ในการเมืองสหรัฐอเมริกา คำว่า “Swing State” หมายถึง กลุ่มมลรัฐประมาณ 6-10 มลรัฐ ที่จะเป็นตัวแปร หรือตัวชี้เป็นชี้ตายว่า คู่แข่งขันใดจากพรรคเดโมแครต หรือจากพรรครีพับลิกัน จะเป็นผู้กุมชัยชนะการได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดี
ในศัพท์การเมือง Swing Votes หมายถึงกลุ่มคะแนนเสียงที่จะสวิง หรือเหวี่ยง หรือเท ไปที่คู่แข่งขันหนึ่งใดระหว่าง 2 คู่แข่งขัน หรือ 2 พรรคการเมือง และจะมีผลให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นผู้กุมชัยชนะ
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องการตัดสินใจทางการเมืองของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงร่วมกันว่า จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้คู่แข่งหนึ่งใดใน 2 ฝั่ง โดยมักจะคำนึงถึงอุดมการณ์ นโยบาย และบุคลิกภาพของผู้สมัครเป็นสำคัญ ซึ่งก็มักจะเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาอย่างลงตัวแล้ว
ในกรณีของประเทศไทยในการเมืองในปัจจุบันนี้ก็มีข่าวคราวว่า กำลังมีการรวมตัวของกลุ่มพรรคการเมือง พรรคเล็กพรรคน้อย หรือบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จากพรรคการเมืองเหล่านี้ รวมประมาณ 30 คน ที่กำลังจะก่อตัวตั้งเป็นตัวแปร หรือตัวสวิงระหว่างฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน เท่ากับว่าจะเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายกับเสถียรภาพและอนาคตทางการเมืองของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้กลุ่ม สส. นี้มีคุณค่าราคา มีน้ำหนัก และพลังต่อรองทางการเมืองขึ้นมาได้อย่างเป็นสำคัญ
ทั้งหมดนี้จัดได้ว่าไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์นโยบาย หรือความเชื่อถือนิยมชมชอบในบุคลิกภาพของตัวผู้นำ อันได้แก่ ตัวนายกรัฐมนตรี หากแต่เป็นเรื่องของการต่อรองเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของการไร้อุดมการณ์ แต่มากด้วยการได้มาซึ่ง “ความอุดมทรัพย์”
ก็เป็นเรื่องที่สาธารณชนทั่วๆ ไป ต่างเฝ้ามองอย่างจดจ้อง สนใจ พร้อมกับความรู้สึกอดสู และความทุเรศใจ ควบคู่ไปด้วยว่าทำไมการเมืองไทยจึงดูตกต่ำและไม่ก้าวหน้าแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการบ้านการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย ซึ่งโดยเนื้อแท้นั้นเป็นของดีแต่กลับถูกบ่อนทำลาย ทำให้เสียหายโดยกลุ่มคนเพียงหยิบมือเดียวที่ประกาศปาวๆ ว่าจะอาสาเข้ามารับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองผ่านระบอบและกลไกประชาธิปไตย แต่แล้วก็กลายพันธุ์มาเป็นกลุ่มหาประโยชน์เข้าตัว เสมือนการใช้หนทางประชาธิปไตยเข้ามาเพื่อทำมาหากิน และทรยศต่อระบอบประชาธิปไตย
แต่จะโทษกลุ่มนักสวิงการเมืองเหล่านี้แต่ฝ่ายเดียวคงจะไม่ได้ เพราะเป็นได้แค่ฝั่งเดียวคือผู้ขายเสียง คงไม่สำเร็จหากไม่มีผู้ซื้อเสียง และฉะนั้นก็ควรต้องกล่าวโทษและประณามทั้งคู่ เพราะทั้งหมดก็จัดได้ว่าเป็นผู้ร่วมกันทำลายความเป็นประชาธิปไตยของราชอาณาจักรไทย
แล้วสังคมไทยจะปล่อยให้การทุจริตทางการเมืองดำเนินการกันต่อหน้าต่อตากันไปอย่างนี้ได้หรือ?
ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้งผู้ตรวจราชการแผ่นดิน คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ไปจนถึงแวดวงวิชาการและบรรดาองค์กรที่มิใช่รัฐ ที่ส่งเสริมประชาธิปไตย และหลักธรรมาภิบาล จะอยู่กันนิ่งเฉยไม่ดูดำดูดีกันหรือ
แต่ที่สำคัญก็คือตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เองว่าจะต้องการอยู่ในตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ ให้เป็นที่สุดด้วยวิธีการทุจริตทางการเมืองและศีลธรรมอันดีงามของประเทศชาติหรือไม่
อีกทั้งเมื่อทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเป็นกันอย่างนี้ คือกำลังล็อบบี้ ทุ่มซื้อตัวกลุ่มสวิงดังกล่าวกันอย่างจ้าละหวั่น ก็หมายความว่า ทั้งหมดนี้ทุกคนกำลังร่วมกันทำลายประชาธิปไตยและศีลธรรมอันดีงามของประเทศ และฉะนั้น ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนพลเมืองผู้ร่วมกันเป็นเจ้าของประเทศและร่วมกันเป็นเจ้าของอธิปไตย จะต้องออกมาเรียกร้องให้นักการเมืองทั้งหมดดังกล่าว กลับเนื้อกลับตัว ซึ่งหากไม่มีการสนองตอบก็น่าจะเป็นสิทธิและหน้าที่อันชอบธรรมของประชาชนพลเมืองที่จะตัดสินใจให้มีการวางกระดานการเมืองกันเสียใหม่หมด
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี