อยากให้รู้จัก “3 ดอกไม้เหล็ก” แห่งแดนใต้ 3 สส.หญิงของพรรคประชาธิปไตย ที่งานหลวงไม่เคยขาด งานราษฎร์ไม่เคยเว้น ทำโดยไม่เคยพร่ำบ่น ย่ำทุกตารางนิ้วของพื้นที่เพื่อสอดส่องสุขทุกข์ของประชาชน และเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน เป็นปากเป็นเสียงให้ในสภา เสมอมา ผ่าน “บทบันทึก” บางวันของแต่ละท่าน ที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย และการเรียนรู้ร่วมไปกับคนในพื้นที่ เพื่อทำหน้าที่ “ผู้แทน” ให้สมบูรณ์ขึ้นทุกวัน
1) มด-กันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ (จ.พังงา)
หลายวันมานี้… มีหลายอย่างผ่านเข้าในชีวิตได้เห็นถึงความมีน้ำใจของคนในพังงา แรกเริ่มที่คิดว่าเราควรนำลูกหลานคนพังงาที่ติดเชื้อกลับมารักษาที่พังงา มากกว่าจะนอนรอเตียงหรือรอ รพ.สนาม อย่างไร้อนาคต ในกทม. หรือในพื้นที่อื่นๆ มดคิดว่าหลายท่านอาจจะไม่เห็นด้วยเพราะอาจกังวลกับการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่ชุมชน..แต่สุดท้าย พี่น้องพังงากลับให้ความร่วมมือและสนับสนุนให้ลูกหลานของเราที่ติดเชื้อกลับมารักษาที่พังงาบ้านของเรา
สิ่งนี้คือจิตใจของคนพังงา ที่แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ ประชากรไม่มาก แต่เป็นจังหวัดที่ประชาชนมีจิตใจที่ดี และ สามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เราจะเห็นได้ว่าหลายครั้งที่เกิดวิกฤติ พังงาของเราจะผ่านได้ด้วยดีเสมอ นั้นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐและช่วยกันสนับสนุนเกื้อกูลกัน
โควิดรอบแรกที่ดูจะรุนแรง เราก็เริ่มทำหน้ากากผ้า มอบพระภิกษุ เด็กนร. อสม. และบุคลากรด่านหน้า แจกหน้ากากอนามัย face shield สเปรย์แอลกอฮอล์ ชุด ppe ตู้อะคลิลิกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ แจกถุงยังชีพ แจกอาหาร ทุกๆ ภาคส่วนช่วยเหลือกัน จนเราสามารถหยุดเชื้อโควิดรอบแรกได้เร็วมาครั้งนี้ วิกฤติหนักกว่ารอบแรกมากๆ ไม่ว่าจะจำนวนผู้ติดเชื้อ ชนิดของเชื้อที่นับวันจะรุนแรงขึ้น และยังมีสภาพเศรษฐกิจที่แย่ลงจนมองแทบจะไม่เห็นอนาคต แต่คนพังงาส่วนใหญ่ยังสนับสนุนให้ นำลูกหลานของเราที่ติดเชื้อกลับมารักษาที่พังงา….
หลายวันมานี้มดและทีมงานได้นำสิ่งของไปมอบให้กับผู้เสี่ยงสูงที่ต้องกักตัว..มดได้เห็นการช่วยเหลือกันของคนในชุมชน ได้เห็นว่าผู้ที่ต้องกักตัวแต่กลับมีรอยยิ้มและจิตใจที่
เข้มแข็ง เพราะเค้าได้รับกำลังใจจากคนในชุมชน
หลายวันมานี้ มดได้คุยกับ น้องๆ ที่เป็นลูกหลานคนพังงาและเข้ารับการรักษา ที่ hospitel หลายคนกำลังใจดี บางคนไม่มีอาการมาก บางคนมีเจ็บคอจนไม่สามารถจะโทรศัพท์ได้ แต่มีกำลังใจล้น เราคุยกันผ่านทางไลน์ ส่งกำลังใจให้กันและกัน
วันนี้มีน้องคนหนึ่ง ติดเชื้อโควิดทั้งสามีภรรยาและผลตรวจวันนี้พบว่าลูกสาวอายุ 12 ปี ติดเชื้อโควิดเช่นกัน สามีได้เข้ารับการรักษาแต่ภรรยาและลูกยังคงกักตัวที่บ้าน ทั้ง 2 คนอยากกลับมาพังงาบ้านของเรา ซึ่งทีมสสจ. ช่วยกันประสานงานเต็มกำลัง มดและสท.เนส เมืองพังงา ได้พูดคุยและประสานงานกันและได้คุยกับผู้ติดเชื้อ มดได้เห็นถึงความตั้งใจของสท.เนสที่ช่วยเหลือพี่น้องกลับมา และคิดว่าอีกไม่นาน 2 แม่ลูกจะได้กลับมารักษาที่บ้านของเรา
วันนี้ มดสามารถบอกใครๆ ได้ว่า พังงาของเรา แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่น้ำใจของคนพังงายิ่งใหญ่เสมอ สู้ไปด้วยกันนะคะ พี่น้องพังงา
2) น้ำผึ้ง-พิมพ์ระพี พันธุ์วิชาติกุล (จ.กระบี่)
เกาะจำ เป็นหนึ่งในหลายเกาะของตำบลศรีบอยา คือ มีเกาะศรีบอยา เกาะจำ เกาะปู และเกาะฮั่ง ชาวบ้านมีอาชีพหลักเป็นชาวประมงและมีการท่องเที่ยวแบบนวัตวิถี มีทั้งชาวไทย จีน พุทธ ชาวไทยใหม่และชาวไทยมุสลิม อยู่ด้วยกัน อย่างกลมกลืน เป็นวิถีชาวเกาะซึ่งดูอบอุ่น
วันนี้ลงพื้นที่ได้เจอผู้ใหญ่บ้านเป็นคนรุ่นใหม่ชื่อน้องฝ้ายเรียกว่า “ผู้ใหญ่ฝ้าย” และเข้าคารวะอดีต กำนันหิ้น (กำนันคนดีทีมงานพ่อ ผู้ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง) ทั้งสองท่านพาสำรวจทั่วเกาะ ดูสภาพชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ค้าขาย และเคยทำท่องเที่ยว
ปัญหาที่ดินทำกิน และ ความยากจน-มีบ้านหลายหลังอยู่ในเขตที่ต้องเช่ากรมเจ้าท่า อยู่ในเขตอุทยาน เขตป่าชายเลนและอยู่ในเขตป่าไม้ ซึ่งชาวบ้านกระจัดกระจายอยู่กันตั้งหลักปักฐานมานาน
ผู้ใหญ่ฝ้ายเป็นห่วงเป็นใยชาวบ้านมาก เห็นแล้วชื่นใจว่า การมีผู้นำดีๆ นั้น สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ จึงพยายามจะลองคิดนำโครงการบ้านมั่นคงลงในพื้นที่นี้ เพราะ
เชื่อมั่นในความสามารถของผู้ใหญ่ฝ้าย สาวน้อยชาวกระบี่ผู้เรียนจบเศรษฐศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ มีความมุ่งมั่นที่จะรับใช้พี่น้องเห็นแล้วชื่นใจรู้สึกมีกำลังใจในการทำงาน คุยภาษาเศรษฐศาสตร์กันรู้เรื่อง สนุกสนาน
นานมากแล้วที่อยากจะได้ความรู้จากคนที่สัมผัสชาวประมง อย่างจริงจัง ในเรื่องของวงจรอุปทานและอุปสงค์ของสินค้าทะเล และกระแสเงินสดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของชาวประมงที่ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมยังยากจน ทั้งๆ ที่รายได้ของชาวประมงถือว่าไม่ใช่รายได้ที่น้อย...
ค้นพบความจริงบางอย่างที่น่าตกใจ คือ ต้นทุนของอุปกรณ์ประมง นั่นคือ ลอบปลาหมึก ลอบปู อวนต่างๆมีราคาขึ้นอยู่ตลอดเวลา ชาวประมงไม่มีกำลังในการต่อรองกับสินค้าอุปกรณ์ประมง เลยต้องจำนนอยู่กับราคาที่แพง เข้าสู่วังวนของหนี้สิน
ที่น่าตกใจอีกอย่าง คือ ปัญหาของหวยหุ้น ที่เป็นยิ่งกว่าปีศาจร้ายทำลายทั้งระบบของครอบครัว คนที่ติดหวยหุ้นแทบจะทำงานไม่ได้เลย เพราะต้องซื้อหวยวันละ 4 ครั้งลองจินตนาการดูว่า ถ้าชาวประมงมีภรรยาเล่นหวยหุ้นและมีลูกอีก 3 คนต้องส่งไปเรียน ชายคนนั้น จะอยู่รอดได้อย่างไร คิดและสะท้อนใจ..
ลงพื้นที่กับ ทีมงาน “เคียงกระบี่” โดยน้องเคี่ยงธนวัช ภูเก้าล้วน นักการเมืองประชาธิปัตย์รุ่นใหม่ ผู้มีความชำนาญนักในการสร้างบ้าน วันนี้จะต้องมาซ่อมบ้าน ช่วยกันคิดช่วยกันทำในการหาทางช่วยผู้ใหญ่ฝ้ายซ่อมบ้านชาวบ้านที่ยากจน นำเข้าสู่โครงการบ้านพอเพียง..
บ้านแล้วบ้านเล่าที่เราเดิน เห็นความเหลื่อมล้ำในสภาพชีวิต ความเป็นอยู่อาชีพชาวประมงที่ไม่มีความมั่นคงและแน่นอน หากชีวิตคนเราต้องการเพียงแค่ ได้นอนอุ่น กินอิ่ม หลายๆ คน ที่เราเดินไปเยี่ยม ยังไม่ได้รับความสุขขั้นพื้นฐานนี้
บนเกาะจำ อาชีพชาวประมงชายฝั่งถูกผลกระทบอย่างรุนแรงจาก COVID เนื่องจากนักท่องเที่ยวลดลงเป็นอย่างมาก
บนเกาะจำเคยมีบังกะโลและโรงแรมเล็กๆ อยู่หลายสิบห้อง ไว้ต้อนรับชาวต่างชาติ ตอนนี้ก็เงียบสงัด ถือว่าเกาะจำได้รับผลกระทบจากโควิดหนักหนา และควรได้รับการเยียวยาอย่างเร่งด่วน
ขอบคุณผู้นำและชาวเกาะจำทุกคนที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น ยังประทับใจในความสามารถและ ความขะมักเขม้นที่จะช่วยเหลือประชาชนของผู้ใหญ่ฝ้าย จนถูกประทับเป็นหน้าที่ของสส.คนนี้ ที่จะต้องช่วยให้ผู้ใหญ่ทำได้สำเร็จอย่างสุดฝีมือ นั่นคือ โครงการบ้านพอเพียง และโครงการบ้านมั่นคง และคุณภาพชีวิตชาวประมงที่จะต้องดีขึ้น ด้วยความรู้และนวัตกรรม
สำคัญที่สุดของวันนี้ค้นพบว่า เกาะจำ มีอาหารที่อร่อยเด็ดที่สุด คือ แกงเอ็นหอยใส่สับปะรด กับต้มหวานปลาหมึกดำ
คุ้มค่ามากๆ ที่จะต้องนั่งเรือครึ่งชั่วโมงชมวิวและได้ไปชิมของทะเลสดอร่อยแบบนี้
วันนี้กลับบ้านพร้อม กุ้งต้ม ปูต้ม หอยกระติบที่แกะแล้ว เอ็นหอย ปลามงตัวโต และขนุนลูกโตที่ชาวบ้านฝากกลับมาให้ ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะกลับไปใหม่ จำได้มิรู้ลืม
3) ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล (จ.นครศรีธรรมราช)
8 ก.ค.2564 รักจริง ไม่ทิ้งกัน @กรุงชิง : “เจ็บแต่จบ” คำสั้น ๆ แต่ใช้ได้จริงกับคนที่นี่ #กรุงชิง อำเภอนบพิตำ วันนี้ปุ้ยจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่าทำไมคำว่า “เจ็บแต่จบ” ใช้ได้จริง
บ้านหวายช่อ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ ที่มีครัวเรือนประมาณ 300 ครัวเรือน เมื่อมีการตรวจพบว่าพบผู้ติดเชื้อที่นี่ สิ่งแรกที่ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นทำคือปิดหมู่บ้าน ชนิดที่ว่าคนในไม่ให้ออกคนนอกไม่ให้เข้า และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลโดยด่วน ปุ้ยได้รับประสานงานจากผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นว่าขอสนับสนุนถุงยังชีพจำนวน 300 ชุด เพื่อปูพรมมอบให้ทั้งหมู่บ้าน วันรุ่งเช้าเจ้าหน้าที่ลงตรวจเชิงรุกโดยทันที
ปุ้ยและทีมงานรีบแพ็กถุงยังชีพ 300 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวเพื่อส่งมอบให้ถึงมือชาวบ้านทุกครัวเรือนในนั้น ปุ้ยภาวนาขออย่าให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม จนครบ 7 วัน ยอดนิ่งและเข้าสู่วันที่ 8 พี่น้องในหมู่บ้านก็สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้
บทเรียนในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นความรัก ความสามัคคีและการร่วมมือของทุกๆ ฝ่าย อาทิ ทัพบุคลากรทางการแพทย์ ทัพเจ้าหน้าที่ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ทัพแม่ครัว และพี่น้องประชาชนโดยรอบที่ส่งข้าวของมาช่วยเหลือ เจ็บครั้งเดียวแต่จบ และปรารถนาอย่าให้พบผู้ติดเชื้ออีก ทุกอย่างจบที่รอบยิ้มแห่งความห่วงใย ที่นี่ @ กรุงชิง
13 ก.ค.2564 ไม่มีความสุขใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าเห็นประชาชนยิ้มได้ ปุ้ยและคุณเชี่ยวศักดิ์ ยงค์ตระกูล เปิดครัวร่วมใจให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และญาติผู้เฝ้าไข้โรงพยาบาลสิชล จำนวนกว่า 1,600 ชุด อิ่มอกอิ่มใจกันถ้วนหน้าปุ้ยขอขอบคุณจิตอาสาทุกคน เช่น นายทวีรัตน์ บุญขวัญปลัดอำเภอสิชล ผู้นำท้องที่ โดยมีกำนันน้อง พูลศิลป์พูลสวัสดิ์ คณะผู้บริหาร ทีมงานเทศบาลตำบลสิชล เจ้าหน้าที่ตำรวจ มูลนิธิ และจิตอาสาทุกคน โดยเฉพาะทีมปรุงอาหาร พี่ยา พี่ศรี พี่แอ๋ว พี่หมุก พี่ไข่แดง พี่อ้อม น้าเจ พี่ไกรสิงห์ น้องโอ น้องเก๋ น้องกุล… ที่ร่วมปรุงอาหารบำรุงหัวใจในยามวิกฤติครั้งนี้ค่ะ
บทบันทึกของ สส.หญิงทั้งสามนี้ เป็นเพียง“เสี้ยวหนึ่ง” ในชีวิตจริงของพวกเธอ ที่ไม่เคยห่างพื้นที่ไม่เคยหนีประชาชน และไม่เคยบกพร่องในสภา ไม่ต้องวิ่งหาโอกาสเป็นข่าวด้วยการโต้วาทีกับคนนั้นคนนี้ ไม่ต้องทำทีลงไปนอนในโลงศพ หรืออะไรก็ตาม ที่เปลี่ยน สส. คนหนึ่งเป็น “จำอวด”
เพียงแต่อยู่เคียงข้างประชาชนในทุกๆ ยาม เรียกร้องในสิ่งที่ประชาชนควรได้ แต่พร้อมจะ “เติมเต็มให้” จนสุดกำลังของพวกเธอเสมอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี