วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แม้ยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน แต่สถานการณ์การเมืองไทยยังร้อนฉ่า แย่งชิงความได้เปรียบกันจากร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ยังคั่งค้างอยู่ระหว่างการประชุมพิจารณาของรัฐสภาหลังเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดข้อโต้แย้งในประเด็นที่มาของสส.พึงมี ที่มีการแก้ไขมาตรา 23 ในร่างพ.ร.ป.ฉบับนี้ตามข้อเสนอของกรรมาธิการเสียงข้างน้อยอย่างนายแพทย์ระวี มาศฉมาดล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ โดยให้ใช้จำนวนสส.ทั้งสภาเป็นตัวหารบัตรเลือกตั้งใบที่สอง ซึ่งเลือกสส.ในระบบบัญชีรายชื่อแทนการใช้จำนวนสส.ระบบบัญชีรายชื่อเป็นตัวหาร
การคำนวณสส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคแยกออกมาคำนวณเฉพาะในช่องจำนวนเต็ม 100 ของสส.บัญชีรายชื่อที่กำหนดให้มีเท่านั้น จึงต้องเอาตัวเลขสส.ระบบบัญชีรายชื่อ 100 คนมาหารเท่านั้น จะไปเอา 500 ซึ่งเป็นจำนวนรวมของสส.ทั้ง 2 ระบบมาหารเพื่อหาจำนวนยอดรวมของสส.ทั้ง 2 ประเภทที่แต่ละพรรคจะได้รับจัดสรร หรือที่เรียกว่า “สส.พึงมี” แล้วหักจำนวนสส.เขตออก เติมสส.ระบบบัญชีรายชื่อเข้าไปให้ครบ ตามวิธีการของระบบสัดส่วนผสมหรือระบบเยอรมัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จริงๆระบบเลือกตั้งนี้ ประเทศไทยเคยใช้มาก่อน
ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 เดิมก็เป็นระบบสัดส่วนผสมแบบบัตรใบเดียว จึงเรียกเสียใหม่ว่าระบบจัดสรรปันส่วนผสม ดังนั้นจะหารด้วย 100 หรือ หารด้วย 500 ก็เหมือนกัน มีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เพราะอย่างหนึ่งจุดเด่นคือได้สัดส่วนสส.ที่ถูกต้องตามที่ประชาชนเลือก ส่วนอีกระบบหนึ่งคือทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ
เรื่องนี้ยังหาทางลงไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ของพรรคการเมืองของนักเลือกตั้งมันค้ำคอที่ต้องฟาดฟันจนเกินกว่าจะมีเวลาไปดูแลผลประโยชน์และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนทีเดียว ถือเป็นเผือกร้อนอีกเรื่องของรัฐบาลที่ต้องประสานทุกอย่างให้ลงตัว เพื่อการแตกแบงก์ต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปีหน้า เผือกร้อนที่สองก็น่าต่อเนื่องมาจากร่างพ.ร.ป.การเลือกตั้งสส.ที่ยังไม่ตกผลึก แต่อายุของสส.ชุดนี้จะครบวาระในวันที่ 24 มีนาคม 2566 หรือในอีก 8 เดือนข้างหน้า และรัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน
จากนั้น “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีน่าจะถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม หากยังคงดำรงตำแหน่งอยู่หลังจากวันนั้นถือว่าขาดคุณสมบัติ
นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในวาระที่ 2 และ 3 ที่อาจมีเรื่องของกล้วยเข้ามาเกี่ยวข้องอีกครั้ง ปิดท้ายความเหนื่อยยากของ “ลุงตู่” ด้วยการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ด้วย ยังไม่รวมการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกอย่างน้อย 5 ฉบับที่มีฉบับหนึ่งเสนอตัดมาตรา 272 ตัดอำนาจวุฒิสภาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ทั้งหลายทั้งปวงคือขวากหนามสองแพร่งสามแพร่งที่นายกรัฐมนตรีต้องใช้ความกล้าหาญและชาญลาดในการพิจารณาเลือกเดินให้ได้เปรียบ และกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยไม่เกิดแลนด์สไลด์จนเปลี่ยนอำนาจและปล่อยให้สัมภเวสีกลับประเทศมาสร้างหายนะ
สองแพร่งที่ต้องเลือกยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี