คนอเมริกันมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือ การหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง จนหลายครั้งพาให้ประเทศต่างๆ เจ๊งตามๆ กันทั่วโลก
ชาวอเมริกันและคนตะวันตกมีคำพูดติดปากอยู่ประโยคหนึ่งว่า “Believe in his own propaganda” เชื่อในคำโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง
วัฒนธรรมนี้นอกจากทำให้ประเทศตัวเองเสียหายแล้วพาให้คนที่ตามก้นอเมริกา พินาศวอดวายเสียหายกันทั่วโลก ในยุคซิกตี้ห้าหกสิบปีก่อน คนอเมริกาบ้าหนังคาวบอย ในยุคนั้นพูดกันติดปากว่า “Have gun go the west” มีปืนไปตะวันตก
คือมีปืนลงไปตะวันตก ขุดหาแร่ทองบ้าง ปล้นทองบ้างคุ้มกันเหมืองทองบ้าง ตลอดถึงคุ้มกันชุมชนหมู่บ้าน ล่าหัวล่าเงินรางวัลในการจับฆาตกร โจร ผู้ร้าย พระเอก ตัวเดินเรื่องเป็นมือปืนตัวฉกาจดวลปืนกับคนร้าย ได้เป็นสิบๆ คน คนร้ายสู้ไม่ได้
ความคลั่งพระเอกแม่นปืน ทำให้อเมริกันรุ่นลูกรุ่นหลานบ้าปืนกันทั้งบ้านทั้งเมืองสหรัฐอเมริกามีประชากรประมาณ 320 ล้านคน แต่มีปืนไว้ในครอบครองกว่า 400 ล้านกระบอก ทั้งปืนพก ปืนกล ปืนไรเฟิ่ล ปืนกึ่งอัตโนมัติ เด็กอายุ 18 ไม่อนุญาตให้ซื้อบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่สามารถซื้อปืนได้ทุกชนิด จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมมีคนตาย เพราะอาวุธปืนในสหรัฐฯไม่น้อยกว่า 43,000 คนทุกปีและสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ
วิธีแก้ปัญหาของอเมริกา ก็เรียกได้ว่า พิเศษไม่เหมือนใคร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เด็กหนุ่มวัย 18 ปีพกปืนสั้น ปืนกึ่งอัตโนมัติเดินเข้าไปในโรงเรียนประถมในเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส ระดมยิงนักเรียนชั้นประถมตาย 19 คนพร้อมด้วยครูสองคน
เจ้าหน้าที่ตำรวจกว่าสิบคนไปถึงที่เกิดเหตุ และรีรอไม่ลงมือทำอะไรเลย อ้างว่า รอวิทยุสื่อสารบ้าง อ้างว่ารอหน่วยแม่นปืนบ้าง อ้างว่ารอหน่วยสวาท(หน่วยปฏิบัติการพิเศษ)บ้าง อ้างว่าเสียเวลาหากุญแจห้องอยู่บ้าง ทั้งๆ ที่ประตูห้องเรียนไม่ได้ล็อก จนสุดท้ายนักเรียนและครูถูกยิงตายยกห้องแล้ว ตำรวจคนหนึ่งเปิดประตูเข้าไปแล้วออกมารายงานว่ามือปืนถูกยิงตายแล้ว(แต่ไม่รู้ยิงตัวตายหรือใครยิงตาย)
หลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญวันนั้น มีการสอบสวนกันหลายขั้นตอนและได้ข้อสรุปว่า “ตำรวจใช้วิจารณญาณบกพร่อง” แต่สำนักข่าวอัล-จาชีระห์ เขียนบทวิจารณ์อย่างรุนแรงว่า “ตำรวจขี้ขลาด กลัวตายแต่ทนฟังเสียงปืนยิงเด็กอยู่ได้ชั่วโมงกว่า”
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน (เวลาในประเทศไทย)นายกเทศมนตรีเมืองยูวัลดี ตัดสินใจสั่งทุบทิ้งโรงเรียนประถมที่ครูและนักเรียนถูกยิงตายยกชั้น หลังจากสอบสวนกันอยู่นานหาความผิดใครไม่ได้
นั่นคือ การแก้ปัญหาของอเมริกาที่ผลมาจากการหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของตัวเอง
ที่เขียนมายืดยาวถึงตอนนี้เพื่อจะบอกว่าวันนี้โลกกำลังวอดวายเศรษฐกิจถดถอยถึงขั้นล้มละลายในหลายประเทศสาเหตุสำคัญล้วนเกิดจากการหลงในคำโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกา ที่ทำให้ชาวโลกบ้าโฆษณาชวนเชื่อแล้วพากันเจ๊งไปตามๆ กัน
ประเทศยูเครนไม่พินาศวอดวาย และถูกทำลายมากถึงเพียงนี้ ถ้าไม่เพราะโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกาที่หลอกให้เอาขีปนาวุธไปตั้งไว้ในประเทศยูเครนหลอกว่าจะสนับสนุนให้ยูเครนเป็นสมาชิกนาโต สร้างกองกำลังอาซาฟหรือนาซีใหม่ขึ้นในยูเครน โดยการสนับสนุนของอเมริกา กองกำลังนาซีใหม่ สังหารทำลายคนเชื้อสายรัสเซียตายไปกว่า 14,000 คน จนประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ทนไม่ได้สั่งปฏิบัติการพิเศษทหารผ่านมาแล้ว 130 กว่าวัน จนยูเครนพินาศวอดวาย แต่อเมริกายังโฆษณาชวนเชื่อว่า ยูเครนกำลังชนะสงคราม รัสเซียเพลี่ยงพล้ำไปต่อไม่ได้
พูดเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นเหยื่อโฆษณา ชวนเชื่อของอเมริกา ทว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ไกลจากบ้านเรามากเกินไปเห็นภาพไม่ชัดเจน
อยากให้ผู้อ่านคอลัมน์ทวนกระแสข่าว ได้มาดูวิกฤตการเมืองในเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศที่มีชายแดนใกล้ชิดติดกับบ้านเราถึง 2,004 กิโลเมตร
ประเทศเมียนมา สมัยที่พรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี บริหารประเทศ สหรัฐฯและตะวันตกไม่ได้พอใจเท่าไหร่นักเพราะเชื่อว่านางร่วมมือหรือเกรงใจทหารไม่กล้าขัดขวางปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา
ประเทศตะวันตกถึงกับประกาศจะยึดรางวัลโนเบลคืนจาก นางออง ซาน ซู จี ใบประกาศเกียรติคุณยกย่องต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ตามมหาวิทยาลัยในประเทศตะวันตก ถูกรื้อออกจากฝาผนัง โกรธที่นางไปให้การเข้าข้างทหารพม่าในศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซี ในคดีทหารพม่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา
แต่พอทหารพม่า โดย พลเอกมิน อ่อง หล่าย ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ในข้อหาโกงการเลือกตั้งครั้งมโหฬารที่มีบัตรเลือกตั้งผิดปกติถึง 11 ล้านใบแต่นางออง ซาน ซู จี ไม่ยอมให้ตรวจสอบทั้งๆ ที่พรรคยูเอสดีพีคณะกรรมการเลือกตั้ง และทหารพม่า ขอร้องถึงหกครั้ง
พอทหารยึดอำนาจ ทั้งๆ ที่ นางออง ซาน ซู จีหลีกเลี่ยงได้ แต่ไม่ทำ ประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯกลับยกย่องนางออง ซาน ซู จี เป็นวีรสตรีขึ้นมาทันที เพราะนางออง ซาน ซู จี ปลุกระดมให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านการยึดอำนาจซึ่งเข้าทางอเมริกาที่สอดส่องสายตาหาประเทศที่ประชาชนประท้วงรัฐบาล สหรัฐฯจะได้เข้าไปแทรกแซงสนับสนุนฝ่ายต่อต้านให้ประเทศนั้นเกิดความวุ่นวายแล้วอเมริกาจะได้เข้าไปมีอิทธิพล
ในประเทศเมียนมาพูดได้เต็มปากว่า สหรัฐฯเป็นผู้ปลุกระดมปั่นกระแสให้ฝ่ายต่อต้านการยึดอำนาจ เปลี่ยนจากอารยะขัดขืน มาเป็นการประท้วงรุนแรง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ก่อการจลาจลเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และเผาโรงงาน บริษัทร้านค้าของคนจีน หลังจากทูตสหรัฐกับทูตฝรั่งเศสในเมียนมา ยุยงปลุกระดมว่าจีนแผ่นดินใหญ่สนับสนุนพลเอกมินอ่อง หลาย ให้ทำการยึดอำนาจ
เมื่อการประท้วงรุนแรง ก่อจลาจลแน่นอนเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารต้องปราบปราม ถึงตอนนั้นวอชิงตันก็ฉวยโอกาสโฆษณาชวนเชื่อปลุกระดมว่าทหารพม่าฆ่าฝ่ายต่อต้านที่ประท้วงแบบอารยะขัดขืน ยุยงส่งเสริมปั่นกระแสให้ฝ่ายต่อต้านจัดตั้งรัฐบาลเงาที่ชื่อรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ(National Unity Government=NUG) กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (People Defense Force=PDF)ขึ้นมา
เมื่อได้รัฐบาลเงาและกองกำลังติดอาวุธสมดังปรารถนา สหรัฐฯและประเทศตะวันตกก็ระดมโฆษณาชวนเชื่อว่า PDF เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่าโดยความร่วมมือของประชาชนทั่วประเทศจนรัฐบาลทหารบริหารประเทศไปต่อไม่ได้ รัฐบาลทหารพม่ากำลังเพลี่ยงพล้ำให้ เอ็นยูจีและพีดีเอฟ หลงระเริงเหลิงได้ใจ เหมือนกับตอนที่หลอกนายเซเลนสกีว่า กองทัพอันเกรียงไกรของรัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำให้แก่ทหารรับจ้างของนายเซเลนสกีอดีตดาราตลกแห่งยูเครน
สหรัฐฯโฆษณาชวนเชื่อ และหลงเชื่อในคำโฆษณาของตัวเองไม่เป็นไร แต่ที่เป็นอันตรายคือประเทศลูกไล่ของอเมริกาบ้าตามโฆษณาชวนเชื่อไปด้วย
ในบรรดาสิบประเทศของสมาชิกประชาคมอาเซียน บัดนี้ ได้แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่าย คือ สมาชิกอาเซียนในดินแดนสุวรรณภูมิ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว สหภาพเมียนมาและประเทศไทย กับสมาชิกอาเซียนนอกสุวรรณภูมิ มีมาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์
สมาชิกอาเซียนในกลุ่มสุวรรณภูมิ ไม่ค่อยเชื่อโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐฯ แต่ก็ไม่โวยวายใช้วิธีการ ทูตเงียบ (QuietDiplomacy) ส่วนสมาชิกอาเซียนนอกสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะมาเลเซียกับอินโดนีเซียหลงโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐฯหัวปักหัวปำ และพยายามชักนำให้ประเทศในสุวรรณภูมิบ้าตามไปด้วยแต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
อย่างกรณี ล่าสุดประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนปีนี้ได้จัดประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนขึ้นในกรุงพนมเปญ เมื่อวันอังคารที่ 21 มิถุนายน การจัดประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนครั้งนี้ มี พลเอก เมี๊ย ตูน อู รัฐมนตรีกลาโหมรัฐบาลทหารพม่า มาร่วมประชุมด้วย
หนึ่งอาทิตย์ก่อนการประชุม รัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน กลุ่มเอ็นจีโอและพวกสิทธิมนุษยชนรับใช้ตะวันตกในเมียนมา 667 คน ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องไม่ให้อาเซียนเชิญผู้แทนจากรัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมประชุม
กระทรวงกลาโหมมาเลเซียถึงกับออกแถลงการณ์ว่า“ถึงว่ารัฐมนตรีกลาโหมของรัฐบาลทหารพม่า หรือ SACเข้าร่วมประชุม รมต.กลาโหมอาเซียน ไม่ได้หมายความว่ามาเลเซีย รับรอง SAC เป็นรัฐบาลถูกต้องตามกฎหมาย..”
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ถูกรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา พลเอกเตีย บัญ ซึ่งเป็นประธานการประชุมตอกหน้าเอาว่า
“เวลานี้อาเซียนต้องการความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประโยชน์ความร่วมมือด้านความมั่นคง...ประเทศสมาชิกอาเซียนจะไปฟังการโฆษณาชวนเชื่อ ที่กล่าวหา(SAC) โน้นนี่นั่นไม่ได้ เราต้องมีวิจารณญาณพิจารณาอันไหนถูกอันไหนผิดเองได้..”
ถูกไม้นี้เข้า ปราโบโว สุเบียนโต รมต.กลาโหม อินโดนีเซีย ที่เคยเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกับมาเลเซียในวิกฤตการเมืองพม่า กลายเป็น ผู้มีวุฒิภาวะขึ้นมาทันที โดยพูดในที่ประชุมว่า “เราต้องมองข้ามความแตกต่างเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ร่วมกัน เราต้องไม่ปล่อยให้อิทธิพลภายนอกอาเซียน (อเมริกาและตะวันตก) มาแบ่งพวกเราทำให้พวกเราเป็นคู่แข่งกัน อนาคตของอาเซียนอยู่บนบ่าของพวกเราทุกคน และผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เราต้องการสันติภาพไม่ใช่ขัดแย้ง ร่วมมือกันไม่ใช่แข่งขันกัน”
การที่ประธานในที่ประชุม พลเอกเตีย บัญ ปรามสมาชิกอาเซียนว่า “อย่าฟังโฆษณาชวนเชื่อและข้อกล่าวหาของตะวันตกมากเกินไป”เป็นสัญญาณบอกว่าอาเซียนจะมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่ามากขึ้น
กัมพูชาเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน ต่อจากบรูไน ทำให้วิกฤตการเมืองสหภาพเมียนมาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ในสมัยที่บรูไนเป็นประธานอาเซียน รัฐบาลทหารพม่าถูกกีดกันทุกวิถีทางไม่ให้มีปฏิสัมพันธ์กับอาเซียนตามแผนการของอเมริกา
แต่ทันทีที่กัมพูชารับหน้าที่ประธานหมุนเวียนอาเซียน ฮุนเซน นายกฯ ตลอดกาลของกัมพูชาบินไปเมียนมาพบปะเจรจาหารือกับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้ถืออำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ของสหภาพเมียนมา ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลทหารพม่าก็มีปฏิสัมพันธ์กับอาเซียนมากขึ้นตามลำดับ
นายปรัก สุคน ทูตพิเศษอาเซียนคนใหม่ เคยเดินทางไปเมียนมาพบปะเจรจากับผู้แทนรัฐบาลทหารพม่าและหลายฝ่าย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกัมพูชาว่า
นายปรัก สุคน มีกำหนดจะเยือนเมีียนมาอีกคราระหว่างวันที่29 มิถุนายน ถึง 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคาดหมายกันว่าทูตพิเศษอาเซียนจะไปปรึกษาหารือเรื่องความคืบหน้าในการแจกจ่ายสิ่งของจำเป็นให้แก่ชาวพม่าตามหมู่บ้านเป้าหมายที่ได้ข้อยุติระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
อาเซียนได้รับมอบหมายจากยูเอ็นให้แก้ปัญหาวิกฤตการเมืองในเมียนมา ตามฉันทามติห้าข้อที่ตกลงกันในกรุงจาการ์ตา เมื่อเดือนเมษายน 2564
ฉันทามติห้าข้อของอาเซียน คงคืบหน้าในทางปฏิบัติไปมาก หากไม่ถูกขัดขวางจากสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ที่สำคัญหากสมาชิกประชาคมอาเซียนนอกสุวรรณภูมิไม่บ้าตามโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกาและตะวันตก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี