เชื่อว่าราว “เดือนกุมภาพันธ์ 2564” สังคมไทยคงจำภาพในอดีตที่ “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” โพล่งกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ซึ่งเป็นการประกาศเปิดประเทศในวันที่การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” อยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยราววันละ 20,000 ราย และปริมาณการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไม่ได้สูงเท่าใดนัก
ทันทีที่ “ไต้ก๋งเรือแป๊ะ” ประกาศนโยบายเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นนั้นออกมาให้สังคมไทยได้เดินหน้าทะยานสู่จุดมุ่งหมายก็มีเสียงกระแหนะกระแหนแซะเสี้ยมจากนักการเมืองชังชาติ สาวกสัมภเวสีที่จ้องเตะตัดขาโหยหาอำนาจทางการเมืองตามพฤติกรรมและธรรมชาตินักเลือกตั้ง ขณะที่ภาคเอกชนจำนวนไม่น้อยต่างปรีดาลิงโลดในนโยบายนี้ เข้าตำรา “สองคนยลตามช่อง” อย่างไรอย่างนั้น
นโยบายนี้มีการคาดเดากันมาโดยตลอดว่า จะดีเดย์ เมื่อใด ทำได้อย่างนั้นจริงหรือ ทว่ารัฐบาลก็พยายามขยับสร้างความมั่นใจให้สังคมไทยเรื่อยมา จนล่าสุด “ไต้ก๋งเรือแป๊ะ” ก็ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจอีกกระทอก ประกาศชัดนโยบายเปิดประเทศ ดีเดย์ เปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เริ่มต้นจากต้อนรับต่างชาติอย่างน้อย 10 ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างมีเงื่อนไขแบบแผน อาทิ ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกัก “ประยุทธ์” ยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่อาจมีเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เข้ามาสู่ประเทศไทยได้อีก แต่เพื่อความอยู่รอดของประชาชนที่ต้องดำรงชีพ ต้องทำมาหากิน ต้องข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นรัฐบาลก็จะเข้ามาแก้ไขต่อไป เพราะ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” ยังต้องอยู่กับสังคมโลก สังคมไทยยังต้องเผชิญหน้าอย่างมีสติกับมันต่อไปอีก
แน่นอนเราเห็นด้วยที่จะเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ เพราะต้องไม่ลืมว่า เศรษฐกิจประเทศพึ่งพารายได้เพียงสองทางคือ รายได้จากการท่องเที่ยว และภาคการส่งออกสินค้าทางการเกษตร ดังนั้น มาตรการนี้จักเป็นหนทางที่ทำให้เกิดการกระตุ้นจีดีพีได้ถึง 10% ดัชนีหุ้นซึ่งเป็นเครื่องมือบ่งชี้ระดับราคาและแนวโน้มของตลาดหุ้น, ตลาดทุน มีการปรับตัวสูงขึ้นด้วยความมั่นใจขานรับมาตรการดังกล่าว
ที่น่ากลัวจากนี้คือ “อสรพิษ” ที่อยู่ในระบบราชการที่แวดล้อมนักการเมืองฝ่ายบริหารที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวมกระทั่งทำเรื่องไร้สามัญสำนึกความรับผิดชอบเหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วที่ระยอง เรื่องบ่อนพนัน ที่ตลาดกุ้งมหาชัย สมุทรสาคร กรณีแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำงานโดยผ่านชิ่งทางธรรมชาติที่มีเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็น และเรื่องราวต้นเหตุเหล่านี้มิได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาลในการกระชากหน้ากากจิกหัวผู้บ่อนทำลายชาติเหล่านี้มารับโทษทัณฑ์ตาม โทษานุโทษ” โชคยังดีที่ “ระบบสาธารณสุข” ไทยมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ “บุคลากรทางการแพทย์”อุดมไปด้วยจรรยาบรรณจึงทำหน้าที่ในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุขจนเกิดการยับยั้งป้องกันได้ ทว่าหากมีลูปนี้เกิดขึ้นอีก รัฐบาลคงไม่ได้รับการให้อภัยจากสังคมไทยอีกแล้ว
จากนี้คือภารกิจหน้าที่ของสังคมไทยอณูหนึ่งใน“ทีมไทยแลนด์” ที่ต้องรับช่วงหน้าที่ต่อจาก “บุคลากรทางการแพทย์”ไม่ใช่หน้าที่รักษาฟื้นฟูสมรรถนะ ความแข็งแกร่งของปุถุชน แต่ทำหน้าที่ฟื้นฟูสมรรถนะเศรษฐกิจของชาติให้เดินหน้าได้อย่างเข้มแข็งมั่นคง เป็นเจ้าบ้านที่ดี โอบอ้อมอารีด้วยมิตรภาพและยิ้มสยามให้กับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ให้แก่สังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี