ่งลักษณ์ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีมีจำนวนกว่า 24 ล้านบาท แต่เมื่อเจ้าหน้าที่อายัด พบว่ามีเงินเหลือในบัญชีประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งยิ่งลักษณ์ไม่ชี้แจงประเด็นนี้ต่อศาล จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจริง
ส่วนกรณีที่ยิ่งลักษณ์อ้างว่าได้มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครองในการยึดอายัดทรัพย์สินบางรายการไปแล้ว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ยากแก่การเยียวยาภายหลังนั้น ศาลเห็นว่ากระทรวงการคลังมีศักยภาพในการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นในภายหลัง หากศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพิพาทแล้ว
สำหรับทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ ตามบัญชีแสดงทรัพย์สิน-หนี้สินของ ป.ป.ช. ที่เคยยื่นไว้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2559 หลังยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 1 ปี
ยิ่งลักษณ์มีทรัพย์สินรวม 612,379,231.93 บาท หนี้สินรวม 33,070,803 บาท โดยกู้จากทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพี่ชาย รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 579,308,428.93 บาท
รายการทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อาทิ เงินสดของยิ่งลักษณ์ จำนวน 14,298,120 บาท คู่สมรส (ไม่ได้จดทะเบียน) 4,000,000 บาท
เงินฝาก 16 บัญชีของยิ่งลักษณ์ 24,908,420.28 บาท คู่สมรส 5,847,160.87 บาท และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 138,381.66 บาท
ยานพาหนะรวมมูลค่า 21,990,000 บาท สิทธิและสัมปทานของยิ่งลักษณ์ 569,189.32 บาทคู่สมรส 1,707,734.39 บาท บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,397,413.52 บาท ทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งนาฬิกาหรูและกระเป๋าแบรนด์เนมรวม 45,690,000 บาท
รวมถึงรายการที่ดินจำนวน 14 แปลง รายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 33 รายการ รวมจำนวนเงิน 162,368,182.40 บาท
20 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (วิษณุ เครืองาม) ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการเกี่ยวกับการทุจริตตามโครงการรับจำนำข้าว โดยที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการชดใช้ความเสียหายในคดีโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือนม.ค.2564
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ปีเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้สั่งการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ติดตามคืบหน้าการชดใช้ความเสียหายในคดีโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าการดำเนินการเป็นอย่างไร โดยขณะนี้ยังมีเวลาก่อนที่คดีจะขาดอายุความในเดือนม.ค.2564 พร้อมย้ำว่า ได้ติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่เคยทอดทิ้งเรื่องเหล่านี้แต่อย่างใด
ส่วนความคืบหน้ากรณีการเรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบการค้าข้าว 6 บริษัท ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยการซื้อและรับมอบข้าวในโครงการจำนำข้าว ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กันไว้เป็นพยาน โดยไม่ดำเนินคดีร่วมกับจำเลยอื่นๆ นั้น
ล่าสุดคณะทำงานพิจารณามูลค่าความเสียหายที่เกิดจากผู้ประกอบการค้าข้าวที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติกันไว้เป็นพยานในคดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 3,4/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 2-3/2562 ที่มี น.ส.ชุณหจิต สังข์ใหม่ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะทำงานฯได้เรียกประชุมคณะทำงานมาแล้ว 1 ครั้ง โดยได้เรียกเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบว่า เอกชนทั้ง 6 บริษัทฯ ต้องรับผิดในทางแพ่งหรือไม่
สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานฯชุดดังกล่าว จะมีหน้าที่รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดีแพ่งเพื่อการเรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบการค้าข้าวแต่ละราย และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะจัดส่งมูลค่าความเสียหายที่ได้ให้หน่วยงานซึ่งเป็นผู้เสียหายตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 3,4/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 2-3/2562 ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นี่เป็นข้อมูลล่าสุดที่ปรากฏขึ้นในพื้นที่สาธารณะ หลังจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลใดๆ เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบอีกเลย
พล.อ.ประยุทธ์ครับ
ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวนั้นมีมากเหลือเกิน ต้องมีคนรับผิดชอบ อย่าปล่อยให้คนรับผิดชอบ “ลอยนวล” โดยที่ท่านถูกมองว่า “ลอยตัว”
วันสองวันนี้ ตั้งโต๊ะแถลงเรื่องยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ ภาระหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว และคดีคงค้างทั้งหลายให้ประชาชนรับทราบเป็นบุญหูอย่างสมบูรณ์สักครั้งเถอะนะครับ
ก่อนฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเกมรุกนี้เข้าใส่เสียก่อน ก็ไม่เลว!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี