ข่าวชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดบริษัทการบินไทย อาจจะเป็นเรื่องไม่โด่งดังมากนักในยามที่บ้านเมืองไทยเต็มไปด้วยข่าวผู้คนในประเทศไทยติดเชื้อโควิด-19 มากเกินหลักสองพันทุกวัน แถมด้วยข่าวคนตายเพราะโรคโควิด-19 มากกว่าวันละ 20 คนทุกวันต่อเนื่องมานับเดือนแล้ว
แต่สำหรับคนที่ติดตามข่าวคราวความยุ่งเหยิงปั่นป่วนวุ่นวายภายในการบินไทยมาอย่างต่อเนื่อง ก็คงให้ความสำคัญกับข่าวชัยพฤกษ์ลาออกอย่างแน่นอน แม้หลายคนจะรู้ดีว่าชัยพฤกษ์ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรมากนักกับการชุบชีวิตการบินไทยก็ตาม แต่ก็ต้องถือว่านี่คือข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของการบินไทยในยุคที่ยังมีสภาพลูกผีลูกคน
หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมชัยพฤกษ์จึงตัดสินใจลาออกเป็นเพราะว่างัดข้อจนไม่ลงรอยกับชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการ DD การบินไทย หรือกับปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการการบินไทยหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ตั้งแต่แรกก็ดูเสมือนว่าชัยพฤกษ์กับชาญศิลป์และปิยสวัสดิ์จะอยู่ฟากฝั่งเดียวกัน ซึ่งเป็นคนละขั้วกับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริษัทการบินไทย
แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดเห็นใบลาออกของชัยพฤกษ์จากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทการบินไทย แต่ทว่าข่าวนี้ผ่านการรับรู้และยืนยันของคนการบินไทยจำนวนมากไปเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งคนที่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยก็ยืนยันข่าวนี้เช่นกัน โดยทุกคนก็ยังรอฟังเหตุผลการลาออกของชัยพฤกษ์ว่าจะอ้างเหตุเช่นไร และมีการยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจดหมายลาออกของชัยพฤกษ์มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 อย่างแน่นอน
แต่ก็มีข่าวหลุดมาว่า ชัยพฤกษ์ตัดสินใจลาออกเพราะถูกลดตำแหน่งไปเป็นที่ปรึกษาฝ่ายช่างของการบินไทย ส่วนเรื่องที่ชาญศิลป์จะเขยิบขึ้นไปกินตำแหน่งประธานบอร์ดการบินไทยหรือไม่ ก็ต้องรอดูความชัดเจนต่อไป แต่คนในการบินไทยจำนวนไม่น้อยวิจารณ์ตรงกันว่า ชาญศิลป์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง DD การบินไทย และตำแหน่งประธานบอร์ดการบินไทย เพราะที่ผ่านมานั้นไม่เคยเห็นว่าชาญศิลป์สามารถแก้ปัญหาใดๆ ให้การบินไทยได้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งเรื่องที่พยายามปั่นกระแสขายปาท่องโก๋การบินไทยก็ดับสนิทนิ่งสงบไปแล้ว
นอกจากเรื่องที่สาธารณชนกำลังเฝ้ารอดูใบลาออกอย่างเป็นทางการของชัยพฤกษ์ ก็มีสิ่งที่ยืนยันได้แล้วอีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 การบินไทยได้มีเอกสารที่ กบ 01-3/049 เรื่องการลาออกจากตำแหน่งกรรมการ โดยแจ้งเรื่องไปยังกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีข้อความว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่า พลอากาศเอกชาญยุทธ ศิริธรรมกุล กรรมการอิสระ และรองประธานกรรมการบริษัทคนที่หนึ่ง ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
ซึ่งประเด็นการลาออกจากการเป็นกรรมการของชาญยุทธนี้ ถูกคนในการบินไทยทั้งเก่าและใหม่วิพากษ์ว่า นี่น่าจะเป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างการบินไทยกับกองทัพอากาศ ซึ่งคำวิพากษ์นี้มีมูลเหตุมาจากการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดของชัยพฤกษ์ผสมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีคนการบินไทยวิจารณ์ว่ามูลเหตุหนึ่งที่ชัยพฤกษ์ลาออกน่าจะมาจากการที่ชัยพฤกษ์ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งพนักงานของบริษัทให้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับ 11-13 ในคำสั่งบริษัท เลขที่ 023/2564 โดยชัยพฤกษ์ได้ลงนามในเอกสารเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ในฐานะประธานที่ประชุมคณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ โดยมีการแต่งตั้งบุคคลทั้งหมด 26 ราย ซึ่งเรื่องนี้ถูกคนการบินไทยวิจารณ์ว่าเป็นการแต่งตั้งโดยไม่มีอำนาจ
นอกจากนี้ ภายในการบินไทยยังมีหนังสือร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมปลิวว่อนอยู่เป็นประจำ เนื่องจากพนักงานการบินไทยจำนวนไม่น้อยยืนยันว่าพวกของตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการว่าจ้างให้ทำงาน โดยพนักงานการบินไทยจำนวน 508 คนยืนยันว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม และยังถูกผู้บริหารบริษัทการบินไทยจงในกลั่นแกล้งในเรื่องการบีบบังคับให้ต้องชดใช้เงินกู้ยืมก่อนกำหนดครบสัญญาโดยไม่เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ซึ่งเท่ากับบริษัทจงใจกระทำละเมิดต่อพนักงานที่ 508 คน
ขณะเดียวกันพนักงานการบินไทยกลุ่มที่ตกอยู่ในสภาพจำยอมให้จำต้องเข้าไปอยู่ในกลุ่มฟ้าใหม่ หรือบ้านฟ้าใหม่ ก็ออกมาให้ประกาศว่ากลุ่มของตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของผู้บริหารบริษัทการบินไทยเช่นกัน ดังปรากฏในหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม โดยส่งไปถึงอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 โดยร้องเรียนว่าบริษัทการบินไทยปฏิบัติต่อพนักงานโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เลือกปฏิบัติ และไม่เป็นธรรม
โดยมีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้ บริษัทการบินไทยประกาศให้พนักงานเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ (relaunch) ซึ่งพนักงานกลุ่มฟ้าใหม่ได้แสดงความจำนงเข้าร่วมกระบวนการนี้ แต่ปรากฏว่าบริษัทการบินไทยแจ้งว่าพนักงานไม่ผ่านการคัดเลือกตามกระบวนการ ทั้งนี้พนักงานขอร้องเรียนว่ากระบวนการไม่โปร่งใส เลือกปฏิบัติ และปฏิบัติต่อพนักงานโดยไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ยังระบุว่าบริษัทไม่ได้ประกาศโครงสร้างองค์กรใหม่ว่าแต่ละหน่วยงานจะมีพนักงานจำนวนมากน้อยเท่าไร บริษัทไม่ประกาศหลักเกณฑ์การประเมินและคัดเลือกพนักงานที่ชัดเจน ทำให้พนักงานไม่สามารถตรวจสอบหลักเกณฑ์ได้อย่างโปร่งใส ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ และการเลือกพนักงานโดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นธรรม อันขัดต่อหลักความโปร่งใสขององค์กรภายใต้การกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผิดหลักธรรมาภิบาลขององค์กร ซึ่งประเด็นนี้ทำให้พนักงานมั่นใจว่ามีการเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน และไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน
ประเด็นสำคัญที่พนักงานตั้งคำถามคือ เหตุใดบริษัทไม่ประกาศผลคะแนนและรายชื่อพนักงานที่ผ่านการคัดเลือกให้ประชาคมการบินไทยรับทราบ ซึ่งประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามเรื่องการเล่นเส้นเล่นสายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเอง
ส่วนประเด็นสำคัญอีกข้อคือ การเลิกจ้างพนักงานจำนวน 508 คน โดยไม่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 21พฤษภาคม 2564 โดยหนังสือร้องเรียนระบุชัดว่าการเลิกจ้างโดยเฉพาะเจาะจงตัวบุคคลเช่นนี้เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการเลิกจ้างโดยผิดกฎหมายแรงงานอย่างชัดเจน
ทั้งนี้มีข้อความหนึ่งระบุชัดว่า บริษัทการบินไทยประกาศต่อสาธารณชนมาโดยตลอดว่า บริษัทจะปรับโครงสร้างองค์กรให้เหลือพนักงาน 14,000-15,000 คน ซึ่งก่อนมีคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน 508 คน บริษัทมีพนักงานไม่ถึง 11,000 คน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนที่ระบุในโครงสร้างองค์กรใหม่ ดังนั้นบริษัทจึงไม่มีเหตุผลและความจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน 508 คน
นอกจากนี้ยังมีข้อร้องเรียนเรื่องบริษัทแก้ไขข้อบังคับในการทำงานของพนักงานในเรื่องเลิกจ้างที่ทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิประโยชน์ ซึ่งเป็นการจงใจกระทำผิดพระราชบัญญัตคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
ข้อความตอนท้ายของจดหมายร้องเรียนขอความเป็นธรรมระบุว่า พนักงานการบินไทยตามที่มีรายชื่อแนบในใบคำร้องนี้ขอให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ออกคำสั่งให้บริษัทการบินไทยจัดหาตำแหน่งงานให้พนักงานกลุ่มฟ้าใหม่ และให้บริษัทยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างพนักงาน 508 คน โดยให้บริษัทรับพนักงานดังกล่าวกลับเข้าทำงานตามเงื่อนไข และตำแหน่งงานเดิมของพนักงานแต่ละคน และขอให้บังคับให้บริษัทปฏิบัติต่อพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักความเป็นธรรม โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
นี่คือจดหมายร้องขอความเป็นธรรมจากพนักงานการบินไทยที่ยืนยันว่าตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมจากผู้บริหารการบินไทย นอกจากนี้ยังมีเสียงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งแก้ปัญหาให้การบินไทยโดยด่วน เพราะนายกรัฐมนตรีส่งผู้ที่คนการบินไทยจำนวนไม่น้อยเห็นตรงกันว่าเข้าไปสร้างปัญหาซ้ำเติมให้กับการบินไทย โดยไม่สามารถแก้ปัญหาให้การบินไทยได้แม้แต่น้อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี