คดีโกงในโครงการจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ยังไม่จบไม่สิ้น
ล่าสุด ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดคดีข้าวบูล็อค
1. คดีนี้ ค้างคามาช้านาน
ผู้ร้องให้ตรวจสอบกรณีนี้ คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีโน่น
2. ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน
กรณีการระบายข้าวจำนวน 3 แสนตัน ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศ อินโดนีเซีย (BULOG) ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อเดือน ธ.ค. 2564
ปรากฏชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ขณะนั้น พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ถูกกล่าวหา
3. ประเด็นของเรื่องตามข้อกล่าวหา คือ มีการทุจริตประพฤติมิชอบ เอื้อประโยชน์แก่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลดำเนินการปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศอินโดนีเซีย (BULOG) ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) จำนวน 300,000 ตัน เมื่อเดือน ธ.ค. 2554 ทั้งที่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในลักษณะนอมินีของ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ถูกศาลล้มละลายพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ล.18747/2552 รวมทั้งเคยเป็นคู่สัญญาการค้าขายข้าวกับรัฐบาลในโครงการ รับจำนำข้าวเปลือกปี 2544/2545 และปี 2546/2547 จำนวน 1.9 ล้านตัน และไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ตามสัญญา ผลประโยชน์ที่รัฐควรได้ตกไปเป็นของบริษัท สยามอินดิก้าฯ กับพวกที่เป็นนักการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่กันและกันต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
นี่คือประเด็นของการสอบสวนว่ามีการกระทำมีมูลความผิด หรือไม่?
4. ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้รับการยืนยันข้อมูลจาก แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิดนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก ในคดีดังกล่าวแล้ว
โดยกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 7 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ นายณรงค์ รัฐอมฤตนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ
ส่วนกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างน้อย 2 ราย ได้แก่ นายณัฐจักรปัทมสิงห์ ณ อยุธยา และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า หลังจากมีการประมูลการปรับปรุงข้าวบูล็อค โดยบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ชนะนั้น มีเอกชนร้องเรียนต่อกระทรวงพาณิชย์ว่าอาจมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีกระทรวงพาณิชย์อ้างว่า สาเหตุที่เลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียต้องการบริษัทนี้ เลยไม่มีการดำเนินการแก้ไข ขณะที่นายกิตติรัตน์ อ้างว่า มอบอำนาจให้นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ขณะนั้น กำกับดูแล แต่พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า นายกิตติรัตน์คือผู้ดำเนินการ ดังนั้น นายกิตติรัตน์ ในฐานะ รมว.พาณิชย์ จึงเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
นายกิตติรัตน์ ถูกชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ส่วนอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า อีกประมาณ 10 ราย ถูกชี้มูลความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ได้กันเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติอีกจำนวนหนึ่งกันไว้เป็นพยานในคดีนี้ด้วย
ทั้งหมด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังมีสิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
5. บรรดาคดีโกงเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นั้น มีอยู่มากมาย นั่นคือที่ว่าทำไมโครงการจึงเกิดความเสียหายมหาศาล และยังฝากภาระหนี้สินไว้ให้รัฐบาลตามชดใช้ต่อไปจนถึงวันนี้
5.1 คดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี ฐานไม่ระงับยับยั้งความเสียหาย
จุดตายของยิ่งลักษณ์ อยู่ที่การปล่อยให้มีการโกงข้าวจีทูจี 4 สัญญาโดยรัฐมนตรีได้รายงานยุทธศาสตร์การระบายข้าวให้ยิ่งลักษณ์โดยตรง จากนั้นก็เดินหน้าทำจีทูเจี๊ยะ ซึ่งรายละเอียดในคำพิพากษาชัดเจนว่าโกงกันอุกอาจขนาดไหน ปรากฏในคำพิพากษาคดีระบายข้าวที่มีนายบุญทรงและพวกเป็นจำเลย โดยไม่ได้นำข้าวขายออกนอกประเทศจริง เป็นเพียงการสมอ้างเพื่อนำข้าวมาเวียนขายภายในประเทศ และเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลอื่น
แต่งตั้ง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ที่เป็นจำเลยที่ 3 ในคดีระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริต เข้าดำรงตำแหน่งอนุกรรมการระบายข้าวและอนุกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการระบายข้าวอีกเป็นจำนวนมาก
ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมระงับยับยั้งการซื้อขายข้าวจีทูจีดังกล่าว ไม่ระงับการส่งมอบข้าว ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง และอำนาจที่มีในฐานะนายกฯซึ่งสามารถสั่งการได้ทุกกระทรวง ทบวง กรม และประธาน กขช.ระงับยับยั้งแก้ไขปัญหาทุจริต แต่กลับละเว้นปล่อยให้ดำเนินการต่อไป กระทั่งเอื้อให้นายบุญทรง รมว.พาณิชย์ กับพวกสมอ้างนำบริษัทกว่างตงฯ และไห่หนานฯ ให้มาซื้อข้าวในท้องตลาดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่
5.2 คดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกนายบุญทรงและพวก กรณีทุจริตระบายข้าวจีทูจีเก๊
นอกจากนี้ ยังมีข้าวจีทูจีภาค 2 ที่ไต่สวนกันมาข้ามปี พฤติการณ์คล้ายๆ กับภาคแรก
5.3 กรณีทุจริตข้าวถุง ขณะนี้ ยังอยู่ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.
ในคำพิพากษาคดีของยิ่งลักษณ์ ศาลฎีกาฯ ได้ระบุถึงกรณี อคส.ทำข้าวถุง เอาไว้ด้วย โดยอ้างว่าจะขายให้กับประชาชนในราคาถูก จำหน่ายในโครงการธงฟ้า ร้านถูกใจ ร้านสวัสดิการอคส. และเอกชนผู้แทนจำหน่ายอีก 3 แห่ง แต่จากการตรวจสอบ พบว่า ข้าวถุงที่นำออกมาจำหน่ายมีไม่เพียงพอ
และเมื่อตรวจสอบกับบริษัทขนส่งข้าวก็พบว่าปริมาณที่ขนส่งน้อยกว่าปริมาณที่มีการนำข้าวมาเพื่อจัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้แทนจำหน่ายดังกล่าวยังกล่าวอ้างว่ารู้จักกับร้านค้าที่จัดจำหน่ายได้อีกกว่า 20 แห่ง แต่เมื่อตรวจสอบกลุ่มร้านค้า กลับปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายข้าว และไม่มีข้าววางจำหน่ายต่อสาธารณะ
ในคำพิพากษาชี้ว่า มีการคบคิดกันเป็นขบวนการในการทุจริตระบายข้าวถุง
5.4 กรณีทุจริตข้าวบูล็อค (BULOG) 3 แสนตัน คือ คดีล่าสุดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว
5.5 คดีทุจริตในระดับปฏิบัติ หรือระดับดำเนินการ ส่วนใหญ่เป็นการโกงในระดับโกดังเก็บข้าว-โรงสี พฤติการณ์จำพวกข้าวหายข้าวไม่ครบตามที่ลงบัญชี ข้าวผิดประเภท ข้ามเสื่อมสภาพ (เพราะเอาข้าวดีไปขาย) ฯลฯ คดีกลุ่มนี้หลายคดีศาลยกฟ้อง เพราะหลักฐานไม่พอ หลักฐานหายบ้างก็มี เพราะพัวพันสมประโยชน์ระหว่างข้าราชการกับนักธุรกิจในระดับพื้นที่
ทั้งหมด ตอกย้ำว่า จำนำข้าว โคตรโกง!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี