มีคำถามในแวดวงคอการเมืองไทยว่า เมื่อธรรมนัส พรหมเผ่าพ้นจากสมาชิกภาพของพรรคพลังประชารัฐแล้ว ธรรมนัสจะไปไหน พรรคพลังประชารัฐจะต้องเผชิญกับความโกลาหลภายในมากน้อยเพียงใด และยังมีอีกหนึ่งคำถามคือ เหตุใด ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงยอมให้ธรรมนัส ซึ่งหลายคนมองตรงกันว่าเป็นลูกรักคนสำคัญคนหนึ่งของประวิตรถูกขับออกจากพรรค และยังมีอีกคำถามสำคัญคือ การที่ประวิตรยอมให้ธรรมนัสถูกขับพ้นพรรคฯ แสดงว่าความสัมพันธ์ของประวิตรกับประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดีขึ้นกว่าเดิม ใช่หรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าประวิตรประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่าจำเป็นต้องญาติดีกับประยุทธ์ เพื่ออนาคตทางการเมืองของตน ดังนั้นจึงต้องยอมตัดหางธรรมนัสแล้วปล่อยวัดไป
สาเหตุเบื้องลึกของการขับธรรมนัสพ้นพรรคฯ เป็นเรื่องที่ยังหาคำตอบในขณะนี้ไม่พบ แต่เชื่อว่าสักวันหนึ่ง สังคมจะได้รับทราบคำตอบเรื่องนี้จากปากของธรรมนัส เพราะหลายคนเชื่อตรงกันว่าคนที่ชื่อธรรมนัสนั้นต้องเปิดเผยเรื่องนี้สักวันหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเผยแล้วสังคมจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่คอการเมืองทุกคนก็เชื่อตรงกันว่า ไม่ต้องหาคำตอบเรื่องนี้จากปากของประวิตร และประยุทธ์ เพราะสองคนนี้ไม่น่าจะยอมพูดความจริงถึงมูลเหตุแห่งการขับธรรมนัสออกจากพรรคพลังประชารัฐ
แต่จากข้อมูลที่ปรากฏ ณ ปัจจุบันที่ออกมาจากปากคำของคนในพรรคพลังประชารัฐบางกลุ่มคือ เหตุที่ต้องขับธรรมนัสและพวก 21 คนออกจากพรรคฯ ก็เพราะที่ประชุมของพรรคฯ มีมติให้ขับออก โดยให้เหตุผลว่าธรรมนัสและพวกทั้ง 21 คนทำให้เกิดความระส่ำระสายภายในพรรค เพราะเสนอให้ปรับโครงสร้างพรรคฯ
ส่วนประยุทธ์ จันทร์โอชา คนที่พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นกับการขับธรรมนัสและพวกพ้นพรรคฯ เนื่องจากเป็นมติของพรรค ตนเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการขับธรรมนัส โดยประยุทธ์บอกว่า ตนเองไม่ได้กล่าวหาว่าใครดีหรือไม่ดี แต่ขอให้ประชาชนพิจารณาเอาเองว่าใครดีหรือไม่ดีแล้วก็ตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่สำหรับขณะนี้ยังไม่คิดยุบสภา หรือปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา และยังมีกฎหมายสำคัญรอการพิจารณาจากสภา
สำหรับคำถามที่ว่า ประวิตรร่วมลงมติขับธรรมนัสออกจากพรรคฯ หรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ (คำตอบนี้มาจากคนในพรรคพลังประชารัฐ) ส่วนคำถามที่ว่าแล้วเหตุใดประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคฯจึงไม่คัดค้านมตินี้ คำตอบก็คือ เพราะเป็นมติของพรรค หัวหน้าพรรคจึงไม่คัดค้าน โดยมีมติ 63 เสียง จากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 78 คน คำตอบนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้อ่าน
ขอย้ำว่า การขับธรรมนัสและพรรคพวกออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ทำให้ความเป็นสส. ของคนกลุ่มนี้หลุดหายไปแต่ประการใด เพราะทั้งหมดยังคงเป็นสส.ต่อไป เพียงแต่ไม่ได้สังกัดพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ส่วนอนาคตคนกลุ่มนี้จะไปสังกัดพรรคใด ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูต่อไป โดยต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดให้ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับธรรมนัสและพวก เพราะจำนวนสส. 22 คนย่อมเป็นที่หมายปองของพรรคการเมืองที่ต้องการสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองในสภา
ส่วนประเด็นธรรมนัสถูกขับพ้นพรรคฯ เพราะต้องการต่อรองขอตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในกระทรวงแห่งหนึ่ง ซึ่งสื่อมวลชนบางรายระบุว่าเป็นกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ เพราะแม้กระทั่งคนในพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนธรรมนัสก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังถูกขับพ้นพรรค
ส่วนพลังประชารัฐจะเดินหน้าทางการเมืองต่อไปอย่างไร หลังจากสส. หายไปจากพรรค 22 คน ก็ต้องดูว่า การที่มีสส. มากๆแต่พรรคกลับมีปัญหาเต็มไปหมด มีปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน กับการที่ลดจำนวนสส. ลงบ้าง แต่ก็ยังคงมีสส. เป็นจำนวนหลักร้อย จะทำให้พรรคมีเอกภาพ มีความปรองดองสมานฉันท์มากกว่าเดิมหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า เมื่อพรรคมีสส. น้อยลง ก็น่าจะต้องผนึกกำลังภายในพรรคให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม เพราะหากไม่สามารถผนึกกำลังกันได้ก็หมายความว่าพรรคพลังประชารัฐก็จะต้องพบกับอวสานในไม่ช้า ซึ่งพรรคพลังประชารัฐไม่น่าจะอยากพบกับจุดจบทางการเมืองในเวลาอันใกล้นี้ เพราะคนในพรรคพลังประชารัฐจำนวนไม่น้อยน่าจะเสพติดอำนาจรัฐไปเรียบร้อยแล้ว และคงจะหายใจต่อไปโดยไร้อำนาจรัฐได้ยากมาก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี