หลังจากทำกระมิดกระเมี้ยนอยู่นาน สุดท้ายรัฐบาลนายโจ ไบเดน ก็เปิดเผยออกมาว่าเป็นผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในพม่า และยังสั่งการให้ประชาคมอาเซียนพัวพันกับผู้ก่อการร้ายอย่างไร้มารยาททางการทูต
นาย Derek Chollet ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับ นสพ.สเตรทไทม์สิงคโปร์ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตัน ติดต่อประสานงานกับผู้นำรัฐบาลเงาในสภาพพม่าที่เรียกว่า “รัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ” หรือ เอ็นยูจี เป็นประจำมาเป็นเวลา 8-9 เดือนแล้ว
“รัฐบาลวอชิงตันติดต่อประสานงานกับ NUG เพื่อช่วยเหลือการจัดองค์กรให้พวกเขามีศักยภาพต่อต้านรัฐบาลทหาร และนำพม่ากลับมาสู่แนวเส้นทางประชาธิปไตยอีกครั้ง” นาย Cholletบอกกับสเตรทไทม์ระหว่างเยือนสิงคโปร์
นอกจากนั้น ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังพูดกับผู้แทนรัฐบาลนายโจ ไบเดน ได้พบปะปรึกษาหารือกับผู้นำ เอ็นยูจี ในวอชิงตัน ดี.ซี. ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐ “แต่เป็นการพบกันนอกรอบ” นาย Chollet กล่าว
ถึงแม้นาย Chollet ไม่พูดออกมา ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า รัฐบาลวอชิงตันเป็นตัวการ เป็นตัวตั้งตัวตี ที่จัดการให้มีรัฐบาลเงาขึ้นมาในพม่า พร้อมๆกับการจัดตั้ง กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF) ขึ้นมาก่อกวนสร้างความวุ่นวาย ก่อการร้าย ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทหารทำงานได้คล่องตัว
พีดีเอฟ ซึ่งเข้าไปฝึกอาวุธกับกองกำลังติดอาวุธ กลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มและออกมาก่อการร้ายลอบวางระเบิดรายวัน ลอบสังหารชาวบ้าน ที่สงสัยว่าเป็นสายให้ทหาร หรือเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหาร การก่อกวนเพื่อล่อให้ทหารออกมาปราบปรามแล้ว จะได้โพนทะนา ผ่านสื่อในเครือข่ายของอเมริกาว่าทหารพม่าฆ่าประชาชน หากปลุกกระแสสร้างความเกลียดชังขึ้นมาได้ อาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองดังที่อเมริกาตั้งเป้าหมายไว้
การก่อกวนทำลาย การลักลอบโจมตีแบบกองโจรของ พีดีเอฟ ทำให้รัฐบาลทหาร ขึ้นบัญชีดำเอ็นยูจีและพีดีเอฟ เป็น “ผู้ก่อการร้าย”
นาย Chollet เดินทางมาเยือนอาเซียนครั้งนี้มีภารกิจสำคัญคือวอชิงตันต้องการให้อาเซียนมีความสัมพันธ์พัวพันกับรัฐบาลเงาของพม่าที่เรียกว่า “เอ็นยูจี”
“มันมีความสำคัญมาก ที่อาเซียนต้องพัวพันกับเอ็นยูจี ที่ผ่านมาอาเซียนเฉยเมยต่อ เอ็นยูจี เพราะอาเซียนติดต่อพัวพันเฉพาะกับรัฐบาลทหารพม่าเท่านั้น วิกฤตการเมืองในพม่าจึงไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตได้” นาย Chollet อบรมชาติอาเซียนผ่าน นสพ.สเตรทไทม์
จึงพูดได้ว่าที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯไม่ได้ลึกซึ้งถึงพิธีการทูตเงียบ(quiet diplomacy)แบบตะวันออกและไม่ได้เรียนรู้ว่าประเทศที่อยู่ใกล้ชิดติดกันกับสหภาพพม่าทั้งประเทศจีน อินเดีย และประเทศไทย มีวิธีการล้ำลึกในการบริหารจัดการกับทุกฝ่ายได้อย่างไร
นอกจาก สหรัฐฯ เดินเกมการเมืองตามอำเภอใจแล้วยังไม่มีมารยาททางการทูต ในเมื่อนาย Cholletพูดว่าภารกิจหลักของเขาคือทำให้อาเซียนพัวพันหรือรับรองรัฐบาลเงาพม่า แต่นาย Chollet เลือกที่จะปรึกษากับสมาชิกประชาคมอาเซียนบางประเทศ อาทิ สิงคโปร์ บรูไน และประเทศไทย ในเมื่อมาทำภารกิจให้อาเซียนมีความสัมพันธ์กับฝ่ายก่อการร้ายทำไมนาย Chollet จึงไม่เดินทางไปกัมพูชาซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนปีนี้
หรือว่า นาย Chollet กลัวว่าจะถูกอัครมหาเดโชชัยฮุนเซน ไล่ตะเพิดออกมาเหมือนเมื่อคราไล่ตะเพิดนายบารัค โอบามา ทางอ้อมเมื่อปี 2555
ในปีนั้นกัมพูชา เป็นประธานอาเซียน เหมือนปีนี้ในระหว่างที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน+อาเซียนประชุมกับประเทศคู่เจรจา ซึ่งมีจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และอื่นๆ
อดีตประธานาธิบดี โอบามาแวะเยือนประเทศไทย ล็อบบี้ให้สนับสนุน สหรัฐฯ ประเด็นปัญหาทะเลจีนใต้ ออกจากประเทศไทยนายโอบามาไปโอบกอดจุมพิต กับ นาง ออง ซาน ซู จี ในกรุงย่างกุ้ง มารยาทนี้นายโอบามาก็ทำกับผู้นำของประเทศไทย แถมยังมีการชะม้ายชายตา
นายโอบามา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในประเทศไทยและพม่า แต่พอไปถึงประเทศกัมพูชา นายโอบามา พบภาพบาดตาบาดใจตั้งแต่ไปถึงสนามบิน
ที่หน้าสนามบิน มีป้ายขนาดยักษ์เขียนเป็นภาษาจีนและภาษาเขมรว่า “ขอต้อนรับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงด้วยความยินดียิ่ง” พร้อมด้วยภาพวาด นายสี จิ้นผิงขนาดใหญ่
นายโอบามาได้เห็นภาพทำนองนั้นตลอดการเดินจากสนามบินถึงโรงแรมที่พัก ณ หน้าโรงแรมที่พัก มีป้ายผ้าขนาดสองคูณสี่เมตรเขียนด้วยสีน้ำเงินว่า “ยินดีต้อนรับประธานาธิบดี บารัค โอบามา
เสร็จการประชุมอาเซียนซัมมิต ถือเป็นประเพณีที่ประธานออกแถลงการณ์สรุปผลการประชุม
เมื่อนักข่าวถามขึ้นว่าทำไมไม่มีประเด็นทะเลจีนใต้ในแถลงการณ์ นายฮุนเซน ตอบว่า “ผมรู้สึกไม่สบายหลังจากตรากตรำเตรียมการประชุมหลายวันขอจบการแถลงข่าว...”
ตั้งแต่นั้นมาไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐอเมริกากล้าไปเยือนกัมพูชาอีกเลย
กัมพูชาเป็นมิตรที่สนิทแนบแน่นกับจีนมากกว่าชาติใดๆ ในภูมิภาคนี้ นอกจากแนบแน่นกับกัมพูชาแล้ว จีนยังสนิทสนมกับทุกฝ่ายในพม่า จีนเป็นพ่อค้าที่เข้าได้กับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพลเอกมิน อ่อง หล่าย และฝ่ายนางออง ซาน ซู จี
เมื่อ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจ 1 ก.พ. 2564จีนเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “เป็นการปรับคณะรัฐมนตรีภายในของพม่า” จีนไม่ได้โวยวาย ประณามคว่ำบาตรพม่า เหมือนอเมริกา ผู้ท่องคำว่าเสรีประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน เป็นคัมภีร์ไบเบิ่ล
ดังนั้น การที่นาย Chollet มาสั่งสอนอาเซียน ให้พัวพันรัฐบาลเงาของพม่าและกองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่รัฐบาลทหารพม่าผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ขึ้นบัญชี เป็นผู้ก่อการร้าย ก็เท่ากับสหรัฐฯสั่งให้อาเซียน รวมทั้งประเทศไทยคบกับผู้ก่อการร้ายอย่างเปิดเผย
ส่วนอาเซียน และจีน รวมถึงประเทศไทย จะบริหารจัดการกับวิกฤตการเมืองในพม่าอย่างไร มันเกินจินตนาการของอเมริกา ที่เหมือนกับม้าใส่ที่บังตาจะเข้าใจได้
สหรัฐฯกล่าวหาว่า อาเซียนไม่มีความคืบหน้าในการทำตามฉันทามติห้าข้อ ที่ตกลงกันในกรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนเมษายน 2564 ฉันทามติข้อที่ 1 คือ “ให้ทุกฝ่ายในพม่าอดกลั้นและหยุดความรุนแรงทันที”
แต่เมื่อรัฐบาลทหารพม่า ประกาศการหยุดยิงทั่วประเทศฝ่ายเดียวตลอดปี ปรากฏว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารโดยการสนับสนุนของอเมริกา ประกาศจัดตั้ง รัฐบาลเงาและกองกำลังพิทักษ์ประชาชนขึ้นมาก่อกวนก่อการร้าย ต่อสู้กับรัฐบาลทหาร และล่าสุด ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร เหิมเกริมถึงขนาดประกาศตั้งกองกำลังตำรวจของรัฐบาลเงาขึ้นมา
ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่า ได้จัดการประชุมกับกลุ่มการเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์สิบกลุ่ม และที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ ร่วมกันถึงความคืบหน้าเจรจาทางการเมือง
ผลของแถลงการณ์ร่วมฉบับนั้น ทำให้อาเซียนเห็นความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาชิกประชาคมอาเซียนได้จัดประชุมนัดพิเศษขึ้นในกัมพูชา ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องจุดที่จะแจกจ่ายสิ่งของจากข้อตกลงช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวพม่า
เมื่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้สรุปเรื่องแจกจ่ายสิ่งของและเส้นทางลำเลียงออกมาได้สร้างความไม่พอให้กับ เอ็นยูจีและพีดีเอฟ พีดีเอฟ ออกแถลงการณ์ด่วนว่า “ไม่เห็นด้วยกับอาเซียนเรื่องแจกจ่ายสิ่งของ เพราะอาเซียนไม่ได้ปรึกษากับ พีดีเอฟ ล่วงหน้า” และประกาศจะขัดขวางการแจกจ่ายสิ่งของทุกวิถีทาง
ดังนั้น หากวอชิงตันหายมึนงงจากความพ่ายแพ้ในประเทศอัฟกานิสถาน และหายมึนงงกับความพินาศย่อยยับในประเทศยูเครน วอชิงตัน คงจะดูออกว่า ใครฝ่ายไหนเป็นผู้ขัดขวางความคืบหน้าฉันทามติห้าข้อของอาเซียน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี