โลกกำลังเข้าสู่ยุควิกฤตทั้งความขัดแย้งทางการเมืองในระดับสากลและความขัดแย้งทางเศรษฐกิจในทางสากล ซึ่งขยายตัวลุกลามไปยังทุกภูมิภาคและส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ เป็นเหตุให้ประเทศต่างๆ ต้องปรับตัวกันอย่างขนานใหญ่
โลกที่มีนาโตซึ่งสหรัฐเป็นแกนนำและเป็นมหาอำนาจในโลกมาเกือบศตวรรษแล้วกำลังอยู่ในภาวะถดถอยและเสื่อมสลาย เพราะผลจากการสั่งสมแสนยานุภาพที่พร่าผลาญงบประมาณจำนวนมหาศาลมานานปี เกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน
นอกจากนั้น ความลำพองจากอำนาจทางทหารของขั้วอำนาจเดียวจึงก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เข้าแทรกแซงเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของประเทศต่างๆ เอาตามอำเภอใจ เอาเปรียบและฉ้อฉลยึดครองผลประโยชน์ของประเทศต่างๆ เป็นของตน จนประชาชนของประเทศเหล่านั้นเดือดร้อนและเห็นความไม่เป็นธรรมลุกฮือขึ้นต่อสู้ไม่ขาดสาย
มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรตามอำเภอใจและระดมพวกพ้องเข้ารุมสกรัมกินโต๊ะประเทศเล็กประเทศน้อย แม้กระทั่งประเทศใหญ่ตามอำเภอใจจนบรรดาประเทศทั้งหลายเห็นถึงความไม่เป็นธรรม เห็นถึงอันตราย และเห็นถึงความฉิบหายของชาติดังนั้นต่างคนจึงต่างคิดอ่านป้องกันแก้ไขวันแล้ววันเล่า
ในที่สุดบรรดาประเทศที่ถูกกดขี่ทั้งหลายในโลกจึงได้รวมตัวกันเป็น SCO หรือองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ มีรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือเป็นศูนย์กลางการนำ และนับวันก็มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น
SCO ดำเนินยุทธศาสตร์ระดับโลก คือยุทธศาสตร์สันติภาพและการพัฒนา ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมที่ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาและแบ่งปันผลประโยชน์กัน จึงมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมกว่า 120 ประเทศ
SCO ได้จัดตั้งกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลไกทางเศรษฐกิจแข่งกับกลุ่ม G7 ของนาโต แต่ประกอบด้วยประเทศที่มีขนาดใหญ่ในแต่ละทวีปและมีประชากรรวมกันกว่าค่อนโลก โดยมี รัสเซีย จีน บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้เป็นภาคี และกำลังขยายพันธมิตรเพื่อระดมประชากรส่วนใหญ่ที่สุดของโลกมาเข้าร่วม
ครั้นเกิดเป็นสงครามยูเครนขึ้นก็กลายเป็นสงครามที่กระทำกันโดยแสนยานุภาพทางทหาร ทางเศรษฐกิจ การเงิน สื่อมวลชนและอื่นๆ ทุกรูปแบบ โดยฝ่ายนาโต้ตั้งเป้าหมายที่จะทำลาย SCO และแยกสลายรัสเซียให้ออกเป็นรัฐย่อยๆ ถ้าทำสำเร็จนาโตก็จะเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของโลกอีกต่อไป
แต่ปรากฏว่าสงครามยูเครนดำเนินไปกว่าร้อยวันแล้ว ผลไม่ได้เกิดขึ้นตามที่นาโต้ต้องการ แต่เป็นผลด้านกลับ คือนาโตเองกลับประสบปัญหาทั่วด้าน และที่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือปัญหาค่าเงินที่กำลังหมดความเชื่อถือและก่อให้เกิดมาตรการพิสดารมากมาย
กระทบต่อค่าเงินของบรรดาประเทศต่างๆ โดยเฉพาะค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนตัวลงมากเมื่อเทียบกับเงินรูเบิลและเงินหยวน ดังนั้น มาตรการทางการเงินมากหลายจึงถูกกำหนดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประเทศทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐ โดยเฉพาะประเทศไทย
ค่าเงินบาทที่ตกต่ำลงทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องออกมาตรการจำนวนมาก เช่นการขึ้นดอกเบี้ยการตั้งวงเงินเพื่อพยุงค่าเงินบาทมิให้ตกต่ำมากเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเกิดผลกระทบต่อประเทศ ต่อภาคธุรกิจและประชาชนอย่างกว้างขวาง
ที่สำคัญคือ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ที่ตั้งขึ้นเพื่อพยุงค่าเงินบาทนั้นเป็นรูปแบบลีลาไม่ต่างกันกับเมื่อครั้งเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง ที่มีการใช้เงินสำรองของประเทศไปพยุงค่าเงินบาทในลักษณะที่เรียกว่าทำสงครามค่าเงิน จนกระทั่งเงินสำรองแทบหมดประเทศ
เมื่อปราชัยในสงครามค่าเงิน เงินบาทก็ร่วงระเนระนาดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในที่สุดก็ต้องเอาประเทศไปจำนำกับ IMF และในที่สุดต่างชาติก็เข้ามาซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยในราคาถูกๆ จนถึงบัดนี้ภาระหนี้นั้นก็ยังชำระไม่หมด เป็นความบอบช้ำและรอยแผลใหญ่ที่คนไทยยากจะลืมเลือน
เพราะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงนั้นกระทบต่อทุกภาคส่วนของประเทศไทย เพราะถ้าหากยุคสมัยใดที่ประเทศไทยมีหนี้ต่างประเทศมากผลกระทบก็จะยิ่งมาก แต่มาครั้งนี้ประเทศไทยมีหนี้ต่างประเทศไม่มากนักเพราะส่วนใหญ่เป็นภาระหนี้ที่ก่อในประเทศ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่เกิดความเสียหายหรือที่จะประมาทจนเกินไป
ต้องตระหนักว่าประเทศไทยมีรายจ่ายสูงสุดลำดับที่หนึ่งคือรายจ่ายนำเข้าพลังงาน ดังนั้น ถ้าค่าเงินบาทอ่อนหรือปราชัยในสงครามค่าเงินอีกครั้งหนึ่ง ภาระการใช้เงินเพื่อนำเข้าพลังงานและน้ำมันก็จะยิ่งเพิ่มอย่างไม่หยุดยั้ง
และในวันนี้กิจการทั้งหลายแม้กระทั่งความเป็นอยู่ของประชาชน แยกไม่ออกจากเรื่องของพลังงาน แม้กระทั่งคนนอนอยู่ในบ้านหรือตึกสูงก็ล้วนเอาชีวิตไปผูกเข้ากับพลังงานทั้งสิ้น ถ้าค่าใช้จ่ายพลังงานยิ่งสูงขึ้นภาระรายจ่ายของทุกภาคส่วนก็จะยิ่งสูงขึ้น นี่แค่เงินบาทอยู่ที่ระดับใกล้ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หายนะก็กำลังแผ่ขยายเป็นวงกว้างแล้ว
ดังนั้น ในยามที่เราใช้ช่างทำรองเท้าไปทำฟัน จึงเป็นที่น่าห่วงใยว่าเหตุการณ์ต้มยำกุ้งอาจจะเกิดซ้ำรอยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทุกคนในแผ่นดินนี้จะต้องร่วมด้วยช่วยกันเพื่อไม่ให้ประเทศชาติพลาดพลั้งสู่ความหายนะเหมือนที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้จะใหญ่กว่าต้มยำกุ้งมากมายนัก
น่าเสียดายว่าในยามค่าเงินบาทอ่อนนั้นก็มีโอกาสแฝงตัวมาด้วย เพราะถ้าคิดเป็นทำเป็น และสามารถช่วงชิงโอกาสในการส่งออกและในการนำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศเพื่อทำให้เกิดความสมดุลและบังเกิดผลดีแก่อาณาประชาราษฎร์ส่วนใหญ่ก็จะบรรเทาเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้
ทอดตาไปทั้งแผ่นดินแล้วก็เห็นแต่ทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทีมเดียวที่มีสติปัญญาความสามารถและประสบการณ์ที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ แม้ว่าจะหนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี