พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ในหัวข้อ“ไม่เลือกเราเขามาแน่ ภาค 2” ระบุว่า
ปัจจุบันเหลือเวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว ผมจึงขอทบทวนเหตุการณ์ในสมัยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งท้ายสุด เมื่อ ปี 2556 (3 มี.ค. 2556 เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งที่ 10) ระหว่างตัวเต็ง 2 คนคือ พล.ต.อ.พงศพัศ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งตอนนั้นพล.ต.อ.พงศพัศได้รับเสียงเชียร์จากพรรค พท. และ ตร.ส่วนใหญ่อย่างท่วมท้น ดังนั้นใน 7 วันสุดท้ายโพลล์ทุกสำนักได้ให้พล.ต.อ.พงศพัศชนะอย่างขาดลอย แต่กระแสต่อต้านทักษิณกำลังเริ่มแรงขึ้น อีก 3 วันต่อมา ประชาชนส่วนที่ไม่เอาคุณทักษิณ ก็เริ่มรวมกลุ่มกันทีละกลุ่มสองกลุ่ม จนกลายเป็นกระแสโหวตทางยุทธศาสตร์ หรือ SV (strategic voting) ของกลุ่มประชาชนส่วนที่ไม่เอาทักษิณนั้น ร่วมกันโหวตให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เข้ามาเป็นฝ่ายชนะ ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้เกือบครึ่งหนึ่งไม่ชอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
กลับมาสถานการณ์ในปัจจุบัน คุณชัชชาติก็เปรียบได้กับ พล.ต.อ.พงศพัศในอดีต ซึ่งมีผู้สนับสนุนจากพรรค พท.คล้ายคลึงกัน ส่วนฝ่ายไม่เอาทักษิณในตอนนั้นมีตัวเลือกที่เด่นชัดคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพียงคนเดียว คะแนนจึงไม่ได้ถูกแย่งชิงมากนัก แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตัวคุณชัชชาติเองก็ยังมีผู้เข้ามาแย่งชิงคะแนนอีก 2 คน คือคุณวิโรจน์และคุณศิธา แต่ก็น่าจะดึงคะแนนไปจากคุณชัชชาติไม่ได้มากนัก เช่นกัน
ส่วนผู้สมัครที่อยู่ฝ่ายไม่เอาทักษิณ นั้นมีคะแนนใกล้เคียงกันถึง 3 คน คือ พล.ต.อ.อัศวิน ดร.สุชัชวีร์ และคุณสกลธี ทั้ง 3 คนนี้ ต่างแย่งชิงคะแนนเสียงกันเอง และยังมีคุณรสนาอีกคนหนึ่งที่เข้ามาแย่งคะแนนในฐานเสียงกลุ่มนี้เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าแย่งกันเองชุลมุนทั้ง 4 คนแบบนี้ แพ้คุณชัชชาติอย่างแน่นอนทุกคน
อีก 7 วันต่อไปนี้ ทางผู้ที่ไม่สนับสนุนฝ่ายทักษิณจะต้องเลือกใคร คนหนึ่งใน 3 คนนี้ขึ้นมาเป็นตัวโหวตทางยุทธศาสตร์เพียงคนเดียว ถึงจะเอาชนะคุณชัชชาติได้
ซึ่งเมื่อใกล้การเลือกตั้งเข้ามา ถ้ากระแสการโหวต SV ยังไม่แรงพอเหมือนสมัยคุณชายสุขุมพันธุ์แล้ว คุณชัชชาติชนะแน่นอน เพราะทั้ง 3 คนแย่งชิงเสียงกันเอง
แต่ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าใครควรจะเป็นตัวแทนในการโหวตทางยุทธศาสตร์ล่ะ ผมก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ได้ แต่เมื่อใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามา สัก 3 วัน ถ้าสังเกตดูก็จะรู้เองว่า พวกเราสมควรที่จะ SV ให้กับใคร มันอาจเป็นการโหวตให้กับคนที่เราไม่ได้ชอบที่สุดก็ได้ ถ้าอยากให้ชนะคุณชัชชาติ ก็จำเป็นต้องโหวตครับ
แต่ถ้าประชาชนฝ่ายที่ไม่เอาคุณทักษิณไม่โหวตแบบยุทธศาสตร์แล้ว คุณชัชชาติก็คงได้เป็นผู้ว่าฯ แน่นอน และจะเป็นผู้ว่าฯกทม.คนแรกในรอบ 20 ปีที่มาจากฝ่ายที่คุ้นเคยกับเครือข่ายทักษิณ ลองพิจารณากันเองครับ
1) มุมมองของท่าน พล.ท.นันเดชนั้น น่าสนใจมาก สุขุม สมวัย และประสบการณ์ที่ท่านมีมา ไม่เร่งเร้าจนเกินงามแต่แฝงไว้ด้วยการ “ส่งสัญญาณเตือน” อย่างหนักแน่น ไม่ให้ประมาท
2) ผมขอเติมข้อมูลของท่านอีกเล็กน้อยว่า ตัวชี้ขาดที่ทำให้คะแนนของคุณพงศพัศ ร่วงลงมาในสามวันสุดท้าย คือ มีข่าวว่า “จตุพร พรหมพันธุ์” จะเป็นหนึ่งในทีม“รองผู้ว่าฯ” กระแสปฏิเสธพงศพัศ จึงมาจาก “จตุพร”ไม่ได้มาจาก “ไม่เอาทักษิณ”
3) ครั้นมาดูชัชชาติ, ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ซึ่งได้ทำโพลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มาเป็นเวลาหลายครั้ง ให้สัมภาษณ์ว่า
“เรื่องที่พูดๆ กันถึงความสัมพันธ์ ชัชชาติ ทักษิณ เพื่อไทย เรื่อง ICAO เรื่อง 3 นิ้ว แต่ก็ยังไม่เห็นทำอะไรอาจารย์ชัชชาติ ได้ เป็นเพราะคนจำนวนมากก้าวข้ามนายทักษิณไปแล้ว รวมทั้งเพื่อนๆ ผมหลายคนในกลุ่ม กปปส.ด้วยก็ไม่สนใจว่าอาจารย์ชัชชาติ จะสนิทกับนายทักษิณอย่างไร แต่วันนี้อยากได้คนนี้แหละเป็นผู้ว่าฯกทม. ส่งผลให้คะแนนอาจารย์ชัชชาติ ขึ้นมาจนทิ้งห่างคู่แข่งมาก”
“อีกทั้งเป็นความฉลาดของนายชัชชาติ ที่เลี่ยงจะไม่ตอบ ไม่เล่นตามกระแส ไม่ตอบโต้ ปล่อยให้เป็นfakenews ด้วยการใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวและเดินหน้าหาเสียงโดยไม่สนใจกระแสโจมตีใดๆ จึงทำให้คะแนนของเขาดีขึ้นๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนในช่วงอายุ26-35 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี เคยได้ 43%ก็ขยับขึ้นเป็น 61%”
4) พูดได้เลยว่า ชัชชาติลงสมัครอิสระแน่ แต่ “ความสัมพันธ์ของเขา” ไม่อิสระหรอก ก็ดูเอาเถิด พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเลือกตั้ง สส. ในกทม. มากมาย เลือกจะไม่ส่งคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ ซึ่งมันผิดวิสัยของพรรคการเมืองใหญ่ ที่อย่างน้อยๆ ก็ต้องส่งคนลง เพื่อเช็คกระแสว่า การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง คะแนนของพรรคในพื้นที่ กทม. เป็นอย่างไร ดังนั้น พรรคเพื่อไทยกับชัชชาติมีความสัมพันธ์แบบ “ยากที่จะอธิบาย” แน่นอนครับ
5) แม่งานชิงเก้าอี้ สก. อย่างนางพวงเพ็ชรชุนละเอียด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง สก. พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงเลือกตั้ง สก.ช่วงที่ผ่านมาว่าการหาเสียงที่ผ่านมากระแสการตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่มองเห็นความตั้งใจของผู้สมัคร สก. ของพรรคเพื่อไทย ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 ระบาด มาอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้ผู้สมัครของพรรคก็ยังลงพื้นที่กันทุกวันบอกกล่าวนโยบายให้ประชาชนที่เราจะเข้ามาพัฒนาให้เขารับทราบ ประชาชนตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท ที่ประชาชนต่างชื่นชอบ และนโยบาย 50 เขต50 โรงพยาบาล ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาการขาดแคลนโรงพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งมีปัญหาอย่างชัดเจนในวิกฤตโควิดที่ผ่านมา นโยบายของเพื่อไทยจะเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ นโยบายต่างๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไร นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า มั่นใจว่า สก. ของพรรคจะได้รับเลือกแบบแลนด์สไลด์เมื่อได้ สก.เกินครึ่งของสภากรุงเทพมหานคร ก็มั่นใจว่าเราจะใช้เวทีสภาฯ กทม. ขับเคลื่อนนโยบายของเราให้เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาชีวิตของคนกรุงเทพฯได้อย่างแท้จริง
6) ความจริงที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย เกาะเกี่ยวกับชัชชาติแน่นอนครับ ดูป้ายหาเสียง สก.ของพรรคเพื่อไทย ที่ปรับโทนสีให้เหมือนป้ายของชัชชาติกันเป็นทิวแถว เพราะพวกเขารู้ดีว่า การที่พรรคไม่ส่งคนชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ การหาเสียงด้วยนโยบายใดๆ ก็ไม่มีความหมาย เพราะนโยบายส่วนใหญ่ ถูกขับเคลื่อนด้วย “ผู้ว่าฯ”อยู่แล้ว ถึงที่สุด เสียง สก.ของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องหนุนนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ อยู่ดี นี่จึงเป็นการเลี่ยงบาลีแบบสวยๆ ในทางการเมือง
7) ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า “ผู้เลือก” เขาแคร์มั้ยถึง “ความสัมพันธ์แบบลับๆ ล่อๆ” อย่างนี้
8) สิ่งที่ควร “พูดกันให้มาก” ถึง “ปัจจัยชี้ขาด” ในการ “เลือกหรือไม่เลือก” คือ ศักยภาพ ความเป็นผู้นำ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ และเครือข่ายคนทำงาน
9) ผมตอบรับแนวคิดของท่าน พล.ท.นันทเดช และจะขอใช้เกณฑ์เรื่อง ศักยภาพ ความเป็นผู้นำ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ และเครือข่ายคนทำงาน มาเป็นตัวชี้วัด
10) ชัชชาติ-ผมตัดคะแนนความเป็นผู้นำ ตรงที่ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นผู้นำ ใช่ เขาเคยเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นรัฐมนตรีที่มีความเป็นผู้นำ หรือเป็น “รัฐมนตรีตามสั่ง”ตรงนี้ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน เขาเคยได้รับการเสนอชื่อไว้ในบัญชี “นายกรัฐมนตรี” ของพรรคเพื่อไทย โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นตัวประกบ ซึ่งรู้กันทั่วว่า ท่านถูกใช้เป็น “ตัวประกอบดึงคะแนน” ไม่ใช่ถูกวางให้เป็นนายกฯ จริงๆ ถึงขั้นที่ตอนนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เคยให้สัมภาษณ์ว่า พรรควางตัวคุณชัชชาติไว้ให้ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ท่านเพิ่งมามีภาวะผู้นำเอาตอนที่ขอลงสมัครอิสระนี่แหละ แต่พรรคเพื่อไทยก็ตามมาเกาะเกี่ยว และท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธการเกาะเกี่ยวดังกล่าวให้แข็งขัน ผมจึงไม่รู้ว่า หากท่านได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จริงๆ ท่านจะเป็นอิสระจากความสัมพันธ์แบบ “ยากจะอธิบาย” พวกนี้ยังไง
ในแง่ภาพลักษณ์ ท่านดูดีครับ สุภาพ นุ่มนวล ไม่ชวนทะเลาะเบาะแว้ง ลุย พร้อมทำงาน แต่เมื่อถามให้ถึงที่สุดท่านจะทำงานด้วยการสนับสนุนจาก สก.ทีมไหน ก็วกกลับไปที่ สก.พรรคเพื่อไทย อยู่ดี ผู้ว่าฯ ต้องมีทีมครับประสิทธิภาพในการเดินหน้าทำงานมันจึงจะเต็มที่นี่ สก.เพื่อไทยก็ไม่มีผู้ว่า ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ก็ไม่มี สก. ถ้าเราเชื่อตามนี้จริงๆ เราไปหาคนที่มี “ทีมครบ” พร้อมทำงานทันทีไม่ดีกว่าหรือครับ
วิสัยทัศน์ท่านมี คนมี “ความเชื่อ” กับชัชชาติมากครั้นถามว่า “ชิ้นงาน” ที่ประสบความสำเร็จของชัชชาติ คืออะไรบ้าง ลองตอบกันดูนะครับ ว่าในอดีต ชัชชาติทำงานอะไรสำเร็จ แล้วประสบการณ์นั้น จะมาเกื้อหนุนการเป็น “ผู้ว่าฯ ที่มีประสิทธิภาพ” อย่างไร
11) ทีนี้ก็เข้าเรื่องฝั่งที่ต้องการ “ชนะชัชชาติ” ด้วยการเรียกร้องให้ลองโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ถามว่ายุทธศาสตร์ที่ว่าคืออะไร
ก) เทคะแนนจาก 4 คน (สุชัชวีร์, อัศวิน, สกลธี, รสนา)ให้มารวมที่คนคนเดียว
ข) วางความเป็นพวกเป็นพ้อง มองศักยภาพของทีมและความพร้อมของหัวหน้าทีมที่จะ “ชนะชัชชาติ” ได้
ถ้าเอาแนวนี้ ก็มาดู องค์ประกอบของแต่ละท่านกันครับ
12) คุณสกลธี ภัททิยกุล กับคุณรสนา โตสิตระกูล ไม่มี สก.สนับสนุน ซึ่งไม่ได้แปลว่าจะทำงานไม่ได้ จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ แต่ว่ากันตามความเป็นจริง มีกับไม่มี อะไรเป็นแรงเสริมมากกว่ากัน
13) คุณอัศวินกับคุณสุชัชวีร์ มีทีม สก. ทั้งคู่ ทีมของคุณสุชัชวีร์ คือทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งฝังตัวอยู่ใน กทม. ทำงานอยู่ในแต่ละเขตมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน ทีมของคุณอัศวิน คือทีมที่ได้รับการ “เตรียมการ”ไว้ระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งหลังจาก คสช. ยุบ สข. (สมาชิกสภาเขต) ทิ้งไป แล้วให้ผู้อำนวยการเขตเลือกคณะทำงานเองทีมอัศวินจึงกระจายตัวอยู่ในแต่ละเขตอย่างแข็งขันแต่คุณอัศวินต้องตอบคำถามคนฝั่ง “นิยมลุงตู่” ให้ได้ว่ามีคนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ในทีมของคุณอัศวินมากน้อยเพียงใด และจะไว้ใจได้ใช่ไหม ว่าจะไม่มีการก่อการใดๆ ขึ้นในวันข้างหน้า
14) คุณอัศวินเป็นผู้ว่าฯ จากการแต่งตั้งมาหลายปีนานกว่าผู้ว่าฯจากการเลือกตั้งปกติที่เป็นได้แค่สมัยละ 4 ปีงานที่คุณอัศวินทำ งานไหนเป็น “วิสัยทัศน์ของคุณอัศวินเอง”ที่ไม่ใช่งานที่ คสช. หรือรัฐบาล กำหนดให้ทำ และคาแร็กเตอร์ ความกระตือรือร้น ความกระฉบับกระเฉง แบบอัศวินในช่วงแข่งขันนี้ เหมือนกับอัศวินในช่วงกินตำแหน่งจากการแต่งตั้งหรือไม่
15) สุชัชวีร์ เป็นอดีตอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ไม่ใช่นักการเมือง ไม่มีกลิ่นการเมืองติดตัว เป็นนักบริหารกึ่งนักวิชาการ (คล้ายคลึงกับชัชชาติ) งานพื้นฐานของ กทม. สุชัชวีร์ทำมาหมดแล้ว และสำเร็จด้วย ที่ สจล. ทั้งงานจัดการการศึกษา งานจัดการด้านสาธารณสุข การบริหารการเงิน(รายรับ-รายจ่าย) แก้ปัญหาหนี้สินได้สำเร็จ จากคดีโกง 1,600 ล้านบาท สู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถนนหนทาง และน้ำท่วม ฯลฯ สรุปง่ายๆ ว่า “ชิ้นงาน” ที่ทำแล้วทำจริง เห็นความสำเร็จ เห็นทักษะ เห็นกระบวนการจัดการ เห็นภาวะผู้นำ สุชัชวีร์คือ “ของจริง” ในขณะที่ชัชชาติ เป็น“ความเชื่อ” (ว่าเก่งและทำได้)
16) การเลือกเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะเทคะแนนให้สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เบอร์ 4 จะเข้าข่ายที่ พล.ท.นันทเดชกล่าวไว้ว่า “มันอาจเป็นการโหวตให้กับคนที่เราไม่ได้ชอบที่สุดก็ได้ถ้าอยากให้ชนะคุณชัชชาติ ก็จำเป็นต้องโหวตครับ” หรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่เท่าที่สังเกตการณ์จากหลายๆ คนที่เสนอให้มีการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ พยายามทำให้ตัวเลือกของฝั่งตัวเองมีแค่ “อัศวิน หรือ สกลธี” ทำเหมือนไม่มี“สุชัชวีร์” อยู่ในสารบบ
สุชัชวีร์ มีประสบการณ์เทียบเท่าหรือเป็นรูปธรรมยิ่งกว่าชัชชาติ
สุชัชวีร์มีทีม สก. รองรับปัญหาจากพี่น้องประชาชนใน 50 เขต นำมาวางเรียงบนโต๊ะทำงานของสุชัชวีร์ได้ และในความเป็นจริง สุชัชวีร์ก็ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากทั้ง 50 เขตด้วยตัวเองมาแล้วด้วย นี่คือการทำงานแบบ “วิศวกร” ทำงานบนข้อมูล (Data Base)
สุชัชวีร์มีทักษะในการทำงานแบบ ผู้บริหาร/ผู้นำ ทำมาแล้ว ทำสำเร็จ และเป็นที่ยอมรับของ “ผู้ร่วมงาน” ด้วยเขามีกระบวนการคิด คิดทันที วิเคราะห์สังเคราะห์ทันทีที่เห็นปัญหา เขาจะเปลี่ยนการมองเห็นนั้นเป็น “ทางแก้” และยังมองเลยไปถึง “โอกาส” ที่ต้องต่อยอดด้วย
พูดกันตรงๆ ว่า ให้สกลธี เป็นผู้ว่าฯ กทม. เป็นได้ไหมเป็นได้แน่นอน เป็นได้ดีด้วย, คุณอัศวิน ผมยังมีความระแวงระวังคนของ “ธรรมนัส” ที่มาเจือๆ อยู่,คุณรสนายังเหมาะที่จะทำงานแบบ สส. หรือ สว. อยู่
ถ้ามองแบบการแข่งขันฟุตบอล ทีมสุชัชวีร์ คือ ทีมที่พร้อมและแข็งแรงพอที่จะดันขึ้นเป็นผู้นำในดิวิชั่นนี้
และเมื่อดู “ความเป็นไปได้” ของคะแนนจากโพลล์ต่างๆ
2 คนที่ดันได้ง่ายสุด คือ อัศวิน กับ สุชัชวีร์
ย้อนกลับไปที่วิสัยทัศน์ ความสดใหม่ ความเป็นอิสระ(จากมือที่มองไม่เห็น) ทีม (ที่ไม่มีใครส่งมาประกบ/ประกอบ) นักเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ก็ลองตัดสินใจดู
และหากไม่เลือกในเชิงยุทธศาสตร์ ไม่กังวลเรื่องใครจะแพ้ ใครจะชนะ เลือกเพราะอยากเลือก อยากให้คะแนนของฉันแก่คนคนนี้ ก็เลือกคนที่คุณชอบที่สุด
คนที่ใช่ที่สุดในสายตาคุณ
เท่านั้นก็พอ !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี