ประเทศไทยมีนักการเมืองขี้โม้ สร้างภาพ ขี้ขลาด และเป็นขี้ข้าทักษิณมามากแล้ว
พวกขี้โม้ คุยโวว่าจะเนรมิตได้ทุกอย่าง เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ เกินศักยภาพรายได้ของ กทม. เกินข้อจำกัดสัญญาผูกพันที่มีอยู่เดิม (ต้องไปเจรจา แล้วถ้าเจรจาไม่สำเร็จ ก็จบ) ถูกนำมาคุยโม้มากมายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ราวกับเป็นผู้วิเศษ สามารถเสกทุกอย่างได้ตามความต้องการด่วนได้
พวกสร้างภาพ จะสร้างภาพว่าตัวเองติดดินบ้างเป็นนักบริหารบ้าง มีความสามารถการบริหารบ้างแต่พฤติกรรมวิ่งเข้าหาอำนาจ แถมผลงานสมัยมีอำนาจรัฐ บางคนเคยเป็นถึงรัฐมนตรี ปรากฏผลงานเละเทะ แทบไม่มีชิ้นดี
พวกขี้ขลาด คือ ไม่เคยร่วมต่อสู้อะไรเพื่ออุดมการณ์ร่วมกับมวลชนเลย แอบอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าออกมาเป็นแกนนำ หรือแม้แต่ร่วมขึ้นเวทีนำการต่อสู้อย่างจริงใจ ไม่ว่าจะสีเสื้อใดก็ตาม
พวกขี้ข้าทักษิณ หมายถึง เคยรับใช้ระบอบทักษิณ แทะกินประเทศชาติ กอบโกยให้ตระกูลนายใหญ่
4 จำพวกนี้ นักการเมืองไทยมีอยู่ไม่น้อย
การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก็เช่นกัน
คน กทม. ดูดีๆ จำแนกดีๆ เถิด
ยอมรับว่าสะดุดใจ กับผู้สมัครรายหนึ่ง คือนายสกลธี ภัททิยกุล ตั้งแต่ประกาศจะลงผู้ว่าฯกทม.ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ มาก่อนอดีตผู้ว่าฯกทม.เสียอีก
การหาเสียง ก็ไม่มีการคุยโว คุยโม้ ขายฝันอภิมหาโปรเจกท์ ซึ่งมันเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลระดับชาติ
แต่พูดเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัว เรียบๆ โดยมีรายละเอียด ที่ทำให้เชื่อได้สนิทใจว่า รู้จริง ทำเป็นจริง และจะทำจริงๆ
เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างมียุทธศาสตร์ ฟุตปาธทางเท้า เทศกิจ การค้าการขาย น้ำท่วมขัง ชุมชน การศึกษา สาธารณสุขใกล้บ้าน การจราจร เรือ ลำคลอง หรือแม้แต่การย้ายซากรถ ที่หมักหมมมาหลายสิบปี แต่ก็ไปหาช่องทาง ลู่ทางกฎหมาย จนทำได้สำเร็จ ในสมัยที่เขาเป็นรองผู้ว่าฯ ฯลฯ
เน้นจากประสบการณ์ที่เคยทำงานจริง ว่าทำ กทม.ให้ดีกว่านี้ได้ โดยไม่เว่อร์ ไม่โม้
และที่ขอชื่นชมมากๆ คือ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่พูดถึงการหาเงินมาใช้ด้วย
มิใช่เอาแต่พูดถึงการใช้เงินเหมือนผู้สมัครหลายๆ คน
นายสกลธีบอกเลยว่า
“ผมจะเป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่ทลายข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ เพราะ “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” #พร้อมกระจายงบฯครบทุกเขต !!
การที่จะบริหารงานได้โดยที่เงินมีจำกัด กทม.ต้องพยายามหาเงินเข้าทุกทาง
ที่ผ่านมา 40-50 ปีที่ ผู้ว่าฯ ใช้เงินเก็บภาษีได้ และเงินอุดหนุนจากรัฐ ทั้งที่จริงมีหลายช่องที่เปิดกว้างให้กรุงเทพฯ สามารถหาเงินได้เอง
ไม่ว่าจะเป็น ขยะ ที่ปกติเราเสียเงิน 4-5,000 ล้านบาทเช่าซื้อรถขยะ ถังขยะ สิ่งนี้สามารถให้เอกชนทำได้ แทนที่จะจ่ายกลับได้เงินเข้ามาด้วย
เงินที่เราต้องจ่ายเอามาลงในด้านสังคม #หลายนโยบายที่ผมบอกทำได้แน่นอน
ผมจะมีงบประมาณเพิ่ม 8 พันล้านบาท จากการหาเงินเข้า กทม.ของ “สกลธีโมเดล” ซึ่งสามารถนำไปสร้างสวนสาธารณะ ซ่อมแซมหรือสร้างถนน ลอกท่อ สร้าง กทม. Co-working space ได้อีกมากมาย และนำเงินที่หาได้มาทำให้เกิดการกระจายงบทั่วถึงกัน ไปยังพื้นที่เขตที่ห่างไกลซึ่งไม่ได้รับการดูแลซ่อมแซมถนน สวนสาธารณะเพื่อความเท่าเทียมกันของคนกรุงเทพฯ
ผมจะเป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่หาเงินได้-ใช้เงินเป็น เพื่อชีวิตที่เท่าเทียมกันของคนกรุงเทพฯ”
การคิด วางแผน และพูดเรื่องหารายได้ สะท้อนถึงความตั้งใจจริง
และประการสุดท้าย ที่คน กทม. ไม่เคยยอมแพ้ คือ ระบอบการใช้อำนาจและแสวงหาผลประโยชน์บิดเบือนฉ้อฉล จาบจ้วง หวังกินรวบทั้งแผ่นดิน “ระบอบทักษิณ”
นายสกลธี ไม่ใช่ขี้ข้าระบอบทักษิณแน่นอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี