คนรุ่นเก่าคงเคยได้ยินเพลงจากศิลปินในอดีต ที่ผู้ต้องหาถูกกำนันจับฐานขโมยควายให้การว่า “ที่จริงฉันนั้นไม่รู้เห็นเชือกวางอยู่ ฉันก็หยิบทันใด แหมท่านกำนันหาว่าฉันทำผิด...เรื่องมันมีนิดๆ ควายมันติดเชือกไป....”
เรานึกเพลงนี้ขึ้นมาได้เมื่อเห็นนางหทัยรัตน์พหลทัพ บก. สำนักข่าวอีสานเรคคอร์ด ภรรยาของนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ ให้สัมภาษณ์ “ท็อปนิวส์” กรณีสามีถูกโจมตีว่าเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอ เข้ามาเคลื่อนไหวสร้างความแตกแยกในประเทศไทยว่า
“ไม่เป็นความจริงเดวิดไม่ได้เป็นซีไอเอไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองหรือเจ้าหน้าที่ทหารที่แฝงตัวมาปฏิบัติการลับอย่างที่เป็นข่าวหรือมีการนำไปแชร์ในโลกออนไลน์ ข่าวที่ออกไปถูกหยิบไปตีความอย่างคลาดเคลื่อนและมีเจตนาบิดเบือนใส่ร้าย...”
นางหทัยรัตน์กล่าวว่า ความจริงเดวิดเข้ามาเมืองไทย ก่อนนี้หลายปี ต่อมาเขาก็ได้ประสานงาน กับม.ขอนแก่นเพื่อนำโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศ CIEE (Council on International Educational Exchange) จากประเทศสหรัฐ
นายสเตร็คฟัสส์ เป็นซีไอเอ หรือไม่พิสูจน์กันไม่ได้เพราะไม่มีใครยอมรับความจริงและหน่วยงานซีไอเอก็ปิดบัง agent ของเขาเป็นความลับสุดยอด แต่ที่สงสัยคือผัวของนางเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างไรถึงได้เป็นผู้แทนโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศ CIEE
และไอ้เจ้า CIEE มันคัดเลือก น.ศ. อย่างไรตั้งแต่ ทำโครงการมี น.ศ. ได้ไปเรียน USA แล้วกี่คน โดยปกติโครงการทำนองนี้ต้องมีสำนักงานที่จดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทย
CIEE ของผัวของนางมีสำนักงานอยู่ที่ไหน และจดทะเบียนกับทางการไทยเมื่อไหร่ที่ไหน ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นกิจกรรมเถื่อนซึ่งซีไอเอมักใช้วิธีลับๆ นี้
โดยทั่วไปโครงการใหญ่ระหว่างประเทศต้องมีการ ประสานงานต่อเนื่องกันระยะยาว เมื่อมีสถานการณ์โควิดหรือมีวิกฤติใดๆ เขาจะหยุดทำงานหรืองดกิจกรรมชั่วคราวแต่ไม่ใช่ปิดถาวรเนื่องจากสถานการณ์โควิดดังที่นางกล่าวกับสถานีทีวี TopNews
ที่สำคัญนางอ้างว่าโครงการ CIEE ที่ผัวนางทำร่วมกับ ม.ขอนแก่น นั้น มีนาย ส.ศิวรักษ์ หรือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เป็นที่ปรึกษาและคนต้นคิดโครงการ หัวใจของโครงการคือการศึกษาในชุมชน เน้นการศึกษานอกห้องเรียน เดวิดไม่ได้สอนวิชาหลักเหมือนอาจารย์ต่างประเทศทั่วไปในม.ขอนแก่น แต่เขาเป็นหัวหน้าโครงการที่นำนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศมาดูงาน มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มาเสวนา มาเรียนรู้วิถีชีวิตของคนอีสาน
ไอ้โครงการแบบนี้มันเป็นโครงการเถื่อนหรือโครงการลับที่ผัวนางทำร่วมกับนายส. ศิวรักษ์ ผัวนางอาจไม่ได้เป็นซีไอเอดังที่นางกล่าวอ้าง..แต่ที่สงสัยว่าผัวนาง มีแผนชั่วร้ายเพราะนางพูดเองว่า..#ตัวของเดวิดเขาติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชน มีความสนใจเรื่องกฎหมายอาญา ม.112 ที่ผ่านมาเขาตามเรื่องนี้มาตลอด..
“เขาสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมากถึงขนาดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องนี้แทบทุกคดี เพราะเขาไม่อยากเห็นใครต้องถูกลงโทษในเรื่องนี้ #และสำคัญที่สุดคือ ไม่อยากให้มีการนำประเด็นนี้มาทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามหรือคนที่เห็นต่างกับกฎหมายฉบับนี้#”
ผัวนางและนางเองรู้อยู่เต็มอกใช่ไหม ว่าในขบวนการล้มเจ้าพวกเขาเน้นเรื่องให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็น อันดับแรก เพราะมาตรา 112 เป็นก.ม.ปกป้องสถาบันป้องกันมิให้คนชั่วร้ายโจมตีสถาบันด้วยการสร้างเรื่องโกหก สร้างเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายทำลายหรือด้อยค่าสถาบัน
สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นศูนย์กลางเป็นหัวใจของความมั่นคง ที่ซีไอเอหมายมั่นปั่นมือจะด้อยค่าลงมาหรือทำให้อ่อนแอลงให้ได้ โดยใช้การเขียนบทความโจมตีเหมือนที่ผัวนางเขียนโจมตีสถาบันหรือให้สัมภาษณ์อยู่เป็นประจำ
#แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถนำบทความที่ผัวนางเขียนโจมตีสถาบันหรือให้สัมภาษณ์สื่อที่เป็นภาษาอังกฤษมาเผยแพร่ได้เพราะมันผิดกฎหมาย#
นางพูดเองนะว่าผัวนางเน้นเรื่องให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็นอันดับแรก นายชาญวิทย์ นายปิยบุตร นายธนาธร นายส. ศิวรักษ์ นายไผ่ ดาวดิน ศิษย์เอก ของผัวนาง และจำเลยในคดี 112 คนเหล่านี้ล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันหรือไม่? #ให้นางไปไตร่ตรองดู แต่ที่สำคัญคนที่เราเอ่ยถึงกระสันให้ยกเลิกมาตรา 112 ด้วยกันทั้งนั้น
ที่สำคัญจำเลยที่ถูกขังอยู่ระหว่างดำเนินคดีที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวในเวลานี้ก็ล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่ทำผิด ก.ม.อาญามาตรา 112 ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะกระทำผิดซ้ำซากหลายกรรมหลายวาระ
ที่ผัวนางเน้นเรื่องยกเลิกมาตรา 112 ก็เพราะเมื่อยกเลิกแล้วจะทำให้คนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันโจมตีใส่ร้ายสถาบันได้อย่างเสรี เมื่อโจมตีหรือด้อยค่าสถาบันได้ทุกวัน พูดใส่ร้ายกรอกหูคนได้ทุกวันไม่นานคนทั่วไปก็หวั่นไหวสั่นคลอนได้และนั่นคือแผนชั่วร้ายของซีไอเอ
ผัวนางอาจไม่ได้เป็นซีไอเอดังที่นางรับประกัน แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาทำให้เข้าใจว่าผัวนางทำตัวเหมือนซีไอเอ เช่นเดียวกันกับอุปทูตอเมริกาประจำประเทศไทยที่ร้อนใจ ไม่พอใจเมื่อจำเลยที่ทำผิด ก.ม. อาญามาตรา 112 ไม่ได้ประกันตัว
อุปทูตซึ่งรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยถึงกับไปปลอบใจครอบครัวของจำเลยทำผิด ก.ม.อาญามาตรา 112 ทำตัวเป็นทนายหน้าหอ ว่าตามหลักยุติธรรมสากลเมื่อศาลยังไม่ตัดสินให้ถือว่าจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับอิสรภาพชั่วคราว
เป็นถึงรักษาการทูตทำไมถึงทำตัวสองมาตรฐานหรือเป็นคนไม่มีมาตรฐานเอาเลย อุปทูตอเมริกาประจำประเทศไทยจำได้ไหมคดีที่เดวิด ไคล์ รีฟส์ (David Kyle Reeves) จากเมืองแกสโตเนีย ถูกตำรวจรวบตัวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา และถูกนำตัวขึ้นศาลที่เมืองชาร์ล็อตต์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ตามข้อมูลจากสำนักงานอัยการแขวงตะวันตกแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา
ชายคนนี้ถูกอัยการตั้งข้อหาข่มขู่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับอีก 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ จำเลยคนนี้เพียงแต่โทรศัพท์ไปขู่ฆ่านายโจ ไบเดน ผู้พิพากษาศาลกลาง (Federal Judge) ยังมีคำสั่งให้ขังคุกจำเลยไว้จนกว่าการพิจารณคดีเสร็จ
ทีจำเลยทำผิด ก.ม.อาญามาตรา 112 มาตรา 116 ในประเทศไทยที่เปิดเวทีด่าเจ้าในที่สาธารณะต่อหน้าชุมชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เคารพ ก.ม. ไม่เคารพศาล ทำไมอุปทูตอเมริกาประจำประเทศไทยถึงดัดจริตเรื่อง สิทธิมนุษยชน เรื่องสิทธิสากลทางกระบวนการยุติธรรม ทาง ก.ม. อดรนทนไม่ได้ที่คนทำผิด ก.ม. ร้ายแรง ไม่ได้ประกันตัว
พฤติกรรมทำนองนี้อาจทำให้คนทั่วไปสงสัยเอาได้นายว่าอุปทูตอเมริกาประจำประเทศไทย อาจรู้เห็นเป็นใจกับนายสเตร็คฟัสส์และนางหทัยรัตน์ เพราะ นางหทัยรัตน์ พูดเองว่ารับเงินมาจาก National Endowment For Democracy (NED) ของอเมริกา 46,000 ดอลลาร์ เพื่อมาใช้เสริมสร้างนักข่าวพลเมืองในภาคอีสาน
คนทั่วโลกเขารู้ว่า NED คือ ซีไอเอสายพลเรือนของอเมริกาแล้วทำไมถึงร่านร่าไปขอเงินเขา สถาบันสอนนักข่าวในเมืองไทยไม่มีหรือไง? และขอให้นางหทัยรัตน์ลองเอาบทความที่เสริมสร้างนักข่าวภาคอีสาน รวมทั้งการเคยทำงานเป็นข่าวอาวุโสของสถานีทีวีไทยพีบีเอส นำข่าวที่เสนอในแง่มุมดีๆ ของประเทศและคุณงามความดีของสถาบันพระมหากษัตริย์มาดู
สักเรื่องได้ไหม?
ถ้าไม่ได้เราถือว่านางหทัยรัตน์เลี่ยงบาลี เหมือนเพลงจากศิลปินในอดีต ที่ว่า “ที่จริงฉันนั้นไม่รู้ เห็นเชือกวางอยู่ฉันก็หยิบทันใด แหมท่านกำนันหาว่าฉันทำผิด เรื่องมันมีนิดๆ เพราะควายมันติดเชือกไป..”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี