ผมนั่งดูวิวาทะ ในวาระครบ 7 ปี หลังรัฐประหารด้วยความหดหู่ เริ่มต้นจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขาด “ยางอาย” และมโนธรรมสำนึกอย่างร้ายแรง โดยที่ฝ่ายซึ่งออกมาตอบโต้ ก็ล้วนเลือกจะ “รักษาความดีฝ่ายตัว รักษาความชั่วฝ่ายตรงข้าม”
1) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กในวันครบ 7 ปีรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ว่า“...7 ปีก่อนรัฐประหารวันนั้น กับ 7 ปี หลังรัฐประหารวันนี้ประเทศไทย และประชาชนสูญเสียโอกาส อะไรไปบ้าง
...ดิฉันขอย้อนเวลากลับไปช่วงนี้เมื่อ 7 ปีก่อน ตอนนั้นดิฉันถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเพียงตำแหน่งเดียว ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร และต่อมาในวันรุ่งขึ้น ป.ป.ช. ได้เร่งชี้มูลความผิดดิฉันในคดีจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ป.ป.ช.ยังไม่ได้ข้อสรุปคดีดังกล่าวในระดับรัฐมนตรีเลย แต่ทำไปเพื่อส่งเรื่องถอดถอนดิฉันออกจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพียงแค่ให้แน่ใจว่าดิฉันจะพ้นสภาพจริงๆ ทำให้เชื่อได้ว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าจากหลายเหตุการณ์ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างทำรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
...ดิฉันอยากให้ทุกท่านช่วยคิดว่า 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียโอกาสอะไรไปบ้าง ทั้งศักยภาพในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งแย่ลง เกิดปัญหาการว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ คุณภาพชีวิตแย่ลงขาดการพัฒนาทักษะของประเทศให้รองรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอนปิดกั้นความเห็นต่าง จากบุคคลที่อ้างว่าขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ไม่มีใครทำได้ เป็นคนเก่งสุด รู้ดีสุด ต้องคุณประยุทธ์เท่านั้น
...ตลอดเวลา 7 ปี ดิฉันเจ็บปวดใจ และขมขื่นแทนพี่น้องประชาชน พยายามเฝ้าอดทนด้วยความหวังที่ว่ารัฐบาลจะทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปคำสัญญา และเหตุผลที่อ้างเพื่อรัฐประหารรัฐบาลดิฉัน จนถึงวันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำได้ แม้จะจัดให้มีการเลือกตั้งแต่นั่นเป็นการสร้างภาพว่าคืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะได้มีการออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเองได้สืบทอดอำนาจ ประชาชนจึงออกมาเรียกร้องขอให้แก้ไข แต่ถูกยื้อ และไม่ให้ความสำคัญ
...ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ย่อมไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน ไม่เคยแม้แต่เป็นที่พึ่งพิง หรือให้ความอบอุ่นเอื้ออาทร การบริหารประเทศแบบแนวทหารไม่สามารถทำให้ประเทศเศรษฐกิจดีได้ แถมยังซ้ำเติมด้วยการบริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ล้มเหลวล่าช้า แล้วแบบนี้ประชาชนจะหันหน้าไปพึ่งใครได้
...ถึงวันนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า 7 ปีของรัฐประหาร เป็น 7 ปีที่ประเทศและคนไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เป็น 7 ปี ที่เสียงของประชาชนไม่มีความหมาย และเป็น 7 ปี ที่ประชาชนได้แต่เฝ้ารอรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือไม่
...สุดท้ายนี้ดิฉันจึงขอทวงถามคุณประยุทธ์แทนพี่น้องประชาชนว่า คุณได้ทำตามที่สัญญาว่าจะคืนความสุขให้กับประชาชนแล้วหรือยัง มิเช่นนั้นรัฐประหารเมื่อ7 ปีก่อน ที่บอกว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้งคงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น”
2) “ยางอาย” ที่ยิ่งลักษณ์ควรจะมี คือ การโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี นั้น ถูกพิสูจน์จนชัดเจนว่า กระทำเพื่อ “เครือญาติ” จะได้เป็นใหญ่ เป็นความน่าอับอายที่
“คนมียาง” เขาจะไม่ทำตั้งแต่แรก และเมื่อกระทำลงไปแล้ว ยิ่งต้องมี “ยางอาย” ที่จะไม่เอามากล่าวอ้าง ราวกับว่าตนได้ใช้อำนาจในการโยกย้ายอย่าง “สุจริต” โดยพักไว้ที่คำว่า “เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร”
น่าจะมีเพียง “นางสารเลว” คนใดคนหนึ่งเท่านั้น ที่จะอ้างได้ว่าเป็นอำนาจฝ่ายบริหาร โดยไม่กล่าวต่อว่า การใช้อำนาจนั้น ใช้อย่างสุจริต และเป็นธรรมหรือไม่
ก็เหมือนกับที่ “ยิ่งลักษณ์” กล่าวถึงการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. โดยเรียกหา “ความจริง” และ “ความยุติธรรม” ไปเมื่อหลายวันก่อนนั่นแหละ นางลืมไปกระมังว่า เมื่อครั้งที่รัฐบาลของนางมีอำนาจเสียงข้างมากในสภา ที่มาจากการเลือกของบรรดา “คนเสื้อแดง” นางกับสมัคร พรรคพวก ได้เอาอำนาจนั้นไปกระทำการ “ฆาตกรรมซ้ำซ้อน”ด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้คนเหล่านั้น“ตายเปล่า” ไม่ให้โอกาสได้รู้ความจริงว่า “ใครฆ่า” ไม่ให้กระบวนการยุติธรรม โดยสั่งยุติทุกคดีความ แม้กระทั่งที่เข้าสู่ชั้นศาลแล้ว ก็ให้ยุติการพิจารณา โดยใช้เสียงข้างมากในสภา บวกกับประธานสภา ปิดกั้นฝ่ายค้านที่เป็น“เสียงข้างน้อย” มิให้อภิปรายได้โดยสะดวก ครบถ้วน และขืนใจซ้ำ ด้วยการลงมติตอนใกล้รุ่ง จนกฎหมายสารเลวดังกล่าวที่ทำลายหลัก “นิติรัฐ-นิติธรรม” ผ่านในชั้นสภาผู้แทนราษฎรได้ และนั้นคือจุดตั้งต้น ที่เป็นเชื้อ นำมาสู่การชุมนุมของลกุ่ม กปปส. และลงเอยด้วย “รัฐประหาร” ดังนั้น ควรตั้งสติ คิดให้ตกว่า “รัฐประหาร” ที่กำลังต่อว่าด่าทอกันอยู่นั้น ก่อตัวขึ้นจากเชื้อชั่วของรัฐบาลเอง!
แต่ก็ใช่ว่า การรัฐประหาร จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย กระนั้นก็ตาม การได้อำนาจมาตามกลไกและกระบวนการประชาธิปไตย ก็ใช่ว่าจะถูกใช้อย่างสุจริตและถูกต้องเช่นกัน ความบัดซบหรือความดีงาม จึงไม่ได้อยู่ที่รูปแบบของการได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้น แต่อยู่ที่การ “ใช้อำนาจ” นั้น ต่างหาก!
3) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค Warong Dechgitvigrom ระบุว่า #7ปีรัฐประหาร 7 ปีที่ผ่านมาหลังจากรัฐประหาร เห็นคุณยิ่งลักษณ์ออกมาทวงสัญญา คุณยิ่งลักษณ์ไม่เคยสำนึกแม้แต่น้อย หรือว่าคุณยิ่งลักษณ์ความจำเสื่อม ช่วงที่ผ่านมาจึงจำอะไรไม่ได้เลย ผมขอทวนเรื่องหลักๆ ให้คุณยิ่งลักษณ์นะครับ
1.การโยกย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรี การที่ย้าย นายถวิล เลขาธิการ สมช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ คือความประสงค์ให้ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ว่างลงเพื่อโอนย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. แทน อันจะทำให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจ
แห่งชาติว่างลง เพื่อย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการ และเป็นเครือญาติของคุณยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน แค่นี้คุณยิ่งลักษณ์ก็จำไม่ได้
2.คดีรับจำนำข้าว ผมคิดว่า คดีนี้น่าจะอยู่ในความทรงจำที่ดีของคุณยิ่งลักษณ์นะ เพราะคนในเครือข่ายของคุณยิ่งลักษณ์ติดคุกจำนวนมาก โดยเฉพาะคุณบุณทรงกับคำพูดในสายโทรศัพท์ที่พูดว่า “พี่คะรอหนูแปบใกล้ถึงแล้วค่ะ” ทำให้คุณบุญทรงถูกตัดสินจำคุก 42 ปีและอุทธรณ์ กลายเป็น 48 ปี รวมทั้งเสี่ยเปี๋ยงถูกยึดทรัพย์ และตัวคุณยิ่งลักษณ์ถูกศาลพิพากษาจำคุก5 ปี ที่สำคัญทำให้ประเทศชาติเสียมากที่สุด ต่อการใช้เงินในโครงการร่วมเก้าแสนล้านบาท และเป็นมหากาพย์การทุจริตที่ใหญ่ที่สุด
3.คดีนิรโทษล้างผิดคนโกง คุณยิ่งลักษณ์จำไม่ได้จริงๆ หรือ ที่คุณใช้อำนาจออกกฎหมายนิรโทษสุดซอย ต้องการให้พี่กลับบ้านอย่างเท่ๆ สุดท้ายประชาชนรับไม่ได้ออกมาขับไล่คุณ คุณรู้ไหมเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บร่วม 700 คน
ผมอยากให้คุณยิ่งลักษณ์ ทบทวนความจำในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้นก่อน คุณน่าจะมาตอบประชาชน มาสำนึกผิดต่อประชาชนคนไทยมากกว่า ที่จะมาตั้งคำถามว่า 7 ปีที่ผ่านมาประชาชนสูญเสียอะไร ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ เมื่อ 7 ปีที่แล้วประเทศชาติอาจเสียหายยับเยินมากกว่านี้
4) ข้อเขียนของ นพ.วรงค์ ไม่มีนัยอะไรมาก นอกจากจะบอกว่า “อย่าลืมความสารเลวของตัวมึงเอง” นั่นเอง!! โดยความสารเลวที่ว่านั้น กระทำด้วยอำนาจที่ได้จาก “เสียงข้างมาก” ของระบบประชาธิปไตย แต่ใช้อย่างบัดซบต่ำทราม!!
5) นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊คพร้อมทั้งแต่งชุดดำทวงถาม 7 ปีรัฐประหาร ประยุทธ์ทำตามสัญญาบ้างหรือยัง ชี้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นเพียงข้ออ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนทุกอย่าง เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดย 7 ปีที่ผ่านมา เป็น 7 ปีซ่อม 7 ปีสร้าง ในส่วน 7 ปีซ่อมพล.อ.ประยุทธ์ต้องซ่อมซากปรักหักพังที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ทำไว้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น การแก้ปัญหาทุจริตจำนำข้าวฯลฯ ส่วน 7 ปีสร้างนั้น รัฐบาลก็ดำเนินการปฏิรูปประเทศในทุกด้านประกอบด้วย
1.ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน : มอเตอร์เวย์ ทางด่วน วงแหวน อุโมงค์
2.ปฏิรูปขนส่งทางราง : สถานีกลางบางซื่อ (ยิ่งใหญ่ ทันสมัย และสวยงามที่สุดในภูมิภาค) เป็น Landmark แห่งใหม่ของประเทศ รถไฟความเร็วสูง
3.ปฏิรูปการเชื่อมโยงรถ-เรือ-ราง : เร่งสร้างสายสีน้ำเงิน-ม่วง-เขียวอ่อน-แดง-ทอง-ส้ม-เหลือง-ชมพู และเรือ Smart Ferry เจ้าพระยา + เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ
4.ปฏิรูปคุณภาพชีวิตชาวชุมชน : ชุมชนแฟลตดินแดง ชุมชนริมคลองลาดพร้าว-เปรมประชากร-บึงบางซื่อ
5.ปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ : อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา-ลำน้ำชี-รัชชโลทร-ลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง แก้มลิงบางบาล-บางไทร
6.ปฏิรูปแนวทางแก้ปัญหาเมืองหลวง : แก้ไขน้ำท่วมกรุงเทพฯ (อุโมงค์ยักษ์ กทม.) แก้ไขรถติด-มลพิษเมืองหลวง (รถเมล์ NGV) คลองสวยน้ำใส(คลองโอ่งอ่าง-คลองหลอด-คลองผดุงกรุงเกษม-คลองมหานาค) นำสายไฟฟ้า-สายสื่อสารลงใต้ดิน
7.ปฏิรูปแนวทางแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย :ปราบหนี้นอกระบบ กฎหมายขายฝาก กฎหมายทวงหนี้ คืนโฉนดที่ดิน
8.ปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัล : ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน 5G
9.ปฏิรูปกฎหมายปลดล็อกประเด็นสังคม : พ.ร.บ.การปรับเป็นพินัย...คุกขังคนผิด ไม่ได้ขังคนจน และกฎหมายสำคัญ (ไม้มีค่า 58 ชนิด - กฎหมายอำนวยความสะดวก - กฎหมายขายฝาก)
10.ปฏิรูประบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า : เพิ่ม 50 สิทธิ์ เพิ่มวงเงิน UCEP 1669 รักษาทันที ทุกที่ ทุกโรงพยาบาล ฟรี 72 ชั่วโมง ยกระดับ อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุข)
11.ปฏิรูประบบสวัสดิการแห่งรัฐ : จ่ายตรงเข้าบัญชี 14 ล้าน ตัดหัวคิว ตัดวงจรทุจริต ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหา เพิ่มสิทธิ์ เพิ่มวงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด-คนชรา-คนพิการ
12.ปฏิรูปการศึกษา : กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ใกล้ไกลไม่ไร้การศึกษา
13.ปฏิรูประบบบำนาญ เพื่อทุกคน : กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ใครๆ ก็มีบำนาญ
14.ปฏิรูปการเยียวยา “ยามวิกฤติ” (โควิด) : ทันใจ ไร้ทุจริต ผ่านโครงการ “คนละครึ่ง”
และ 15.ปฏิรูปภาคการเกษตร : ศูนย์กลางยางพาราโลกศูนย์กลางสมุนไพรอาเซียน ครัวฮาลาลโลก จัดสรรที่ดินทำกินเกษตรกร ประกันราคาพืชเศรษฐกิจ Smart farmerAgrimap ศูนย์เกษตรอัจฉริยะ ปฏิรูปประเทศด้วย “นวัตกรรม” ...โดยผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้าง EEC ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งและโทรคมนาคม ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment) การถ่ายทอดเทคโนโลยี สถาบันการศึกษา พัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ
“หากเรามองด้วยใจเป็นธรรมแล้ว บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เป็นไปในทิศทางที่ประชาชนคาดหวัง ส่วนปัญหาโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกประสบเหมือนกัน รัฐบาลก็ดูแลแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ภายในปี’64 จำนวน 50 ล้านคน อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สำนึกในสิ่งที่ทำไว้กับประเทศด้วย เพราะ 7 ปีคนไทยก็ยังไม่ลืมในสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำไว้กับประเทศเช่นเดียวกัน” นายธนกรกล่าว
6) ธนกร เป็นคนที่มี “แรงขับบางประการ” ในการ“ทำผลงานให้เข้าตา” แต่ไม่เคยได้รับการ “เหลียวแล”มอบตำแหน่งสำคัญให้สักครั้ง ครั้งนี้เขาสู้อุตส่าห์ประมวลผลงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล มาตอบโต้
ในสังคมมนุษย์ ทุกคนล้วนมีคนที่รักและชัง
แต่ “ความยุติธรรมต่อชาติบ้านเมือง” ต้องมาก่อนความรักชอบส่วนตัว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เอาอำนาจประชาธิปไตยไปใช้อย่างชั่วชาติ จนประชาชนพร้อมใจกันขับไล่ สาปส่ง และทิ้ง “ความฉิบหาย” จากหนี้จำนำข้าวไว้เป็นภาระของแผ่นดิน โดยที่เจ้าตัว “หนีความรับผิดชอบ” ไปจีบปากจีบคอ “เอาดีใส่ตัว” อยู่กับพี่ชายที่ก็หนีคุก หนีคดีไปล่วงหน้าอย่าไม่เคยมี “หิริโอตตัปปะ” กันทั้งพี่ทั้งน้อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลพรรค ก็ไม่เคย “ยอมรับ” กระบวนการได้มาซึ่งอำนาจที่ “มีตำหนิ”
สิ่งที่สองฝ่ายควรทำ คือ “ยอมรับในการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์” ของตัวเอง
และยอมให้ประเทศชาติได้ “ไปต่อ” บนหนทางที่ถูกต้องต่อไป แทนที่จะต่างฝ่ายต่างไสประชาชนที่รักตัวเองเข้าเผชิญหน้ากัน
เอา “ยางอาย” มาปูลาดเส้นทางสู่อนาคตที่ดีให้ประเทศชาติด้วยกันเถอะ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี