ทอล์กออฟเดอะทาวน์ ในช่วงไม่ถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะไม่มีเรื่องไหนเกินหน้าคดีที่ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”มีมติเสียงข้างมากอ่านคำวินิจฉัยคำร้องกรณีองครักษ์พิทักษ์ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา...นายสิระ เจนจาคะ สส.เขต 9 กทม. (หลักสี่, จตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักรและแขวงจอมพล) พรรคพลังประชารัฐ มีลักษณะต้องห้ามการสมัครรับเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติมาตรา 98(10) ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามที่ “พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย” ไม้เบื่อไม้เมาคนสำคัญยื่นร้องต่อกกต. เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลงตามบทบัญญัติมาตรา 101(6)

พื้นเพเดิมของนายสิระนั้น เข้ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐในมุ้งของกลุ่มสามมิตร (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, สมศักดิ์ เทพสุทิน) เป็นที่รู้จักของสื่อมวลชนและคนทั่วทั้งประเทศ หลังได้รับการเลือกตั้งในปีแรกด้วยการลงพื้นที่ตรวจสอบการสร้างคอนโดมิเนียมบนพื้นที่ที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ บนเกาะภูเก็ต บทบาทแรกของการทำหน้าที่คือเปิดศึกวิวาทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพียงเพราะว่าไม่มาดูแลใส่ใจท่านผู้มีเกียรติจากเขต 9 กรุงเทพมหานครและคณะ โดยท่านผู้ทรงเกียรติออกอาการและบทสนทนาที่ร้อนแรงดุเดือดเป็นอย่างมาก

ต่อมาไม่นานเขาก็สร้างวีรกรรมลั่นทุ่งอีกครั้งด้วยการเคลื่อนไหวต่อต้านและขับไล่ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค พร้อมกลุ่ม 4 กุมารให้พ้นจากตำแหน่งทั้งในพรรคและในคณะรัฐบาลก่อนจะไปเปิดยุทธการ “ปะ ฉะ ดะ”กับนายตำรวจใหญ่ชื่อดัง “วีรบุรุษนาแก-พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ที่ต่อมาคือโจทก์ร้องเรียนเขาจนศาลรธน.มีคำวินิจฉัยออกมา

“สิระ เจนจาคะ”ออกอาการพระเอกภาพยนตร์ไทยโบราณที่แอ๊กชั่นบทบู๊เป็นระยะๆ อย่างช่วงที่สังคมไทยเพลี่ยงพล้ำถูก “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” (โควิด-19) แผลงฤทธิ์จนทำระบบสาธารณสุขของไทยปั่นป่วนโกลาหลอย่างมาก “สิระ” ถูกแย่งซีนหรืออย่างไรไม่ทราบกระโดดออกจากที่ตั้ง ขย้ำคอ พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนาที่ร่วมด้วยช่วยกันเคียงข้างให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สร้างโรงพยาบาลสนามที่มีการจัดเตรียมไอซียูรองรับคนไข้ที่ป่วยล้นเตียงโรงพยาบาล ก่อนจะปะฉะดะอีกครั้งกับไฮโซ 3 กีบอย่าง “ลูกนัท –ลูกนัตถ์”หลังได้รับบาดเจ็บจากการร่วมชุมนุมกับกลุ่ม 3 กีบบริเวณขมับและศีรษะซีกขวา จนกล่าวกันว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้อาจส่งผลให้นัยน์ตาลูกนัทอาจบอดมองไม่เห็น แต่“สิระ” ออกมาตอบโต้และเรียกร้องให้ลูกนัทเอาความจริงและใบยืนยันจากทางแพทย์มายืนยันโดยมีการท้าทายด้วยวงเงิน 10 ล้านบาท สาราณียธรรมนั้นหมายถึง ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำให้มีความเคารพกัน ช่วยเหลือกัน และสามัคคีพร้อมเพรียงกันมี 6 อย่าง ได้แก่ เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม สาธารณโภคี สีลสามัญญตา ทิฏฐิสามัญญตา สาราณียธรรมทั้ง 6 ข้อ เสมือนบัญญัติ 6 ประการ

สาราณียธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของผู้ที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น ครอบครัวไปจนถึงระดับประเทศ หรือแม้กระทั่งในระดับโลกมีอยู่ 6 ประการ ซึ่งป.ปยุตฺโต หรือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ในปัจจุบันได้นำมารวบรวม และอธิบายความไว้ในหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมดังต่อไปนี้1. เมตตากายกรรม 2.เมตตาวจีกรรม 3.เมตตามโนกรรม 4.สาธารณโภคี 5.สีลสามัญญตา6.ทิฏฐิสามัญญตา

ด้วยเหตุนี้ วิถีชีวิตของคนไทยจึงผูกพันอยู่กับคำสอน และพิธีกรรมตามแนวทางของศาสนาพุทธ จึงทำให้ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทอยู่อย่างสงบ และเรียบง่าย ซึ่งเป็นไปตามหลักสันโดษ 3 ประการคือ 1.ยถาลาภสันโดษ 2.ยถาพลสันโดษ 3.ยถาสารุปปสันโดษ

ยังพอมีโอกาสและเวลาให้คุณสิระได้ส่องกระจกมองหาตัวตนปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่แล้วลงสมัครขอรับใช้ประชาชนและสังคมไทยอีกวาระ หากที่ผ่านมาคุณมีคุณงามความดีอยู่บ้าง สังคมไทยต้องให้โอกาสท่านสิระแน่นอน อย่าลืมจำคำนี้ไว้

“อยู่ให้เขารักอาลัย จากไปก็ให้เขาคิดถึง”