วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เหตุการณ์ระบาดของโคบ้าย่างเข้าเดือนที่ 17 แล้ว ประเทศจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดตามมากตามน้อย และได้รับผลเสียหายโดยถ้วนหน้ากันตามมากตามน้อย ตลอดจนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวตกโหล่ชัดเจนมากขึ้น
การระบาดของโคบ้าครั้งนี้เป็นมหันตภัยใหญ่หลวงของมวลมนุษย์และทุกประเทศทั่วโลก เพราะต่างได้รับผลกระทบจากวินาศของประเทศอื่น ๆ ด้วย
เพราะการแพร่ระบาดของโคบ้านั้นนอกจากเกิดผลกระทบภายในประเทศแล้ว ยังส่งผลกระทบและยังรับผลกระทบจากประเทศอื่นๆ ด้วย ดังนั้นใครจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวจึงย่อมต้องขึ้นอยู่กับสติปัญญาและความสามารถในการบริหารจัดการกับสถานการณ์วิกฤตินี้ และ 17 เดือนย่างเข้าแล้วก็เพียงพอที่จะเห็นได้แล้วว่าใครสำเร็จมากที่สุด และใครตกโหล่ที่สุด
ในบรรดาประเทศทั้งหลายทั่วโลกถึงวันนี้ย่อมสรุปได้ชัดเจนว่าประเทศจีนประสบความสำเร็จในการรับมือกับโคบ้าอย่างยอดเยี่ยมที่สุด
ประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน เกิดการแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดระดับ 80,000 คน มีผู้เสียชีวิตโดยสัดส่วนเฉลี่ยที่ต่ำสุดของโลก ในขณะที่รัฐบาลได้ใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแค่ 500,000 ล้านหยวน
ประเทศจีนสามารถดำรงความเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ระดับ 4.7% ในขณะที่ประเทศทั้งหลายมีอัตราเติบโตติดลบ และเพราะความสำเร็จในการรับมือนี้
จึงทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าทุกชนิดตอบสนองความต้องการของชาวโลก ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ
จีนประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยลำดับหนึ่งของโลก โดยใช้ยาแผนโบราณของจีนเป็นหลักและใช้วัคซีนตามหลังมา และยังผลิตส่งขายทั่วโลกด้วย
สหรัฐเป็นประเทศที่ล้มเหลวในการรับมือกับโคบ้ามากที่สุด ทั้งๆ ที่เป็นประเทศที่โหมโจมตีเรื่องการแพร่ระบาดของโคบ้ามากที่สุด ชาวอเมริกันติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดของโลก กระทั่งทำลายความเข้มแข็งทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างยับเยิน และก่อให้เกิดปัญหาสงครามผิวที่ประชาชนในชาติต่างผิวต่างสีฆ่าฟันกันเอง
สหรัฐเน้นการใช้วัคซีนเป็นหลักและประสบความล้มเหลวหลายระลอก เกิดการต่อสู้กันในทางแนวคิดในการรับมือกับโคบ้าครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ
ประเทศทั้งหลายในโลกส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับโคบ้า และส่วนใหญ่ก็ใช้แนวทางของประเทศจีน คือดำรงความเป็นปกติ ป้องกันไม่ให้การปั่นกระแสให้ตื่นตระหนกตกใจและเน้นการรักษาโคบ้าให้หายในเวลาอันรวดเร็ว จนถึงวันนี้ชาวจีนนับล้านๆ คนใช้ชีวิตปกติ ไปท่องเที่ยวกันอย่างคึกคักทั่วประเทศ ตามมาด้วยรัสเซีย อิหร่าน และอีกหลายประเทศ
แม้ในประเทศอาเซียนของเราก็ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยทั่วไป ซึ่งแทบทั้งหมดเดินแนวทางแบบจีน
ผลปรากฏว่าทุกประเทศทั่วโลกใช้กลไกการบริหารตามปกติในการรับมือกับปัญหา โดยให้บุคลากรทางการแพทย์รับหน้าที่ในการป้องกัน ในการตรวจ และในการรักษา
สำหรับประเทศไทยเรายังไม่ถึงขั้นหายนะแบบที่สหรัฐกำลังประสบอยู่ แต่ก็ตามติดโหล่เข้าไปเต็มทีแล้ว และเป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยไม่เดินตามแบบอย่างที่เขาประสบความสำเร็จ หรือค่อยๆ ปรับตัวเองเพื่อให้การรับมือกับโคบ้าประสบความสำเร็จ
ประเทศไทยเดินตามแนวทางของสหรัฐทุกกระเบียดนิ้วนั่นคือเน้นการใช้วัคซีน ซึ่งขณะนี้ก็ยอมรับกันทั่วไปแล้วว่าป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ จึงบิดเบนไปว่าเพื่อทำให้หากจะติดเชื้อในวันข้างหน้าแล้วจะไม่รุนแรง ซึ่งนั่นไม่ใช่วัคซีน
ในการรักษาประเทศไทยก็เดินตามสหรัฐคือผูกขาดการรักษา โดยใช้ยาปอดบวมเป็นหลัก ทั้งที่สหรัฐหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งทางบริหารให้ใช้ยาแก้ปอดบวมในรักษาผู้ป่วย โคบ้าและเป็นเหตุให้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะต้องรอให้ผู้ป่วยอาการหนักหายใจไม่ออกเพราะปอดอักเสบหรือปอดบวมเสียก่อนจึงจะใช้ยาได้แต่เมื่อเครื่องช่วยหายใจไม่พอจึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้ศาลสหรัฐพิพากษายกเลิกคำสั่งทางบริหารดังกล่าวไปแล้ว
ประเทศไทยเราเคยใช้ยาค็อกเทลอยู่ดีๆ และมีผลการรักษาที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมก็เดินตามสหรัฐ ประกาศให้ใช้ยาแก้ปอดบวมแทนลำดับยาค็อกเทล ซึ่งต้องรอให้เป็นปอดบวมเสียก่อน
ล่าสุดเกิดการระบาดใหญ่ขึ้นและผู้ป่วยสะสมมียอดรวมทะลุ 40,000 คนไปแล้ว ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นทุกวัน และดูเสมือนหนึ่งว่ากำลังละล้าละลังไม่รู้ที่จะคิดอ่านแก้ไขสถานการณ์อย่างไร จึงเกิดความสับสนกันอยู่ในขณะนี้
ถ้าเทียบกับบรรดาประเทศอาเซียนในทุกด้านก็ต้องถือว่าประเทศไทยตกโหล่สุดในอาเซียน ทั้งในด้านการป้องกัน ทั้งในด้านการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ทั้งด้านการรักษา และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ตลอดระยะเวลา 16 เดือนที่ผ่านมาหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ไม่เคยมีมาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจเลยแม้แต่มาตรการเดียว ดีแต่คิดกู้เงินมาแจกให้แก่คนบางกลุ่มบางพวกซึ่งไม่มีผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติแม้แต่น้อย เพราะมีฐานะไม่ต่างกับการใช้เครื่องช่วยหายใจกับผู้ป่วยอาการใกล้ตายเท่านั้น
มูลเหตุสำคัญที่ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ก็เพราะได้ยกเลิกการบริหารราชการตามปกติแล้วรวบอำนาจมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีตามกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วจัดตั้ง ศบค. ขึ้น กลายเป็นว่ามีหมอคณะหนึ่งมีบทบาทในการรับมือ จึงขาดการบูรณาการ ขาดความรอบด้าน และมีความสงสัยเกิดขึ้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องวัคซีนอีกด้วย
17 เดือนแล้ว เพียงพอที่จะประเมินความสำเร็จหรือล้มเหลวของ ศบค. ได้แล้ว จะเดินหน้าสู่หายนะต่อไปหรือจะหยุดม้าไว้ที่ริมผา กลับมาเดินหนทางใหม่ตามแบบอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จแล้ว
ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร โดยมีประเทศชาติและชีวิตราษฎรเป็นเดิมพัน

หลอกคนแก่ลงทุน! เพจดังแฉผู้วิเศษรายใหม่อ้างเป็นพระศรีอาริยะ
'บิ๊กโจ๊ก'เคลียร์ปม ไม่ปราบเว็บพนัน ไร้อำนาจเหตุถูก 'บิ๊ก ต.' เด้ง
แฟนบอลเตรียมตัว! เปิดช่องทางชมสด'หมอนทองวิทยา'ดวล'อบจ.ชัยนาท'
เหิม! เด็กแว้นพัทลุงซิ่งป่วนเมือง เฉี่ยวรถชาวบ้านไม่พอยังปิดล้อมรถผู้เสียหายอีก
เริ่มคลี่คลาย! ป่าโมกยังมีน้ำท่วมบางจุด รถใหญ่สัญจรได้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี