นักวิเคราะห์การเมืองในกลุ่มประเทศอาเซียนวิจารณ์การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐนัดพิเศษเมื่อวันที่ 12-13 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกาเสียเวลาเปล่า
Azmi Hassan นักวิชาการอาวุโสแห่งศูนย์วิจัยนานาชาติศึกษา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวว่า “ดูเหมือนว่า รัฐบาลของนายโจ ไบเดน ไม่สามารถสั่นคลอน
จุดยืนที่เป็นกลางของอาเซียนได้ สหรัฐฯไม่สามารถใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจ และทางการเมือง มาบีบคั้นกดดันให้อาเซียน เข้าไปอยู่ในค่ายเดียวกับอเมริกาได้ ในประเด็นความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน”
Hassan กล่าว และ เสริมว่าผู้นำอาเซียนมีจุดยืนเป็นกลางในประเด็นนี้ แต่ท่าทีแสดงออกแตกต่างกันไป ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ประหลาดใจว่า วันที่ 17 เมษายน ตอนที่
สหรัฐฯเสนอญัตติให้รัสเซียพ้นจากมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ อาทิ บรูไนอินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา ประเทศไทย และ กัมพูชาซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนงดออกเสียง แต่เวียดนาม กับ สปป.ลาว ลงมติคัดค้าน
“ผมคิดว่าสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่คาดการณ์ไปล่วงหน้าว่าจะเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโรคระบาดใหญ่ (โควิด-19)ผ่านไปมากกว่าสนใจเรื่องความขัดแย้ง เรื่องสงครามนอกภูมิภาคนี้ออกไป” Hassan กล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการทางด้านความมั่นคงของไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร กล่าวกับ แนวหน้าว่าประเทศไทยได้ประโยชน์มากมายจากการประชุมนัดพิเศษครั้งนี้
“ผมว่านี่เป็นไฟท์บังคับที่นายกรัฐมนตรีไทยต้องไป และเราได้ประโยชน์มากจากการไปร่วมประชุมในครั้งนี้ หนึ่งเราไปในฐานะสมาชิกอาเซียน สองประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปกปลายปีนี้ อย่างน้อยก็ได้หยั่งท่าทีว่าเขารู้สึกอย่างไร หากรัสเซียมาร่วมประชุมเอเปก ส่วนเรื่องท่าทีของไทยในประเด็นต่างๆ ผมมั่นใจว่าฝ่ายไทยจัดการได้”
ดร.ปณิธาน กล่าวและเสริมว่าประเทศไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯเกือบสองหมื่นล้านดอลลาร์ผมคิดว่ารัฐบาลไทยจัดการได้ไม่ให้สหรัฐฯกดดันเราส่วนเรื่องท่าทีว่าเป็นกลางหรือไม่ เรื่องนี้ประเทศไทยเราเก่งกับจีนเราเป็นมิตร กับสหรัฐฯเราก็ค้าสมาคม กับ รัสเซียเราก็มีความสัมพันธ์กันนานกว่า 125 ปี เรื่องเหล่านี้ทุกฝ่ายเข้าใจและไม่มีใครกดดันเรา”ดร.ปณิธาน กล่าว
ด้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีไทยและหนึ่งในสมาชิกอาเซียนที่ไปร่วมประชุม แสดงท่าทีอย่างระมัดระวัง ดังที่กล่าวกับคนไทยในสหรัฐฯว่า
“ผมเดินทางมาประชุมอาเซียน-สหรัฐ หลายคนก็จับตาว่านายกรัฐมนตรีจะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหน จะไปอยู่อะไรกับใคร เราจะไปอยู่ข้างใคร ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเรา จะไม่เสียหาย....
...แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ”พลเอกประยุทธ์ พูดกับคนไทยสหรัฐฯ
ด้าน Lee Pangmay นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า “ในขณะที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐนัดพิเศษ ซึ่งมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่รุนแรงขึ้นและขยายวงออกไปเป็นฉากหลัง ฉันคิดว่า ความกังวลลึกๆ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้อยู่ที่รัสเซีย แต่เขากังวลเรื่องภูมิศาสตร์ทางเมือง เรื่องแผนการอินโด-แปซิฟิกมากกว่า”
Lee กล่าวเสริมว่า“เพื่อความก้าวหน้าของแผนการอินโด-แปซิฟิกรัฐบาลโจ ไบเดน ต้องพยายามดึงอาเซียนให้มาอยู่ในค่ายกับสหรัฐฯ เพื่อที่อเมริกาจะได้จัดการกับปัญหาข้อขัดแย้งทะเลจีนใต้ ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำฯ ครั้งนี้ดูเหมือนกับว่าสหรัฐฯท้าทายจีนที่มีอิทธิพลอยู่ในภูมิภาคนี้ และดูเหมือนว่าการจัดประชุมฯ นัดพิเศษ เป็นการขัดขวางความก้าวหน้าของสันติภาพระหว่างจีนกับอาเซียน”
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งมาเลเซีย กล่าวต่อไปว่า “สมาชิกประชาคมอาเซียนคาดการณ์ล่วงหน้าว่า การประชุมนัดพิเศษครั้งนี้รัฐบาล โจ ไบเดน จะต้องโน้มน้าวว่า จะได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับอาเซียน และโน้มน้าวให้เห็นแก่คุณค่าของความสัมพันธ์ของสหรัฐ-อาเซียนในวาระครบรอบความสัมพันธ์ 45 ปี” เธอกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯอาจใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจเพื่อดึงดูดอาเซียนเข้าเป็นพวก
Lee เตือนด้วยว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการกดดันจากอเมริกาอาเซียนต้องแสดงพลังสามัคคี สมาชิกอาเซียนแต่ละชาติมียุทธวิธี มีแนวทางรักษาเป็นกลางแตกต่างกันออกไป แต่เชื่อว่าเราสามารถปรองดองกันได้ โดยใช้หลักการฉันทามติ วิธีฉันทามติเป็นเรื่องยากมาก แต่อาเซียนจำเป็นต้องมีฉันทามติ เพื่อแสดงให้สหรัฐฯเห็นว่าอาเซียนเป็นกลางไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างไร”
ด้วยความกังวลว่าสหรัฐอเมริกาจะใช้เวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐนัดพิเศษสร้างความแตกแยกในกลุ่มประเทศอาเซียน Kim Phea ผู้อำนวยการ
สถาบันความสัมพันธ์นานาชาติแห่งกัมพูชาในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน เรียกร้องให้สหรัฐฯว่า อย่าฉวยโอกาสสร้างความแตกแยกระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ
“ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องไม่ฉวยโอกาสสร้างความแตกแยกและบั่นทอนเสถียรภาพของอาเซียนระหว่างซัมมิต” Kim Phea กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน “สิ่งที่อเมริกาควรทำคือส่งเสริมให้อาเซียนยึดมั่นในความเป็นกลาง อาเซียนต้องมีเสถียรภาพ และสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
Kim Phea กล่าวเช่นนี้ เพราะเห็นว่า มีสมาชิกอาเซียนบางชาติประณามและคว่ำบาตรรัสเซียออกนอกหน้า ในขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ไม่คว่ำบาตรรัสเซียตามอเมริกา และ อาเซียนประณามการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่ายโดยไม่เอ่ยชื่อรัสเซีย
จากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐนัดพิเศษที่ได้มีแถลงการณ์ร่วมกัน แต่ในแถลงการณ์ไม่พูดถึงรัสเซียและยูเครน นอกจากนั้นแถลงการณ์ร่วมยังละเว้นคำว่า“รุกราน”แถลงการณ์ที่เหมือนพูดเปรยๆว่า
...“เราเห็นฟ้องต้องกันว่าต้องยุติความรุนแรงในทันที เรายืนยันในการเคารพบูรณภาพเหนือดินแดนและความเป็นอิสระทางการเมือง ตลอดถึง ศักดิ์ศรีของเขตแดน...”
ส่วนอาเซียนซึ่งยึดมั่นในหลักการฉันทามติก็ทำไม่ได้เนื่องจากฟิลิปปินส์กับสหภาพเมียนมาไม่ได้มาร่วมประชุม
นักวิเคราะห์นักวิชาการจากสิงคโปร์ มาเลเซียและกัมพูชา จึงสรุปว่าการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-อาเซียนที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเสียเวลาเปล่า แต่นักวิชาการบ้านเรายืนยันว่าประเทศไทยได้ประโยชน์เต็มๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี