พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทยมาช้านานแล้ว ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีศาสนาต่างๆ หลายศาสนา และอยู่ร่วมกันโดยมิได้ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์กันและกันศาสนิกชนของทุกศาสนาต่างก็น้อมนำหลักธรรมคำสอนของตนมาประพฤติปฏิบัติและอบรมสั่งสอนศาสนิกให้มีความก้าวหน้าสืบเนื่องมาเป็นเวลาช้านาน
เป็นปรากฏการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้นในประเทศใดๆเพราะในหลายประเทศที่มีศาสนาอื่นเป็นศาสนาประจำชาติ ได้ถือเอาข้อบัญญัติในศาสนาของตนที่กำหนดให้ต้องนับถือบูชาพระเจ้าองค์เดียว ห้ามมิให้นับถือพระเจ้าหรือใดอื่น จึงเป็นเหตุให้หลายประเทศกีดกันหรืออย่างน้อยก็ไม่สนับสนุนศาสนาอื่น
กระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งในทางศาสนาขึ้นในโลก ซึ่งหาใช่วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่แท้จริงของทุกศาสนาเลย เพราะทุกศาสนาล้วนมีเป้าหมายปลายทางที่ไม่ต่างกัน คือมุ่งหมายให้สังคมมนุษย์มีความสงบ มีความสุข เอื้อเฟื้อจุนเจือกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ในบางศาสนาถึงกับมีข้อบัญญัติว่าแม้เป็นศัตรูหรือข้าศึกก็ต้องให้การช่วยเหลือ
แต่ศาสนิกชนเองต่างหากที่ใจคอคับแคบ เข้าไม่ถึงหลักธรรมขั้นสูงของศาสนา ยึดถือเอาแต่เปลือกกระพี้หรือตัวหนังสือ จนกระทั่งล่วงละเมิดคำสอนของศาสนานั้นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับประเทศไทยของเรานอกจากมีหลายศาสนาและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ ต่างคนต่างประพฤติปฏิบัติธรรมและประกาศธรรมของศาสนาของตนได้อย่างเต็มที่แล้ว พระเจ้าแผ่นดินของไทยก็ทรงส่งเสริมสนับสนุนทุกศาสนาเสมอกัน ทรงประพฤติปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่างสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์
ครั้นประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญใช้บังคับเป็นกฎหมายสูงสุด ก็มีการตราบทบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก คือเป็นผู้ทำนุบำรุงส่งเสริมทุกศาสนา และเนื่องจากประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญจึงบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะคือเป็นชาวพุทธ
ซึ่งก็เป็นปกติของประเทศที่มีศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว ประมุขของชาตินั้นก็จะเป็นศาสนิกชนของศาสนานั้นๆ
เพราะเหตุที่พระเจ้าแผ่นดินและประเทศไทยมิได้ตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ศาสนาใดและยังส่งเสริมสนับสนุนอย่างจริงจังตลอดมา จึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยมีแทบทุกศาสนาที่มีอยู่ในโลก
และทุกศาสนาถ้าหากมีหลายนิกาย ประเทศไทยก็ยังยินดีต้อนรับให้มีนิกายต่างๆ ในศาสนานั้นอย่างครบถ้วน แม้ว่าในบางศาสนามีความขัดแย้งระหว่างนิกายกันค่อนข้างสูง ถึงขนาดเคยทำสงครามแก่กันก็เคยมีมาแล้วในประวัติศาสตร์ของศาสนานั้นๆ
ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยก็มีหลายนิกาย และแต่ละนิกายก็ประกาศธรรมคำสอนเผยแผ่นิกายนั้นได้อย่างเต็มที่ ทั้งศาสนาอื่นและศาสนิกชนต่างนิกายกันก็มิได้รังเกียจเดียดฉันท์ตามแบบอย่างของประเทศไทย
ศาสนาอิสลามก็เช่นเดียวกันก็มีหลายนิกาย บางนิกายก็มีหลายสำนักคิด และบ้างก็มีความขัดแย้งกันเอง แต่กระนั้นก็กล่าวได้ว่าประเทศไทยมีศาสนาอิสลามครบทุกนิกาย คือทั้งนิกายสุหนี่ นิกายชีอะห์ และนิกายวาฮาบี และได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสันติแตกต่างกับประเทศอิสลามในบางประเทศด้วยซ้ำไป
นั่นก็เพราะลักษณะพิเศษของประเทศไทยและพระเมตตาคุณแห่งพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำนุบำรุงทุกศาสนาทุกนิกายเสมอกัน
แต่กลับกลายเป็นว่าพระพุทธศาสนาเองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศไทยกลับมีไม่ครบทุกนิกาย จึงทำให้นิกายในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยวิ่นแหว่งลุ่มๆ ดอนๆ อยู่
พระพุทธศาสนามีนิกายใหญ่อยู่ 3 นิกาย คือหินยานหรือเถรวาท มหายานและวชิรยาน หรือวัชรยาน
นิกายหินยานในประเทศไทยก็มีหลายนิกายย่อย เช่น มหานิกาย ธรรมยุติกนิกาย และยังมีแหล่งที่มาที่ต่างกันและมีคำสอนในบางเรื่องแตกต่างกัน
เพราะเมื่อครั้งที่พระพุทธศาสนาเสื่อมสิ้นไปจากประเทศไทยในยุคอยุธยา พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาก็โปรดเกล้าฯ ให้แต่งคณะทูตไปอัญเชิญพระพุทธศาสนาจากศรีลังกามาประดิษฐานในประเทศไทยขึ้นใหม่
พระพุทธศาสนาที่อัญเชิญมาจากศรีลังกาในครั้งนั้นจึงได้ชื่อว่าลังกาวงศ์
แต่ทว่าในศรีลังกายุคนั้นก็มีการอบรมสั่งสอนพระพุทธศาสนาเป็นสองสาย คือสายคามวาสี โดยมีสำนักมหาวิหารซึ่งเป็นพระอารามหลวงเป็นศูนย์กลางและถือหลักการสอนตามคัมภีร์วิสุทธิมรรค และอีกสำนักหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นสายอรัญวาสีหรือพระป่า คือสำนักอภัยคีรี ซึ่งถือหลักการสอนตามคัมภีร์วิมุตติมรรค
ครั้นต่อมาพระพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมสิ้นไปพระเจ้าแผ่นดินแห่งศรีลังกาก็ได้แต่งคณะทูตมาอัญเชิญพระพุทธศาสนาจากประเทศไทยไปประดิษฐานที่ศรีลังกาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นพุทธศาสนาในศรีลังกาที่สืบทอดกันมาจึงได้ชื่อว่าเป็นสายสยามวงศ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี