2 วันที่ผ่านมา “บิ๊กทริป-ฮัคจอมพลังเขียว” หรือ “ซูเปอร์แมน” ในโพสต์ของ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ลางานในเก้าอี้ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” มาหมาดไป เพื่อลัดฟ้าไปร่วมพิธีรับปริญญาบัตรของ “แสนปีติ สิทธิพันธุ์-แสนดี”ที่จบการศึกษา ด้านประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา มีการไลฟ์สดจากการพาทัวร์มหาวิทยาลัยชมบรรยากาศในงานรับปริญญาบัตรที่ “มนุษย์ฮัค” บอกว่างานรับปริญญาบัตรที่นี่แต่งตัวกันสบายๆ มาให้เหล่าแฟนคลับได้ถาโถมชื่นชมอย่างบ้าคลั่ง
พร้อมทำงานในหน้าที่ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ไปในเวลาเดียวกัน โดย “วีดิโอคอล” จากสหรัฐร่วมประชุม พูดคุยกับตัวแทนสำนักงานเขต 50 เขต ในงานอบรมแนวทางดำเนินการเรื่องร้องเรียน “ทราฟฟี่ฟองดูว์” (Traffy Fondue)ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กทม. ผ่านสมาร์ทโฟน โดยมี “ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ร่วมบรรยาย ซึ่งหลังเปิดดำเนินการไม่นานนักมีประชาชนร้องเรียนร้องทุกข์กว่า 18,000 เรื่องใน 50 เขต
ประเด็นที่น่ากล่าวถึงอยู่ที่ความสำเร็จของ“มนุษย์ฮัค-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ทำหน้าที่พระในบ้าน ตั้งแต่งานที่ยากที่สุดที่สามารถทำให้บุตรชายคนนี้สามารถพูดได้ สละเวลางานหลวงเพื่อไปร่วมพิธีรับปริญญาตรีของบุตรชายอย่างสมบูรณ์แบบในการดำรงชีวิตจนประสบความสำเร็จกลายเป็น “มนุษย์ฮัคประเภท untouchable” และความสำเร็จของแสนปิติบุตรชายที่ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิตไม่ต่างจากพ่อ แม้จะเป็นเด็กหูหนวกหนึ่งในไม่กี่คน ที่เรียนโรงเรียนเด็กปกติได้ และใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ จนมีแฟนคลับทำแบนเนอร์ชื่นชมในโลกโซเชียลมีเดียว่า “ดีใจกับท่านชัชชาติ...คงภูมิใจแหละที่บุตรชายเรียนจบ…หายากครับที่เด็กสมัยนี้ตั้งใจเรียน ไม่มั่วยาเสพติด”
ข้อความเหมือนจะจี้ใจดำนักการเมืองนักเลือกตั้งบางคนจนเจ็บจี๊ด…จี๊ด ทีเดียวคล้ายราวกับบุตรชายนักการเมืองคนดังในแวดวงการเมืองไทยที่ “บุตร/บุตรี” ถูกสังคมไทยเปิดโปงเชื่อมโยงพฤติกรรมกับเรื่องเหล่านี้ ทั้งยาเสพติดทั้งพกโพยทั้งโกงข้อสอบ
ยิ่ง “แสนปีติ” ออกมาตอกย้ำว่า คุณพ่อเหมือนเป็นเพื่อนสนิท ที่คอยอยู่เคียงข้าง สู้ไปกับเขาในทุกช่วงของชีวิต ไม่เคยยอมแพ้แม้ว่าชีวิตจะยากลำบากมากแค่ไหนพ่อคือต้นแบบ และจะนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
“ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมยกให้พ่อเป็นต้นแบบมาเสมอ เป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างให้กับการใช้ชีวิต พ่อสอนผมมากมายเกี่ยวกับความมุ่งมั่น การเห็นอกเห็นใจ และการไม่ตัดสินผู้อื่น พ่อย้ำเสมอว่าเราต้องทำงานกับทุกคนแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ที่ผมเห็นพ่อทำงานในรัฐบาลมาจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าไม่มีใครทำงานหนักเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ไปมากกว่าพ่ออีกแล้ว”
เขาบอกว่า “ในฐานะคนพิการผมอยากเห็นความก้าวหน้าและความทุ่มเทเรื่องสิทธิคนพิการ จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นผมทำงานด้านนี้อย่างสุดความสามารถ คนพิการอายุต่ำกว่า 21 ปี มีประมาณ 130,000-150,000 คน และยังขาดกฎหมายและสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน ผมอยากเข้าไปช่วยเรื่องโอกาสในการศึกษาพิเศษและยกระดับคนชายขอบครับ”
พ่อเป็นแรงบันดาลใจใหญ่สุดของผมเลยครับ ส่วนแม่เป็นผู้แนะนำที่ดีที่สุด
เนี่ย!!คืออภิชาติบุตรที่มีความเจริญก้าวหน้า เพราะพ่อแม่สั่งสอนโดยแท้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี