ในท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นในโลก การทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความคลี่คลายขยายตัวของสถานการณ์นั้นจึงเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก ทั้งในปัญหาว่าสถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร และผลที่สุดจะเป็นอย่างไร
ข่าวสารทั้งหลายและความคิดเห็นจำนวนมากในช่วงระยะเวลานี้จึงเกี่ยวพันกับเรื่องราวดังกล่าวนี้เป็นส่วนใหญ่ และความคิดเห็นโดยทั่วไปก็เป็นไปในลักษณะที่ต้องการให้ประเทศไทยดำรงความเป็นกลาง ไม่เข้าข้างเป็นฝักฝ่ายกับขั้วความขัดแย้งใดๆ จนสามารถกล่าวได้ว่านี่คือความปรารถนาที่แท้จริงของประชาชนชาวไทยที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับฟัง
เหตุที่เกิดกระแสเรียกร้องต้องการให้ประเทศไทยวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างเป็นฝักฝ่ายกับขั้วความขัดแย้งใดๆก็เพราะสถานการณ์ที่เป็นไปในขณะนี้คนทั้งหลายรู้เห็นเป็นอย่างดีว่าประเทศไทยได้เบี่ยงเบนถลำออกไปจากความเป็นกลาง ซึ่งเป็นหลักนโยบายต่างประเทศหรือที่เรียกว่าวิเทโศบายของประเทศไทยที่มีมาช้านานแล้ว
ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในยุคใกล้ โดยเฉพาะในยุครัตนโกสินทร์นี้มีความชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ ว่าหลักวิเทโศบายหรือหลักนโยบายของไทยคือการไม่เป็นศัตรูหรือเป็นฝักฝ่ายกับประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยประเทศไทยต้องแสวงหาความเป็นมิตรและมีทางไมตรีที่อำนวยประโยชน์ร่วมกัน โดยไม่ก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของกันและกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
ประเทศไทยได้ถือปฏิบัติในหลักการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือวิเทโศบายนี้อย่างมั่นคงมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นอย่างน้อยที่สุด โดยทรงชี้ให้ขุนนางข้าราชการและพสกนิกรทั้งหลายได้รับทราบเป็นการทั่วไปว่า นับแต่นี้ไปในวันข้างหน้าภัยคุกคามและอันตรายของประเทศไทยจะไม่ได้มาจากพม่า ลาว เขมร ญวน อีกต่อไปแล้ว
ทรงชี้ว่าภัยอันตรายของประเทศไทยในวันข้างหน้าจะมาจากพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตก ดังนั้น ประชาชนชาวไทยทั้งหลายจึงต้องทำความรู้จัก ทำความเข้าใจให้จงดีว่าคนพวกไหนหรือคนประเภทใดที่ถูกจัดว่าเป็นพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตก
ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าแม้เกิดเป็นสงครามโลกทั้งครั้ง
ที่หนึ่งและครั้งที่สองแล้ว โลกยังไม่สามารถเข้าไปสู่ภาวะสันติภาพนิรันดรที่มีสันติภาพและการพัฒนาเป็นพัฒนาการทั่วไปของโลกเลย
แต่ยังมีความขัดแย้งและสงครามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแทบทุกพื้นที่ทุกภูมิภาคของโลก จนเป็นเหตุให้เกิดการสั่งสมอาวุธ
และมีการนำงบประมาณไปจับจ่ายใช้สอยในเรื่องอาวุธเป็นจำนวนมากซึ่งถ้าไม่มีค่าใช้จ่ายแบบนี้ความเป็นอยู่ของประชาชาติทั่วโลกก็จะดีกว่านี้มาก
หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดสงครามเล็กสงครามน้อยในประเทศต่างๆ หลายร้อยครั้ง และทุกครั้งทุกแห่งที่เกิดขึ้นจะมีพวก “ฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตก” เข้าเกี่ยวข้องดำเนินการหรือเป็นคู่สงครามอยู่ด้วยทั้งสิ้น
นั่นคือพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตกที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองของเราตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงชี้ไว้ ครั้นบ้านเมืองล่วงมาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตลอดมาถึงวันนี้ประเทศไทยก็ยึดมั่นในหลักวิเทโศบายนี้อย่างมั่นคง คือสร้างมิตรไมตรีกับทุกประเทศและไม่ตั้งตนเป็นฝักฝ่ายเป็นศัตรูกับชาติใด อันเป็นที่ประจักษ์ว่าเมื่อใดที่ประเทศไทยมั่นคงอยู่ในหลักวิเทโศบายนี้ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางวิเทโศบายไว้ประเทศไทยก็จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขและความเจริญก้าวหน้า
แต่ถ้าเมื่อใดคนถ่อยมีอำนาจในบ้านเมือง ละเสียหรือทอดทิ้งเสียซึ่งพระบรมวิเทโศบายที่ทรงวางไว้คุ้มครองป้องกันประเทศไทยของเรา เมื่อนั้นอันตรายก็จะมาถึงประเทศไทยและคนไทยของเรา และเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อยสองเหตุการณ์คือ
เหตุการณ์หนึ่ง คือการเข้าร่วมสงครามเกาหลี ซึ่งสหรัฐเป็นหัวเรือใหญ่ในการทำสงครามรุกรานเกาหลีเพื่อยึดครองทั้งเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือไว้ในอำนาจ ในสงครามนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นฝ่ายสหรัฐโดยมิใช่กงการหรือผลประโยชน์ใดๆ ของประเทศไทยเลย แต่เป็นเพราะการทอดทิ้งหลักวิเทโศบายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางไว้ ด้วยจิตใจที่ยอมเป็นข้าทาสหรือขายชาติแก่ต่างชาติ
ในที่สุดผู้รุกรานก็พ่ายแพ้ยับเยิน ถูกกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้าช่วยประชาชนเกาหลีตีโต้สงครามรุกรานจนแตกพ่าย และในที่สุดก็ทำสัญญาสันติภาพแบ่งเกาหลีเหนือ-ใต้กันที่เส้นขนานที่ 38 โดยที่ประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์โภคผลใดๆ นอกจากเอาลูกหลานคนไทยไปล้างผลาญเพื่อประโยชน์ของชาติอื่นโดยเฉพาะ
ถัดมาก็คือสงครามอินโดจีน ที่สหรัฐเป็นหัวเรือใหญ่ในการทำสงครามรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของไทย ทั้งเวียดนาม ลาว กัมพูชา โดยสร้างผีคอมมิวนิสต์หลอกลวงให้เข้าสู่สงครามเพื่อทำลายล้างประเทศเพื่อนบ้านและประชาชนเพื่อนบ้านของไทย
ในครั้งนั้นพวกคนขายชาติและทรยศชาติได้ยอมให้ต่างชาติเข้ามาตั้งฐานทัพหลายแห่งในประเทศไทย ให้ขนเอาทหารจำนวนมากเข้ามาตั้งในประเทศไทย หรือนัยหนึ่งก็คือกึ่งการยึดครองประเทศไทยนั่นเอง เมื่อเข้ามาแล้วก็ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการทำลายประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม ลาว กัมพูชา จนพินาศวายวอดทั้งสามประเทศ ทำให้พี่น้องประชาชนเวียดนาม ลาว กัมพูชา บาดเจ็บล้มตายนับล้านคน จนประเทศไทยเองก็เกิดเป็นสงครามกลางเมืองโหมประดังเข้ามาถึง 47 จังหวัด นี่คือตัวอย่างการทรยศต่อพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชัดเจนที่สุด
ในที่สุดสงครามรุกรานก็ต้องพ่ายแพ้ตามกฎเกณฑ์แห่งสงคราม ประเทศอินโดจีนซึ่งมีเวียดนามเป็นประเทศสำคัญได้รับชัยชนะอย่างมีเกียรติยิ่ง สามารถทำสงครามตีโต้ขับไล่ผู้รุกรานออกจากประเทศได้อย่างงดงาม และมีการเคลื่อนกำลังรบขนาดใหญ่ด้วยกำลัง 300,000 คน มาประชิดชายแดนไทย ในขณะที่ประเทศไทยโดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องเผชิญหน้ากับศึกใหญ่โดยลำพัง
เดชะบุญประเทศไทยมีคนดีศรีแผ่นดินค้ำจุนจึงสามารถดำเนินวิเทโศบายจนทำให้ทหารของประเทศเพื่อนบ้านที่ยกมาประชิดชายแดนไทยถึง 300,000 คน ต้องถอนกลับไปโดยประเทศไทยไม่ได้เสียหายอะไร แต่ก็ยังไม่ได้ชดใช้หนี้เลือด หนี้ชีวิตและความเสียหายที่เข้าร่วมทำลายประเทศเพื่อนบ้านของเราเองเลย
นั่นเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ และในช่วงเวลานั้นประชาชนชาวไทยได้พร้อมใจกันขับไล่ฐานทัพต่างชาติออกจากประเทศไทยอย่างงดงามและอย่างสันติ
ประเทศไทยจึงปลอดภัยและว่างเว้นจากการครอบงำยึดครองของต่างชาติ แต่ในที่สุดมาถึงวันนี้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์กำลังจะซ้ำรอย นั่นคือการที่ประเทศไทยเข้าสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่ายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก หรือนาโต 2
นาโต 2 นี้เป็นหลักยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่ถือจีนเป็นภัยความมั่นคงของสหรัฐ ของโลก และของภูมิภาค ที่จะต้องต่อต้านขัดขวาง แม้กระทั่งต้องทำสงครามเพื่อกำจัดสิ่งที่เรียกว่า “อิทธิพลหรือภัยคุกคามจากประเทศจีน”
ทั้งที่ความจริงจีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ตลอดระยะเวลาความสัมพันธ์ไทย-จีน นับพันปีเราไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกัน ไม่เคยถูกรุกราน ไม่เคยถูกยึดครองจากจีน ไม่เหมือนกับพวกฝรั่งตาน้ำข้าวชาวตะวันตกที่ยึดแผ่นดินของเรา ข่มเหงย่ำยีประเทศและประชาชนของเรา ตั้งตนเป็นเจ้าอาณานิคมเข้าข่มเหงแทรกแซงในทุกกิจกรรม แม้แต่การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในปัจจุบันนี้
เพราะเหตุที่คนทั้งหลายรู้ดีว่าใครก็ตามที่นำพาประเทศเข้าไปซุกใต้ปีกหรือไปอยู่ในอาณัตินาโต 2 เป็นการกระทำที่ทรยศชาติหรือขายชาติ ดังนั้นจึงมีการปฏิเสธตลอดมาว่าประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องตกลงผูกพันในเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่สหรัฐพูดเองเออเองเอาข้างเดียว
แต่คนทั้งหลายก็ตั้งข้อสังเกตว่าแล้วเหตุไฉนเล่าประเทศไทยจึงถูกประกาศชื่อเป็นหนึ่งในแกนหลักของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และมีบุคคลสำคัญของสหรัฐและพันธมิตรของสหรัฐเดินทางเข้ามาในประเทศไทยบ่อยครั้งจนหัวบันไดแทบไม่แห้ง แม้กระนั้นก็ไม่มีการเปิดเผยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะทุกคนรู้ดีว่าข้อหาทรยศชาติ ขายชาตินั้นเป็นอนันตริยกรรมไม่เพียงแต่ตัวเอง แต่จะครอบคลุมไปถึงครอบครัวและวงศ์ตระกูลด้วย ดังนั้น จึงยังมีความเกรงชั่วกลัวบาปไม่กล้ายอมรับ
แต่ในที่สุดร่องรอยและความจริงก็ถูกเปิดเผยออกมาจนได้ นั่นคือการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้ตั้งนายทหารประสานงานระหว่างประเทศไทยกับผู้บัญชาการกองกำลังอินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐ
มฤตยูกำลังโผล่พ้นจากคุ้งน้ำให้เห็นรำไรแล้ว คนไทยจะต้องติดตามจับตาดูกันต่อไปและจะต้องร่วมกันตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร คือจะรักษาความเป็นกลางของประเทศไทยไว้ หรือจะเอาประเทศไทยไปเป็นอาณัติหรือเป็นประเทศราชของนาโต 2 ความจริงจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นทุกวัน เพราะกรรมนั้นเป็นเครื่องส่อเจตนา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี