“อาจารย์ผมคือ Prof. Herbert Einstein หลานแท้ๆ ของ Albert Einstein นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก เมื่อคืนเขียนอีเมลไปหาอาจารย์ว่า ขอบคุณอาจารย์สำหรับ
ทุกสิ่งทุกอย่าง Herbert Einstein เป็นคนยิวครับ อายุเท่าคุณพ่อคุณแม่ผม เกิดวันที่ 31 มกรา ผมโทร Happy Birthday ทุกปี คนไทยชนะใจคนด้วยความกตัญญูกตเวทีครับ
คนยิว เขามีความมุ่งมั่น ขยันอดทนมีวินัย สมองไม่ได้มีมากกว่าคนไทย ถ้าเกิดคนไทย ขยัน มุ่งมั่น อดทน มีวินัยเหมือนคนยิว ชนะคนยิวครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว เพราะผมนี้ ถือว่าเป็นทายาทสายตรงไอน์สไตน์ คนเดียวในแผ่นดินไทยเลยครับ ภูมิใจมากครับอาจารย์”
นี่คือคำพูดช่วงหนึ่งในการแนะนำตัวเองในงานเปิดตัวดร.เอ้ หรือ “พี่เอ้” ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโยลีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าเป็นว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์
และ “เรื่องเล็กๆ” นี้ ถูกขยายความเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นเรื่อง “โป๊ะ” ตามภาษาสมัยใหม่ ว่า “พี่เอ้” เล่นใหญ่จนได้เรื่อง
1) จริงหรือมโน คุยโวหรืออ้างถึงเพื่อ?
ดร.เอ้ ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า เมื่อตนไปเรียนที่เอ็มไอทีก็ได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ก่อนว่า ตนโชคดีมากที่ได้เรียนกับอาจารย์ท่านนี้ เพราะเป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งตนก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด ไม่ได้มีเจตนาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในการหาเสียง
“ถ้าใครได้ติดตามจะทราบว่าผมได้พูดถึงเรื่องนี้ในการบรรยายมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาเพราะเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจอย่างนั้นจริงๆ”
2) ศิษย์มีครู
หากตรวจสอบดู “ความสม่ำเสมอ” ในการกล่าวถึง “ครู” จะพบว่าอย่างน้อยๆ ดร.สุชัชวีร์ ได้เคยโพสต์ภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ คู่กับภาพของ ศ.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เอ้-สุชัชวีร์ ในวันครู เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมโพสต์ข้อความระบุว่า ตนคิดถึงครูที่เอ็มไอที และส่งกำลังใจ ความรัก ความกตัญญูถึงศ.เฮอร์เบิร์ต ครูของตน ที่เป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ที่สอนให้ตนเป็นคนมุ่งมั่นอดทน ไม่ยอมแพ้
จับสาระแล้ว ใช่ครับ มุมหนึ่งอาจถูกตีความว่า “อ้างอิงครู” เพื่อจะได้เห็นว่า ตนได้เรียนกับบุคคลสำคัญ อันอาจจะถูกมองว่า “ยกตัว” แต่ที่สำคัญกว่านั้น ดร.เอ้ได้แสดงออกชัดเจนว่า เป็นการรำลึกถึงคนที่เป็น แรงบันดาลใจเป็นความภาคภูมิใจ และ “สอนให้ตนเป็นคนมุ่งมั่นอดทน ไม่ยอมแพ้”
มติชนออนไลน์ ได้ส่งอีเมล สอบถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไปยัง ศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ เกี่ยวกับความคิดเห็นที่ สุชัชวีร์ นำไปอ้างถึงในการหาเสียงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ซึ่งศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ตไอน์สไตน์ ได้ตอบอีเมลกลับมาระบุว่า
“ขอบคุณ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นนักเรียนระดับปริญญาเอกของผมจริงๆ และเป็นนักเรียนที่ดีมากคนหนึ่งอย่างไรก็ตาม ผมไม่ใช่หลานของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือด ผมหวังให้สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ โชคดีในการลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ”
3) ทายาทสายตรงไอน์สไตน์ คนเดียวในแผ่นดินไทย?
อันนี้มีการ “ปรุงคำ” ที่หนักมือไปนิด เพราะในประเทศไทย มีอีกหลายคนที่เคยเรียนกับ ดร.เฮอร์เบิร์ต
นายทวารัฐ สูตะบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเรียนจบจากเอ็มไอทีและเคยเรียนกับ ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ เช่นเดียวกับ ดร.เอ้ ระบุว่า ตนเองก็เชื่อเหมือนกับ ดร.เอ้ มาโดยตลอดว่า ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เพราะเมื่อตนไปเรียนที่เอ็มไอทีก็ได้รับการบอกเล่าเรื่องนี้เช่นเดียวกับ ดร.เอ้เหมือนกัน เมื่อได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์วันนี้ก็ยังแปลกใจอยู่
และจากการสอบถาม ศ.ดร.บุญชัย อุกฤษฏชน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เคยเรียนกับ ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ด้วย ก็บอกเช่นกันว่าเลขาภาควิศวกรรมโยธา เอ็มไอที ก็เล่าว่า ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ คือ หลานของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เช่นกัน
4) ให้ระมัดระวังการ “เล่นใหญ่”
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค เรื่อง “เอาไงดี ผู้ว่าฯ กทม.” โดยระบุว่า “...ผมเเละคนจำนวนไม่น้อยรู้มานานเเล้วว่าคุณณรงค์ศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีขาดคุณสมบัติการสมัครลงเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพราะไม่มีทะเบียนบ้านใน กทม.ครบหนึ่งปี เเละคนที่รู้ดีที่สุดเเละก็รู้มานานทุกลมหายใจก็คือตัวคุณณรงค์ศักดิ์เอง เเต่เเปลกที่ไม่ยอมพูดมาเเต่เเรก เพิ่งมาพูดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมนี้เอง หลังเป็นข่าวว่าจะลงผู้ว่าฯ กทม. มานับเดือน
คำถามก็คือ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไง หากจะให้ผมเดาก็น่าจะเป็นว่า ต้องการให้คน กทม.เห็นความตั้งใจของพปชร. ว่าใส่ใจเเละเอาจริงนะ เเต่เนื่องจากยังตกลงกับ พล.ต.อ.อัศวินไม่ได้ จึงพะชื่อคุณณรงค์ศักดิ์ไว้ก่อนจนน้ำท่วมปากเเล้วคุณณรงค์ศักดิ์จึงต้องพูดออกมา เเต่ก็ทำให้ฉายาผู้ว่าหมูป่าเสียหายไปไม่น้อยเลย
ยังมีอีกท่านหนึ่งที่อยากเตือนเเละให้สติก็คือ ท่านศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ท่านเป็นผู้มีคุณสมบัติและรูปสมบัติดีเลิศอยู่แล้ว ซึ่งผมเองก็ชื่นชม แม้จะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว สำหรับนโยบายที่ท่านประกาศออกมาก็ฟังดูดีมีประโยชน์ เพียงเเต่ท่านเล่นบทนักการเมืองเร็วไปหน่อย แสดงท่วงทีขึงขังจริงจังมากไป (over action) จนมองดูเป็นเหมือนเล่นละคร ผมว่า อาจารย์รักษาภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์เเบบเดิมน่ะดีอยู่เเล้ว เพราะจะมองดูน่ารักเเละสุภาพ ส่วนการเเต่งตัวก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้เป็นเเบบ Steve Jobs หรอก อาจารย์น่ะหล่ออยู่เเล้ว เเถมเรื่อง Advisor ของอาจารย์ที่ว่าเป็นญาติกับ Albert Einstein ท่านคิดอย่างไรจึงพูดอย่างนั้น มันจะเสียหายนะครับ
สำหรับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผมว่าท่านพอเถอะ ท่านต้องยอมรับว่า ตำเเหน่งท่านเป็นผลพวงมาจาก คสช.นาน 7 ปีเเล้ว (นานมากนะโยม) ขณะนี้สภาผู้เเทนฯเขากำลังอภิปรายเพื่อเสนอให้มีพ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ผิดเพี้ยนจากกฎหมายที่เป็นหลักสากลอยู่ แล้วท่านจะมาพายเรือทวนนำ้ทำไม เเถมยังจะเสียเงินเเละผลค่อนข้างจะไม่ได้เอาเเน่นอนด้วย
กลับมาที่ พปชร. อีกนิด (กรุณาอย่าหาว่าเสือกเลย)ผมว่าไหนๆ ก็ไหนๆ เเล้ว ส่งสุภาพสตรีลงเลย พรรคท่านก็มีผู้หญิงเก่งเป็น สส.กทม. อยู่เเล้วหลายคน ไม่เเน่นะครับ เผลอๆ จะได้เอา
สำหรับ ดร.ชัชชาติ ผมไม่มีอะไรจะวิจารณ์ มีเเต่ความรักเเละความปรารถนาดี เพราะเคยตกระกำลำบากมาด้วยกัน หากจะให้มีคำเเนะนำเล็กๆ เพราะวิจารณ์คนอื่นไปทั่วเเล้ว เดี๋ยวจะหาว่า ซูเอี๋ยออกหน้าออกตา คำเเนะนำก็คือ พูดอะไรให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นอีกเยอะๆ เเละขยายความวิธีปฏิบัติที่ทำได้จริงเเละมีเทคนิคสนับสนุน ซึ่งท่านสามารถทำได้อยู่เเล้ว
สุดท้ายที่อยากฝากถึง Candidates ผู้ว่าฯ กทม.ทุกท่านคือ (1) กทม.ชักจะเเก่มีอายุ 250 ปีเเล้ว ท่านต้องทำหนุ่มทำสาวให้เเล้วครับ (2) คิดเรื่องกรุงเทพอาจจมน้ำทะเลอย่างจริงจัง เพื่อเป็นพื้นฐานของคนรุ่นต่อไป ซึ่งจะเจออย่างเเน่นอน (3) เปลี่ยนโครงสร้างต้นไม้ของ กทม. เถิดที่ปลูกมาน่ะ ผิดหมด (4) ต้องแก้คุณภาพอากาศ PM2.5 ให้ได้เป็นต้น”
5) “พี่เอ้” คือ แรงบันดาลใจ
เรวัตร คงชาติ (กระรอก) ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพฯ เขตบางซื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความถึง ดร.เอ้ ว่า “Can a man change the stars? บทสนทนาประโยคคำถามสั้นๆ ที่เด็กคนหนึ่งได้ถามกับพ่อเขาในหนังเรื่อง A Knight’s Tale คนเราจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเองได้หรือไม่
เด็กคนนั้นคือพระเอกของเรื่องซึ่งเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นอัศวินในอนาคต เขาต้องต่อสู้เพื่อพลิกชะตาชีวิตของตนเอง เพื่อยืนยันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตให้เป็นอย่างที่เขาฝันได้
2-3 ปีมานี้ ผมได้เฝ้าติดตามชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่มีความฝันและได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง จากเด็กต่างจังหวัด ลูกคุณครูอาชีวะ จากพลังความฝันและความมุ่งมั่นตั้งใจ เขาได้เปลี่ยนจากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งจนจบปริญญาเอกด้านวิศวกรรมที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เขาเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเอง เพิ่งจะมาเปลี่ยนชะตาชีวิตของผู้อื่นไปในทางที่ดีขึ้น
พี่เอ้ ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ คือผู้ที่ผมชื่นชมติดตามและเฝ้ามอง ในผลงานของเขา แล้วหวังว่าวันหนึ่ง เด็กจนๆ คนหนึ่งอย่างผม ผู้มีความฝันที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเอง เพื่อการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเมืองเปลี่ยนสังคมเปลี่ยนสิ่งรอบตัวของผมให้ดีขึ้น อย่างเช่นที่พี่เอ้ได้เคยเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย
ผมเคยมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่เอ้ แม้พี่เอ้จะยังไม่รู้จักผม วันที่ผมได้เป็นช่างภาพไปตามถ่ายพี่เอ้ครั้งแรกในงาน 60 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และงานระดมทุนเพื่อสร้างโรงพยาบาลเจ้าคุณทหาร ซึ่งเป็นโครงการที่พี่เอ้ตั้งใจจะทำขึ้นเพื่อสร้างโรงพยาบาลที่ดีที่สุด มอบให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ช่างภาพตัวเล็กอย่างผมได้เห็นแววตาที่มุ่งมั่นพลังงานบวกที่ส่งมอบให้คนรอบข้าง ความมุ่งมั่นประสานความตั้งใจที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นและทำให้เป็นจริงจากคำพูดของพี่ที่พูดกันติดปากว่า “จะทำก็ทำได้”
หลังจากนั้นไม่นาน ผมจะเริ่มต้นชีวิตตนเองบนเส้นทางใหม่ เส้นทางทางการเมืองของผม จากเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง มีเพียงแค่ความมุ่งมั่น ไม่มี background ที่สวยงาม ไม่มีเงินทองที่จะมาทำพื้นที่ หรือแทบจะไม่มีองค์ความรู้ว่าจะเริ่มทำพื้นที่ยังไง ประโยคคลาสสิกของพี่เอ้ที่พูดจนติดปาก “จะทำก็ทำได้” เข้ามาในหัวผม
วันนั้นแม้ว่าผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงและจะก้าวเดินต่อไปยังไงบนถนนของสายการเมือง ผมรู้เพียงแค่ว่าภูเขาที่สูงที่สุดมันก็ต้องเริ่มที่ก้าวแรก แล้วผมก็ลงเดินก้าวแรกทันที ไม่ว่าจะกี่ปัญหาอุปสรรคผมก็แค่ก้าวต่อๆ ไปจนวันนี้ผมเดินในพื้นที่มาหลายเดือน เรียนรู้การทำงานผ่านพี่น้องประชาชน เรียนรู้งานทางการเมือง เรียนรู้การทำงานเพื่อจะเปลี่ยนบางซื่อให้ดีขึ้น และผมก็ย้อนกลับมามองคำแรกที่ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง จากคำพูดของบุคคลที่ผมเฝ้าติดตาม #จะทำก็ทำได้ เพียงแค่ลงมือทำและตั้งใจ ไม่ว่าปัญหาจะยากเพียงใด เราสามารถทำได้ถ้าเรามีความมุ่งมั่นและพยายามเพียงพอ แล้ววันนั้นไม่เพียงแต่เราจะเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง แต่เราจะเปลี่ยนกรุงเทพฯไปด้วยกัน
จากวันนั้นผ่านมาอีกหลายเดือน พี่เอ้ที่ผมเฝ้ามองและติดตามรวมถึงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสิ่งต่างๆ ได้เปิดตัว ขออาสาทำงานให้พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ในนามผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ผมจะกลับมาร่วมงานกับพี่เอ้อีกครั้ง ครั้งนี้ในฐานะ 1 ใน 50 ขุนพล พี่จะร่วมฝ่าฟันในพื้นที่ เพื่อบางซื่อของผม เพื่อกรุงเทพฯของทุกคน และเพื่อประเทศไทยของพวกเรา
เราจะร่วมกันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น เราจะเปลี่ยนบางซื่อ เราจะร่วมกันเปลี่ยนกรุงเทพฯ และเราจะร่วมเปลี่ยนประเทศไทย เพื่อส่งต่อมหานครและประเทศอันเป็นที่รักของพวกเรา ให้เป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกหลานของพวกเราต่อไป มาร่วมเปลี่ยนไปพร้อมกับพวกเรานะครับ”
6) เพราะคนอื่นพูดถึงจึงยิ่งงาม
หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ “คุณปลื้ม” พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ควรได้เป็นนายกฯ โชคดีสำหรับเมืองไทยที่ยังได้คนที่มีความมานะหมั่นเพียรระดับนี้เข้ามารับใช้ชาติในการเล่นการเมือง
ชอบความสามารถเเละความตั้งใจ เเละความต้องการที่จะเอาชนะชีวิตเเละศักยภาพในการสร้างตนเองให้เป็นที่หนึ่ง นี่คือตัวอย่างในการเติบโตเเละสร้างตัวในหน้าที่การงานเเละประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาที่เด็กไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ทำให้ได้ครึ่งหนึ่งที่เขาทำค่อยคิดจะด่าเขา”
สรุป :
1.ไม่มีใครปฏิเสธความรู้ความสามารถ และแรงบันดาลใจในการเข้าสู่การเมืองของ ดร.เอ้ คนจำนวนมาก (ที่รู้จัก) ล้วนตั้งความหวังว่า คนกรุงจะเลือก ดร.เอ้ มาพัฒนากรุงเทพฯ เดินให้พ้นอารมณ์ทางการเมืองแล้วเลือก “โอกาส” ให้กรุงเทพฯ กันสักที ตรงนี้ เป็นสิ่งที่ทีมสื่อสารของ ดร.เอ้ ต้องตอกย้ำ ว่า คนกรุง “มีโอกาส” จงให้โอกาส กทม.
2.สไตล์ส่วนตัวที่ครบเครื่องในความเป็นนักทอล์กโชว์อาจต้องปรับให้ “เป็นธรรมชาติ” ขึ้นอีกนิด ในลักษณะ “น้อยแต่งาม”
3.ไม่ต้องหวั่นไหวกับแรงติชม เพราะมันเป็นธรรมดาโลกแต่จง “ชนะใจ” คน สร้างความฝันให้คนกล้าที่จะลงคะแนนเพื่อผลักดัน “ฝัน” นั้น ให้เป็นจริง เพราะมันคือ “ฝันเพื่อคนกรุงเทพฯ” จงสร้าง “ธุระนี้” ให้คน กทม. ถือเป็น “ธุระร่วมกัน”
เป็นกำลังใจให้ ดร.เอ้ และผู้สมัครทุกท่าน จงร่วมกันเป็นแรงผลักดันเพื่อ “เปลี่ยนกรุงเทพฯ” ไปในทางพัฒนาช่วยกัน “ทวงกรุงเทพฯ” คืนมา จาก “พื้นที่อำนาจรัฐประหาร” โดยด่วนที่สุด
หยุด “ยึดกรุงเทพฯ” เอาไว้
เราเลยวงอำนาจของคณะรัฐประหารมานานแล้ว เขาทำลายสมาชิกสภาเขต (สข.) ไปแล้ว แล้วให้ ผอ.เขตเลือกคณะทำงานเอง ทำลายโอกาสการตรวจสอบถ่วงดุล ทำลายความมีตัวแทนของประชาชนยังไม่พอ ยังยึดเก้าอี้ผู้ว่าฯ ไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะเร่งคืนมาให้คน กทม.ได้เลือก
บอกเขาดังๆ กันเถอะครับว่า อยากเลือกผู้ว่าฯ กทม. กันแล้วครับ/ค่ะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี