รายงานข่าวระบุว่า วันที่ 1 ม.ค. 2565 เปิดการท่องเที่ยวอ่าวมาหยาวันแรก นักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติอ่าวมาหยาอย่างคึกคัก ภายหลังปิดนานกว่า 3 ปี
1.อ่าวมาหยา ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นเวิ้งอ่าวที่มีภูเขาหินปูนโอบล้อมสามด้าน ด้านปากอ่าวเป็นช่องเปิดสู่ทะเลอันดามัน หาดทรายขาว เนียน ละเอียดเป็นผุย น้ำทะเลสวยใสดุจดังสระแก้วมรกต งดงามมหัศจรรย์ เป็นดังสวรรค์แห่งอันดามัน
โด่งดังเลื่องชื่อ ทำให้มีผู้คนแห่กันเข้าไปท่องเที่ยวต่อเนื่องยาวนานเป็นสิบปี
ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศแห่เข้าไปเที่ยวอ่าวมาหยา บางวันกว่า 7,000 คน เรือนำเที่ยวมากกว่า 200 ลำต่อวัน พุ่งเข้าไปทางปากอ่าว บางลำจอดเกยชายหาดมาหยา บางลำทอดสมอในอ่าว กระทบแนวปะการัง และรวมๆ แล้ว กลายเป็นชุมชนแออัดทางการท่องเที่ยว ผู้คนเต็มหาด แทบจะเบียดเสียดกัน เหยียบย่ำผืนทราย ถ่ายรูปเห็นแต่คนไม่เห็นทราย เล่นน้ำจอแจ เกินขีดความสามารถที่ธรรมชาติจะรับได้ ระบบนิเวศในอ่าวมาหยาเริ่มเสื่อมสภาพ ทรุดโทรม บางส่วนพังเสียหายจนยากจะฟื้นฟู
กรมอุทยานแห่งชาติฯ ในฐานะของหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ ประกาศปิดเกาะฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัวและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูเพื่อให้สภาพทั้งใต้น้ำและบนเกาะ กระทั่งกลับมามีความสวยงาม ปู ปลา ฝูงฉลาม ปะการัง ทราย ต้นไม้ชายหาด ฯลฯ ค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว อีกครั้ง
2.ระหว่างปิดสถานที่นั้น นอกจากธรรมชาติจะได้ฟื้นตัวแล้ว เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องยังได้เข้าไปดำเนินการฟื้นฟูหลายๆ ด้าน เพื่อให้ระบบนิเวศและความสวยงามทางธรรมชาติกลับคืนมา
ยกตัวอย่าง
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปเกินศักยภาพ เหยียบย่ำชายหาดจนทรุดตัว เกิดการพังทลายของสันทรายต่อเนื่องกัน ทรายหน้าหาดของอ่าวมาหยาไม่สามารถเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่งผลให้ทรายไหลลงสู่ทะเล และขัดขวางกระบวนการเพิ่มทรายหน้าหาดตามธรรมชาติจากคลื่นที่พัดเข้าชายหาด จึงมีการปลูกไม้ป่าชายหาด เพื่อช่วยลดการพังทลายของสันทราย
ปะการังที่จุดกลางอ่าวมาหยา ก่อนนี้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมมาก เพราะทั้งคนว่ายน้ำ ดำน้ำ เรือแล่นเข้ามาในอ่าว จอดทอดสมอก็มี ทำให้ปะการังแตกหัก แต่เมื่อมีการปิดอ่าวเด็ดขาด นำปะการังไปปลูกและฟื้นฟูบางส่วนพบสัญญาณการแตกกิ่งออกมา
มีการวางระบบเดินทางเข้าอ่าวมาหยาใหม่ห้ามเรือแล่นเข้าจากทางปากอ่าว แต่มีการทำท่าเรือลอยน้ำ สะพานท่าเทียบเรือแห่งใหม่ด้านหลัง พร้อมทั้งปรับปรุงทางเดินบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ เพื่อลดการเหยียบย่ำ เป็นต้น
3.ต้องไม่ลืมว่า สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ล้วนต้องบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนทั้งสิ้น
ยกตัวอย่าง มาชู ปิกชู (Machu Picchu)ซากเมืองโบราณของอารยธรรมอินคา ในประเทศเปรู มีนักท่องเที่ยวไปเยือนล้านกว่าคนในแต่ละปี (ก่อนโควิด) เกิดความเสียหาย สุ่มเสี่ยงที่จะทรุดโทรม ทางการเปรูจัดระบบระเบียบ มีกฎจำกัดนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน และมีการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชม แบ่งให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้วันละ 2 รอบ คือ รอบเช้า เวลา 06.00-12.00 น.และรอบบ่าย เวลา 12.00-17.30 น. จำกัดจำนวนต่อรอบด้วย
ปัจจุบัน การจะไปเที่ยวอ่าวมาหยาและอุทยานแห่งชาติชื่อดังๆ ต่างๆ เช่น ภูกระดึง ฯลฯ ล้วนแต่ต้องจองคิวผ่านแอปของกรมอุทยาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม ควรดำเนินการต่อไป แม้จะไม่มีโควิดแล้ว เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกินศักยภาพการรองรับของระบบนิเวศ ปัจจุบัน คนไทยคุ้นชินกับการของคิว การลงทะเบียน มากกว่ายุคก่อนโควิดแล้ว
4.วันที่ 1 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เปิดท่องเที่ยวอ่าวมาหยาวันแรก
มีการจัดระเบียบเรือนำเที่ยว เพื่อความปลอดภัย ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะ
รายงานข่าวระบุว่า มีเรือนำเที่ยวจำนวนมาก ทั้งเรือสปีดโบ๊ท เรือหางยาวนำเที่ยว นำนักท่องเที่ยวมาส่ง แล้วออกไปผูกทุ่นจอดรอ ที่จัดไว้ให้ โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก
มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวได้รอบละ 375 คน ระยะเวลา 1 ชั่วโมง
ห้ามลงเล่นน้ำทะเลบริเวณหน้าชายหาดอ่าวมาหยาโดยเด็ดขาด
ในวันแรก มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ จองเข้าเที่ยวเต็มทั้งวัน
นอกจากนี้ ทางอุทยานฯ ยังคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ตามมาตรการของสาธารณสุขกันอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
5.นี่อาจจะเป็นสิ่งดีๆ ที่ มาพร้อมโควิด นั่นคือการจัดระเบียบ การฟื้นฟูทรัพยากรท่องเที่ยว และการบริหารจัดการใหม่ โดยคำนึงถึงศักยภาพการรองรับ เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
ต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ต้องจำกัดช่วงเวลาที่ให้เข้าไปเที่ยว ต้องบริหารจัดการเรื่องเงินค่าธรรมเนียม เงินผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส เป็นธรรม โดยคำนึงถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ไม่ใช่มือใครยาวสาวได้สาวเอา หรือมุ่งร่วมกันรุมทึ้งต้นมะม่วงในพระราชนิพนธ์พระมหาชนก
จำนวนนักท่องเที่ยวต่อวัน ควรคำนึงถึงผลการศึกษา ไม่หวังกินเฉพาะหน้า ควรกินยาวๆ เพราะนี่คือมรดกเกรดพรีเมียมที่ธรรมชาติให้เรามา จำนวนนักท่องเที่ยวถ้าเกิน 4,000 คนต่อวันขึ้นไป ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
ข้อมูลจากแหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทำงานฟื้นฟูในพื้นที่ เคยให้ข้อมูลว่า หลังสิ้นสุดการปิดอ่าว จะมีการควบคุม จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหลือเพียงวันละ 2,000 คนต่อวัน พร้อมทำระบบ E-Ticket เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
ควรเข้มงวดจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะดูจากที่เปิดใหม่ล่าสุด ก็เหมือนจะเปิดให้เข้าไปได้มากเกินไปหรือไม่
ถ้าไม่อยากให้การฟื้นฟูอ่าวมาหยา เป็นแค่เรื่องมายา อย่าให้ความต้องการและความโลภทำลายสิ่งที่ทำกันมา ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน กินกันยาวๆ ดีกว่ารุมทึ้งกันมื้อเดียว แล้วเสียหายทรุดโทรมอีกครั้ง
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี