เมื่อไม่นานมานี้ “ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าหรือนิด้าโพล)” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2/2565” จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1ร้อยละ 25.28 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร คุณแม่วัย 35 กะรัต หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ, เพราะเป็นบุตรสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ และชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร โดยมี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมตามมาเป็นลำดับที่สอง และ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” มาเป็นลำดับที่สาม เพราะเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต, ทำบ้านเมืองเกิดความสงบ และนโยบายช่วยเหลือประชาชนได้จริง
อย่างไรก็ดีการสำรวจครั้งนี้ผลสำรวจที่ได้ไม่เปลี่ยนแปลงลำดับความนิยมเดิม เท่ากับว่าความเห็นรอบนี้ยืนยันว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยากเห็นฝีมือคนรุ่นใหม่บริหารประเทศ แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าคนยุค “Baby Boomer เบบี้บูมเมอร์” มีความซื่อสัตย์ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้บ้านเมืองมีความสงบ
แน่นอนนี่คือความคิดเห็นของเจ้าของประเทศส่วนหนึ่งวางอนาคตของประเทศชาติบ้านเมืองที่เขารัก เพราะอนาคต คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาหลังจากปัจจุบัน การมาถึงของอนาคตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเวลาและกฎของฟิสิกส์ เนื่องจากอนาคตมีธรรมชาติของความเป็นจริงและมีภาวะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกสิ่งที่มีอยู่ในขณะนี้และจะมีอยู่ต่อไป สามารถจัดว่าเป็นสิ่งถาวร หมายความว่ามันจะมีอยู่ตลอดไป หรือเป็นสิ่งชั่วคราว หมายความว่ามันอาจจะสิ้นสุดลง ก็ว่ากันตามเหตุและผล ตามตรรกะของปัจเจกชนที่บุคคลอื่นจะตัดสินความถูกผิดไม่ได้ แค่เตือนสติให้มีสมาธิพินิจพิจารณาให้รอบด้านมากขึ้น เพราะการเมืองไม่ใช่ “ทฤษฎีตรรกยะ แต่ยึดติดกับ ตรรกะ”ได้
นักการเมืองนักกฎหมายอาวุโส สมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊คว่า การปลุกระดมด้วยคำว่า “แลนด์สไลด์” เพื่อให้รู้สึกคึกคัก ปลุกพลังให้ฮึกเหิมบนเวทีปราศรัยหาเสียง มีการหยอกเย้าเรียกกันว่า “ท่านนายกฯอุ๊งอิ๊ง” โดยที่เจ้าตัวมีความเขินอายปนตื่นเต้นดีใจอย่างมีความสุขในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เหมือนอย่างที่อาปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สร้างปรากฏการณ์นี้ใน 49 วัน ที่ลงสนามการเมือง ซึ่งต่อมาก็ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่าการเอาครอบครัวมาครอบนี่แหละที่สุดท้ายก็กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
“ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่นที่ใครจะเอาไปเล่นกันได้ง่ายๆ และไม่ใช่ตำแหน่งประธานหรือผู้จัดการบริษัทที่ใครจะมอบให้แก่ใครอย่างไรก็ได้ หรือจะมอบให้แก่พี่น้องลูกเมียเมื่อไหร่ก็ได้ สังคมไทยคงไม่ลืมทฤษฎี “ผลไม้พิษจากต้นไม้พิษ” โดยเฉพาะเกษตรกรชาวนาทั่วประเทศ
หลักผลของต้นไม้พิษนั้นจริงๆ มาจากหลักการสำคัญของกฎหมายวิธีพิจารณาความที่ว่า พยานหลักฐานใดที่ได้มาโดยวิธีการที่ไม่ชอบ ย่อมถือว่าพยานหลักฐานนั้นไม่ชอบ และหากพยานหลักฐานนั้นก่อให้เกิดพยานหลักฐานอื่นตามมา พยานหลักฐานชิ้นหลังนั้นก็ย่อมไม่ชอบไปด้วย อุปมาดังต้นไม้พิษ ที่ออกดอกออกลูกมาก็เป็นดอกไม้ลูกไม้พิษ จนเป็นเมล็ดก็เป็นเมล็ดพิษไปงอกเป็นต้นไม้พิษต่อไป “เมื่อต้นไม้เป็นพิษก็ต้องโค่นทิ้ง เพื่อไม่ให้มีผลไม้พิษเกิดขึ้น”
สาเหตุของปัญหาที่ทำให้นายทุนแก่งแย่งกันนั้นคือ การผูกขาดอำนาจรัฐด้วยการยกเลิก “ระบบเผด็จการโดยพรรคการเมืองของทุนสามานย์ในระบบรัฐสภา”
การสนับสนุนคนรุ่นใหม่ก็น่าจะเป็นอีกทางรอดของประเทศ แต่ถ้าคนรุ่นใหม่เป็นผลไม้พิษจากต้นไม้พิษ อนาคตของประเทศจะย้อนกลับไปสู่หายนะทางเศรษฐกิจอย่างที่ผ่านมาหรือไม่
“เมื่อต้นไม้เป็นพิษก็ต้องโค่นทิ้ง เพื่อไม่ให้มีผลไม้พิษเกิดขึ้น” จะดีกว่าไหม???!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี