พฤติกรรมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพวก ที่พยายามจะละเลงประเด็นการจัดหาและจัดการวัคซีนในไทย ด้วยการชี้นำเชื่อมโยงไปพาดพิงสถาบันเบื้องสูงในทางเสียหาย และโจมตีให้คนเชื่อว่าการจัดการวัคซีนของรัฐบาลขณะนี้ผิดพลาดล้มเหลวนั้น ช่างตรงกับสำนวนไทย
“ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก”
สํานวนนี้ หมายถึง ดีแต่พูด แต่ทำไม่ได้ หรือผู้ที่พูดว่าทำสิ่งนั้นๆได้โดยง่าย ดูง่ายไปเสียหมด แต่พอเวลาทำจริงกลับทำไม่ได้อย่างที่พูดไว้
สำนวนนี้ เปรียบเปรยถึงการทำขนมเบื้องไทย ซึ่งดูเผินๆเหมือนกับว่าทำไม่ยากแต่ที่จริงแล้ว ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการละเลงแป้งบนกะทะให้เป็นแผ่น หากไม่ชำนาญจริงแผ่นแป้งจะเรียบบางไม่เท่ากัน และคำว่า “ปาก” ในสำนวนนี้หมายถึงการพูดให้ดูเหมือนทำง่ายๆ แต่การทำจริงนั้น ต้องลงมือทำตามประสบการณ์ความชำนาญ ไม่ใช่ทำด้วยการพูด (ปาก)
1. รัฐบาลปัจจุบัน และทีมงานที่เข้าไปช่วยเรื่องโควิด รวมถึงเรื่องวัคซีนงานนั้นคือทีมงานที่ดีที่สุด และผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์ นานาชาติล้วนชื่นชมผลงานการจัดการกับโควิดของประเทศไทย
ขณะนี้ ที่นายธนาธรนั้น คือ ผู้นำทางความคิดของม็อบที่เพิ่มภาระให้กับประเทศชาติในยามโควิดตลอดเวลาที่ผ่านมา และเป็นม็อบที่มีอคติ ด่าทอสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหยาบคาย ถ่อยเถื่อนเลื่อนลอย ไร้มาตรฐานในการแสดงความคิดเห็น
2. ล่าสุด หลายคนได้ออกมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น อธิบายความในเรื่องที่นายธนาธรและพวกพยายามบิดเบือนกล่าวหา
2.1 ดร.นิว Suphanat Aphinyan ต่อกรณีที่นายธนาธรให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ความว่า “คุณมีความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะว่ากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ แต่ในฐานะผู้ขายซึ่งมีสัญญากับทางรัฐบาล เขาคือผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้ และถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น รัฐบาลไม่สามารถฟ้องร้องเจ้าของบริษัทได้”
ดร.นิวชี้ว่า “...ข้อเท็จจริงง่ายๆ คือ...
ข้อเท็จจริงที่ 1: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ผู้ขาย และไม่ใช่ผู้ทำสัญญากับรัฐบาลผู้ขายและทำสัญญากับรัฐบาล คือ บริษัท AstraZeneca ซึ่ง บริษัท AstraZeneca เป็นผู้คัดเลือกบริษัท Siam Bioscience ให้เป็นฐานผลิตวัคซีนโควิดแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน
ข้อเท็จจริงที่ 2: เหตุผลที่ฟ้องร้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าพระมหากษัตริย์มีความคุ้มกันทางกฎหมายในฐานะประมุขแห่งรัฐ หากแต่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะของผู้ถือหุ้น และบริษัทเป็นนิติบุคคล ถ้าเกิดการฟ้องร้องขึ้นมาผู้ที่เป็นคู่กรณีผูกพันตามกฎหมายคือ กรรมการบริษัท ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น
แม้ว่า... จะกลับลำพลิกลิ้นสองแฉก แล้วอ้างว่าทำเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่การกระทำที่เห็นๆ กันอยู่ ก็ยังเต็มไปด้วยเจตนาในการบิดเบือนให้ร้ายและบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ชนิดที่เรียกได้ว่า “มันเป็นสันดาน...”
2.2 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ นำเสนอแผนภาพ ประกอบคำชี้แจงเป็นข้อๆ อย่างชัดเจนว่า
“...ธนาธรและปิยบุตรกล่าวหาว่าในหลวงต้องรับผิดชอบหากวัคซีนโควิด-19 ล่าช้า ไม่เพียงพอ หรือมี adverse event แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับในหลวงเลย
หนึ่ง รัฐบาลไทยโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca
สอง Siambioscience แค่รับจ้างผลิต และรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบ in kind คือไม่มีค่าใช้จ่าย จาก AstraZeneca และ Oxford โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ได้กำไรจากการผลิตวัคซีน
สาม การควบคุมคุณภาพอยู่ที่ AstraZeneca ดังนั้นเรื่อง adverse eventอันอาจจะเกิดขึ้นตามปกติ เช่น การแพ้วัคซีน ไม่ได้เกี่ยวกับ Siambiosicence แต่อย่างใด
สี่ คำสั่งซื้อมาจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ หากจะเพียงพอหรือไม่เพียงพอ ล่าช้าหรือไม่ล่าช้า ก็ตามเป็นความรับผิดชอบของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและ AstraZeneca ไม่ได้เกี่ยวกับ Siambioscience และไม่ได้เกี่ยวกับในหลวงแต่อย่างใด
ห้า เงินที่ SCG และรัฐบาลให้มาปรับปรุงเครื่องจักรและกำลังการผลิต Siambioscience ก็นำไปซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca ส่งมอบให้รัฐบาลคือสถาบันวัคซีนแห่งชาติต่อไป ไม่ได้ได้มาฟรีๆ แต่อย่างใด
หก ในฐานะนิติบุคคลของ Siambioscience ผู้ที่มีความรับผิดคือกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามกฎหมาย หาได้เป็นความรับผิดของผู้ถือหุ้นในพระปรมาภิไธยก็หาไม่ อันนี้เป็นหลักของกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทที่ใครที่ทำธุรกิจหรือเรียนกฎหมายมาบ้างก็ต้องรู้อยู่แล้ว
ทำไมมันโง่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยถึงเพียงนี้
รายละเอียดอื่นๆ แสดงในแผนภาพที่ผมวาดด้านล่างนี้
ไม่รู้มันจะพยายามโยงบ้าโยงบอเพื่อด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ยอมเลิกสักทีคงต้องให้มันติดคุก ถึงจะเลิก #ให้มันติดคุกที่รุ่นเรา…”
3. ล่าสุด เครือข่ายม็อบจาบจ้วงสถาบันยังพยายามหยิบประเด็นที่ไทยไม่ได้รับวัคซีนจากโคแวกซ์มาบิดเบือนไปเชื่อมโยงโจมตี พาดพิงถึงสถาบันที่อยู่นอกเหนือการเมืองอีกด้วย
ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ออกมาชี้แจงชัดเจนว่า เหตุที่ไม่จองวัคซีนโควิด-19ผ่านโคแวกซ์ เพราะเสี่ยงได้วัคซีนช้า-ราคาสูง เพราะประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรีจากโครงการโคแวกซ์ หากเข้าร่วมโครงการฯต้องนำเงินไปร่วมลงขัน เลือกวัคซีนไม่ได้ ต่อรองอะไรไม่ได้
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ระบุว่า COVAX Facility (โคแวกซ์) เป็นโครงการประสานงานที่ถูกตั้งขึ้น เพื่อเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศยากจน โดยในอาเซียนมีประเทศที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนฟรี หากจะเข้าร่วมโครงการต้องนำเงินไปร่วมลงขันในการจัดหาวัคซีนโควิด-19
ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแผนร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับโคแวกซ์ตั้งแต่ต้นและได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการ โดยกระทรวงสาธารณสุขก็ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน เป็นความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน ขึ้นมาเพื่อพิจารณาเงื่อนไขการทำข้อตกลงกับโคแวกซ์ด้วย
นพ.นคร อธิบายว่า การทำข้อตกลงจองวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการทำข้อตกลงผ่านโคแวกซ์หรือการทำข้อตกลงโดยตรงกับผู้ผลิต จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลและบริบทหลายๆ ด้านประกอบกัน เนื่องจากการตัดสินใจในการทำข้อตกลงจองวัคซีนในขณะนั้น เป็นความจริงที่ว่าวัคซีนโควิด-19 ของทุกบริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้นยังไม่ทราบว่าวัคซีนชนิดใดจะประสบความสำเร็จ และยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่มากเพียงพอ เสียเงินค่าจองไปแล้วก็อาจไม่ได้รับวัคซีนหากการพัฒนาล้มเหลว การตัดสินใจทำข้อตกลงจึงอยู่บนพื้นฐานของการชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงที่ประเทศจะได้รับหากทำการจองวัคซีน และเมื่อพิจารณาเงื่อนไขการจองวัคซีนผ่านโคแวกซ์ พบว่าการจองจะต้องมีค่าธรรมเนียมดำเนินการโดยคิดเพิ่มจากราคาวัคซีน โดยการจองแบบเลือกผู้ผลิตไม่ได้มีค่าธรรมเนียม 1.6 USD /โดส การจองแบบเลือกผู้ผลิตได้ คิดค่าจองเพิ่ม 3.5 USD/โดส(รวมค่าธรรมเนียม 1.6 USD/โดส และค่าประกันความเสี่ยง 0.4 USD/โดส)
ทั้งนี้ แม้จะเลือกทำสัญญาจองซื้อแบบเลือกผู้ผลิตได้ แต่ไม่มีอิสระในการเลือกที่แท้จริง โดยโคแวกซ์จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ 2 รอบ ในรอบแรกโคแวกซ์จะเสนอรายชื่อผู้ผลิตที่โคแวกซ์มีข้อตกลงแล้วมาให้ ซึ่งไม่ใช่รายชื่อผู้ผลิตที่มีทั้งหมดในโลกหากผู้ซื้อไม่สนใจผู้ผลิตในรายการที่เสนอ จะต้องรอการประกาศตัวเลือกในรอบต่อไปทำให้ได้วัคซีนช้าลง และหากเลือกผู้ผลิตที่มีชื่อในรายการ โคแวกซ์จะนำเงินที่ผู้ซื้อจ่ายไปจองวัคซีนกับผู้ผลิตก่อน แล้วผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเลือกในรอบที่ 2 ว่าจะทำสัญญากับผู้ผลิตรายนั้นหรือไม่ ซึ่งถ้าตัดสินใจไม่ทำสัญญา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด และไม่ได้เงินคืนแม้ว่าการเลิกสัญญาจะเกิดจากการพัฒนาวัคซีนไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ การซื้อวัคซีนจะต้องซื้อตามราคาจริงจากผู้ผลิต โดยต้องยอมรับทุกเงื่อนไข ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าขนส่งวัคซีน ค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศ และภาษี เป็นต้น
“การทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 จากผู้ผลิตโดยตรง มีความยืดหยุ่นมากกว่า เราสามารถกำหนดจำนวนวัคซีนที่จะซื้อได้ สามารถต่อรองราคา หากซื้อเป็นจำนวนมาก ราคาก็ถูกลง และยังสามารถต่อรองเงื่อนไข ขอบเขตความรับผิดชอบได้ตามสมควร ทั้งนี้ การซื้อวัคซีนผ่านโคแวกซ์ ยังกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า 10% ของจำนวนประชากร หากต้องการวัคซีนรวดเร็ว ผู้ซื้อต้องยอมรับเงื่อนไข และความรับผิดชอบใดๆ ตามที่ผู้ผลิตเสนออีกด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเจรจากับโคแวกซ์อย่างต่อเนื่อง และหากมีการปรับเงื่อนไขรวมถึงข้อเสนอที่ประเทศจะได้ประโยชน์ ก็อาจมีการทำข้อตกลงผ่านโคแวกซ์ได้” นพ.นครอธิบายความ
4. ข้อมูลและข้อเท็จจริงข้างต้นนี้ ล้วนไม่ยากต่อการทำความเข้าใจ หากไม่มีอคติ หน้ามืดตามัว หรือไม่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง
ตรงกันข้าม นักการเมืองอกหักบางกลุ่ม ที่พยายามขัดขวาง โจมตี สร้างสถานการณ์การเมือง บ่อนทำลายสถาบันหลักของประเทศมาโดยตลอด กลับพยายามบิดเบือนสร้างวาทกรรม ทำลายความน่าเชื่อถือในการจัดการโควิดและวัคซีนโควิดของไทย แถมจาบจ้วงสาดโคลนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
คนพวกนี้ “ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก” เอาเรื่องความเป็นความตายของประเทศชาติ เรื่องโควิด เรื่องวัคซีน มาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ซ้ำเติมการแก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤติระดับโลก
ไม่ทราบว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน หรือสั่งสอนแต่ไม่เคยรับฟัง?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี