มีคำถามชัดๆ ตรงประเด็นว่า นโยบายกัญชาเสรีทำให้ใครได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์จริงหรือ หรือว่านักธุรกิจนักการเมืองที่พยายามผลักดันนโยบายนี้เป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า กัญชาเป็นยาเสพติดหรือไม่ ถามย้ำว่า กัญชาเป็นยาเสพติดใช่หรือไม่ การเสพกัญชามีผลต่อสมอง และพฤติกรรมของผู้เสพหรือไม่ แล้วผู้เสพกัญชาที่มากจนเกินขนาดจะกลายเป็นผู้สร้างความเดือดร้อน และเป็นอันตรายต่อสาธารณชนหรือไม่ ผู้ออกนโยบายกัญชาเสรีมั่นใจหรือว่าเด็กและเยาวชนของเรา(ซึ่งไม่น่าจะใช่ลูกหลานของผู้ออกนโยบายนี้) จะไม่กลายเป็นเหยื่อของกัญชา
หลังจากวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ผู้คนในสังคมไทยรับรู้ว่ากัญชาถูกถอดออกจากยาเสพติดประเภท 5 นั่นหมายความว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เมื่อกัญชาไม่ใช่
ยาเสพติดตามที่ผู้กำหนดนโยบายต้องการแล้ว ผู้คนทั่วไปในสังคมไทยก็จะสามารถปลูกกัญชากันได้โดยเสรีหรือไม่ต่อจากนี้ไปอีกไม่กี่เดือน บ้านเมืองของเราจะเต็มไปด้วยต้นกัญชา หรือไม่ กัญชาจะกลายเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายมากในสังคมไทย ใช่หรือไม่
อย่าลืมว่าทุกวันนี้ เราเห็นการโฆษณาขายเมล็ดกัญชา ต้นกัญชากันอย่างดาษดื่น แล้วเมื่อบ้านของเรามีต้นกัญชาเต็มไปหมด ผู้กำหนดนโยบายกัญชาเสรีมั่นใจหรือ
ว่าจะสามารถมีปัญญาควบคุมการเสพกัญชาในหมู่คนไทยได้ การบอกว่าสามารถใช้กัญชาในเชิงการแพทย์นั้นเป็นเพียงคำอ้างที่เลื่อนลอยมาก เพราะไม่มีใครเชื่อว่าผู้กำหนดนโยบายกัญชาเสรีจะมีปัญญาควบคุมการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ได้
ทุกวันนี้เราได้เห็นการขายกัญชาในรูปแบบต่างๆ เช่น ผสมอาหาร ผสมเครื่องดื่ม ผสมขนม และได้เห็นแล้วว่าคนจำนวนหนึ่งสูบกัญชากันอย่างเปิดเผย ต่อไปเราอาจจะได้เห็นผู้คนในสังคมไทยมีกัญชาติดตัวกันอย่างแพร่หลาย และใช้กัญชากันอย่างเสรี แต่ทว่าเป็นการใช้แบบผิดวิธี ผิดหลักการทางการแพทย์ แล้วเมื่อนั้นก็จะทำให้สังคมไทยของเราประสบปัญหาผู้คนติดกัญชาจนไม่เป็นอันทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่มากกว่านั้นคือ ผู้เสพกัญชามากเกินขนาดอาจมีปัญหาสุขภาพ และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่มีผลข้างเคียงในระดับวิกฤตเมื่อเสพกัญชาเข้าไป และต้องไม่ลืมว่ากัญชาส่งผลต่อระบบประสาทของผู้เสพ แม้จะยังไม่มีผลบ่งชี้ชัดเจนว่ากัญชาสามารถทำลายประสาทของผู้เสพได้เหมือนกับการเสพเฮโรอีน หรือไอซ์ หรือยาอีก็ตาม แต่ก็มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท
การส่งเสริมให้วิจัยเรื่องสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ซึ่งสกัดได้จากกัญชาเป็นเรื่องที่ดีที่ควรสนับสนุนให้มีการวิจัยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ต้องขอตั้งคำถามเพื่อเตือนสติผู้ออกนโยบายกัญชาเสรีว่า มีมาตรการใดที่จะใช้ป้องกันเด็กและเยาวชนของเราให้ห่างไกลจากพิษภัยของกัญชาแล้วหรือยัง แล้วมีมาตรการใดหรือไม่ที่จะป้องกันคนไทย โดยเฉพาะคนที่รู้ไม่เท่าทันถึงพิษร้ายของกัญชา ให้ห่างไกลจากภัยอันตรายของการเสพกัญชาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
กัญชาเสรีคงไม่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์มากเท่ากับผลประโยชน์มหาศาลจากกัญชาที่จะตกถึงมือของนักธุรกิจการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่พยายามผลักดันนโยบายกัญชาเสรี โดยปราศจากมาตรการป้องกันคนไทยให้รอดพ้นจากการตกเป็นทาสของกัญชา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี