ภาคใต้ คือ พื้นที่หมายตาของพรรคภูมิใจไทย ด้วยภาวะที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังอ่อนแอ อ่อนความนิยม และพรรคภูมิใจไทยแข็งแกร่งทั้งกระสุนและความทะยานอยาก!
กระนั้นก็ตาม “หัวรบ” ที่เป็น “หัวกระสุน” ของภูมิใจไทย ใช่ว่าจะไร้ตำหนิ คนหนึ่งมีปัญหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จและมีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกัน แต่ยังโชว์ตัวหราอยู่บนป้าย อีกคนก็คล้ายๆ จะเป็นคนจำพวก “โอษฐภัย”
1) นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.กระบี่ และ จ.พังงา ในวันที่ 13 ส.ค. ว่า ในส่วนของจ.กระบี่
พรรคภูมิใจไทยส่งผู้สมัครลง 3 เขต ก็ตั้งเป้าไว้ทั้ง 3 เขต โดยคัดบุคคลที่มีประวัติดีเข้าถึงประชาชน วันนี้มั่นใจ 90% และมั่นใจว่าภูมิใจไทยจะเป็นพรรคแลนด์สไลด์ สส.กลุ่มจังหวัด 6 จังหวัด คือ จ.กระบี่ พังงา ระนอง สตูล ตรัง และภูเก็ตซึ่งขณะนี้เรามีสส. 4 คน คือ กระบี่ 2 คนระนอง 1 คน และสตูล 1 คน ซึ่งนี้ชาวพังงา เรียกร้องว่าต้องการมีสส.แบบ จ.ระนองและจ.กระบี่ เราจะแลนด์สไลด์ด้วยผลงาน
“ประชาชนให้โอกาสพรรคเก่ามา 30 ปี เขาไม่มีความคาดหวังกับพรรคการเมืองเดิมเลย ไม่มีผลงาน ได้ฟังแต่นิทาน ทั้งนี้ ในส่วนของฝั่งอันดามัน เราตั้งเป้าไว้ 11 ที่นั่ง คือ กระบี่ 3 คน ระนอง 1 คน พังงา 2 คน ภูเก็ต 2 คน สตูล 2 คน ตรัง 1 คน” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะกวาดเก้าอี้สส.ภาคใต้ 35-40 ที่นั่ง นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า จะไปกวาดได้อย่างไร เพราะแค่บ้านเกิดของตัวเองจ.พังงา 2 ที่นั่ง ยังไม่รับผิดชอบ แต่มอบหมายให้คนอื่นดูแล
2) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้ว่า นายสฤษฏ์พงษ์ รู้อยู่เต็มอก เห็นอยู่เต็มตา ได้ยินอยู่เต็มสองหู ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีผลงานที่ทำเพื่อประชาชนรวมถึงคนภาคใต้มาโดยตลอด โดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้ ที่วันนี้ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า แต่เลือกที่จะกล่าวหาบิดเบือน เพียงเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้พรรคตัวเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าตำหนิและเป็นนิสัยของคนขี้แพ้ที่กลัวตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง
นางดรุณวรรณ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายสฤษฏ์พงษ์ พาดพิงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค เรื่องการบริหารจัดการของพรรคนั้น เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ผิดมารยาททางการเมืองถือเป็นเรื่องภายในของพรรค จึงอยากให้นายอนุทินชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นผู้ใหญ่ของพรรคได้สั่งสอนมารยาททางการเมืองให้กับลูกพรรคบ้าง
“พรรคยังมั่นใจว่าพรรคยังเป็นความหวังให้กับพี่น้องชาวใต้ และมีความมั่นคงในอุดมการณ์มาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน นายสฤษฏ์พงษ์ ไม่ต้องเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์และนายจุรินทร์ เพราะนายจุรินทร์ เติบโตมากับพรรค ซึมซับอุดมการณ์ที่มั่นคง ไม่ได้ย้ายพรรคไปเรื่อยๆ แบบคนไม่มีอุดมการณ์ ที่หวังแต่จะคว้าชัยชนะ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะแลนด์สไลด์หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และหากมั่นใจในคะแนนนิยมจริง หวังว่าการลงพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทยจะได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนอย่างเนืองแน่น และไม่มีการเกณฑ์ อสม.มารอต้อนรับ” นางดรุณวรรณ กล่าว
3) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุอย่าด้อยค่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่มี เราไม่เคยด้อยค่าใครอยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ถูกกระทำมาโดยตลอด เราไม่เคยไปฟ้องร้องหรือทำอะไร หรือให้ร้ายกับคู่แข่งเลย มีแต่เราถูกคู่แข่งให้ร้ายว่ากล่าว และถูกฟ้องร้องตกเป็นจำเลยด้วยซ้ำ มาวันนี้ยังถูกกล่าวหาว่าขน อสม. มา ทั้งที่ไม่มีความจริงแม้แต่น้อยเรามาทำงาน มาเสนอนโยบาย ให้กับประเทศชาติ ไม่เคยไปท้าตีท้าต่อยกับใครอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าฝั่งอันดามันจะแลนด์สไลด์ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะว่าเราทำงาน มีนโยบายที่ดี และผู้สมัครเข้าใจนโยบายของเรา และอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา แข่งกันทำความดี แล้วชาวบ้านจะเป็นคนเลือกเอง เมื่อถามว่า รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าให้หัวหน้าพรรคสั่งสอนลูกพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า ตนสั่งสอนทุกวันให้ดูแลประชาชน ให้ทำความดี ให้ทุ่มเทเสียสละ ให้ทุ่มชีวิตให้กับประชาชน เหมือนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
4) น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่เปิดตัวผู้สมัครสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่า เป็นธรรมชาติของการเมือง ที่ใกล้ถึงวันเลือกตั้งแต่ละพรรคก็ต้องเร่งเปิดตัวผู้สมัคร ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมต่อสู้ในสนามนี้ ทั้งตน นายสาคร เกี่ยวข้อง และนายธนวัช ภูเก้าล้วน ไม่รู้สึกหนักใจกับคำประกาศของนายอนุทิน ที่ระบุ จะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง หากเลือกพรรคภูมิใจไทยยกจังหวัด
“การแข่งขันในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประชาชน ทำให้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้น ขอแค่อย่างเดียวให้ทุกคนเล่นตามกติกา อยู่บนหลักการ ไม่ใช้เกมใต้ดิน หรือพายุเงิน ซัดสส.เข้าสังกัด แต่ละพรรคมีสิทธิวางเป้าหมาย และทุกคนที่ลงสมัครสส.ต่างก็มีความหวังจะได้รับเลือกจากประชาชนทั้งสิ้น ผู้สมัครสส.กระบี่ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน รวมถึงดิฉัน ขอสู้ด้วยการทำงานหนักเพื่อประชาชน ไม่มีการใช้ราชการมาสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้ตัวเอง ให้ข้อมูลจริง ไม่มีการบิดเบือน หลอกเอาโครงการที่ยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณไปวางศิลาฤกษ์ ประชาธิปัตย์เรายืนหยัดในพื้นที่ภาคใต้ด้วยความจริงใจ มุ่งมั่นพัฒนาบ้านเกิด บนหลักการที่ถูกต้อง ชอบธรรม เรารู้ดีว่าการสู้กับอำนาจเงินเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่เราเชื่อมั่นในประชาชน” น.ส.พิมพ์รพี กล่าว
5) พึงทราบว่า นายชวน ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ คหบดีชื่อดังการเมืองสายประชาธิปัตย์ มอบอำนาจให้ นายเชาว์ มีขวด เป็นทนายความ ฟ้องกราวรูดทั้งแพ่ง-อาญา กับนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย
โดยนายเชาว์ ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากตระกูลภูเก้าล้วน เปิดเผยว่าคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2565 นายสฤษฏ์พงษ์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คและยูทิวบ์ของตัวเอง 2 ครั้ง ว่า ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาอุปสรรคในการจัดบริการสาธารณะ กิจกรรมสาธารณะและหาแนวทางในการแก้ไขเรื่องการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาแหล่งน้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร ร่วมประชุม ติดตามรับฟังปัญหาข้อเท็จจริง กรณีเทศบาลเมืองกระบี่(นายกคนเก่า) นำที่ดินวัดแก้วโกรวาราม มาขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงท้องถิ่น จำนวน 15 สาย โดยทางคณะกรรมการวัดแก้วโกรวารามไม่ได้ทราบเรื่อง หลังจากนั้นต่อเนื่องกันได้นำคลิปวีดีโอบทสนทนาระหว่างตนเองกับพระครูอัครรัตนากร (บุญเลิศธมฺมรกฺโข เจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม จังหวัดกระบี่) โพสต์ลงในเฟซบุ๊คอีกครั้งว่า “เจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวารามพระอารามหลวงจังหวัดกระบี่ตกใจ!! หลังทราบว่าที่ดินวัดถูกยกให้เป็นทางหลวงท้องถิ่นถึง 15 สาย เมื่อกมธ.ฯ ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องสัญญาวัดที่ให้เอกชนเช่าที่ดินในราคาถูกสัญญายาวมาก และเอื้อประโยชน์แก่นายทุนหรือไม่? พร้อมกับนำคลิปดังกล่าวโพสต์ลงยูทิวบ์ (You Tube) ว่า “เจ้าอาวาสวัดแก้วโกรวาราม จ.กระบี่ ตกใจ! ที่ดินวัดถูกยกเป็นทางหลวงท้องถิ่นโดยทางวัดไม่ทราบเรื่อง”
นายเชาว์ ระบุว่า ข้อความและคลิปสนทนาดังกล่าวแม้จะไม่ระบุชื่อบุคคลโดยตรง แต่เมื่อนำมาเชื่อมต่อกัน สาธารณชนทั่วไปโดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดกระบี่ผู้ได้อ่านข้อความหรือฟังบทสนทนา จากคลิปวีดีโอดังกล่าวย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า หมายถึงบริษัทศรีผ่อง พาณิชย์ จำกัดนายชวน ภูเก้าล้วน และนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน ซึ่งทั้งสองคนเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่มาอย่างยาวนานและเป็นผู้เช่าที่ดินวัดแก้วโกรวารามจำนวน 47 ไร่ นำมาพัฒนาสร้างอาคารพาณิชย์ 600 กว่าคูหา และยกที่ดินในส่วนที่เป็นถนน 15 สายซึ่งอยู่ในพื้นที่เช่าให้ตกเป็นของทางหลวงท้องถิ่นโดยที่เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดไม่ทราบเรื่อง และตั้งคำถามชี้นำให้เข้าใจว่าวัดให้เช่าที่ดินในราคาถูกสัญญายาวมาก ใช้งบประมาณของเทศบาลเมืองกระบี่มาทำถนนให้บริษัทเอกชน เอื้อประโยชน์แก่นายทุนหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะความจริงแล้วถนนทั้ง 15 สายยังเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดแก้วโกรวารามเพียงแต่วัดได้ให้เทศบาลเมืองกระบี่เข้ามาดูแลเรื่องการรักษาความสะอาดและการบริการสาธารณะ เช่น ไฟฟ้า ประปา และการระบายน้ำ โดยเจ้าอาวาสและกรรมการวัดก็ทราบเรื่องโดยเฉพาะนายสฤษฏ์พงษ์เอง ซึ่งดำรงตำแหน่งทางการเมืองในจังหวัดกระบี่มายาวนานทราบดีว่าถนน 15 สาย คือถนนมหาราช เป็นถนนขนาดใหญ่ อยู่ใจกลางเมืองกระบี่ เทศบาลเมืองกระบี่เป็นผู้ดูแลเรื่องสาธารณูปโภคมานานร่วม 40 ปีแล้ว และถนนทั้ง 15 สาย เป็นที่ธรณีสงฆ์ไม่สามารถโอนหรือยกกรรมสิทธิ์ให้กันได้
ยิ่งไปกว่านั้นนายสฤษฏ์พงษ์ ทราบดีว่าการที่เทศบาลเข้ามาดูแลจัดการด้านสาธารณูปโภคถนนทั้ง 15 สาย ย่อมเป็นผลประโยชน์กับวัด เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาถนนทั้ง 15 สาย ซึ่งเป็นส่วนควบของอาคารพาณิชย์กว่า 600 ยูนิต ที่วัดนำออกให้เช่าหารายได้มาทำนุบำรุงวัด ไม่ได้ทำให้วัดเสียกรรมสิทธิ์หรือเสียหายใด ๆ แต่นายสฤษฏ์พงษ์กลับเจตนาจงใจใส่ร้ายทำลาย บริษัทศรีผ่อง นายชวน ภูเก้าล้วน นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่า เป็นคนไม่ดีหากินกับผลประโยชน์ของวัด ฮุบที่ดินวัดยกให้เทศบาลทำถนนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนเอง ทำให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังทั้งในฐานะส่วนตัว วงศ์ตระกูล ธุรกิจการค้าพาณิชย์ และเสียคะแนนนิยมทางการเมือง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่านายสฤษฏ์พงษ์กับตระกูลภูเก้าล้วนเป็นคู่แข่งทางการเมืองต่างสังกัดทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นกับทีมของนายสฤษฏ์พงษ์มาตลอด อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเป็นฐานความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย
“วันนี้ผมมาตามคำสั่งศาล ทราบว่าศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้วและกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. ซึ่งนอกจากฟ้องที่ศาลอาญาแล้วยังมีฟ้องคดีแพ่งที่ศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกร้อยกว่าล้านบาทด้วย นอกจากนี้ยังยื่น ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะสส.และกรรมาธิการฯของนายสฤษฏ์พงษ์ว่า เข้าข่ายผิดบทบัญญัติกฎหมายใดหรือไม่อีกช่องทางหนึ่ง รวมทั้งผมได้รับมอบหมายให้ติดตามคดีค้างเก่าที่นายสฤษฏ์พงษ์ถูกร้องเรียน อยู่ในมือ ป.ป.ช. อีกหลายเรื่อง แต่ละคดีพยานหลักฐานแน่นหนาคิดว่าน่าจะรอดยาก”นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย
บนความเป็นคนปากไว บนความคะนองกับกระแสพรรค และด้วยเครื่องล่ออย่างเก้าอี้รัฐมนตรี ที่หัวหน้าพรรคใช้เป็น “ยากระตุ้น” ไม่รู้เหมือนกันว่า สฤษฏ์พงษ์จะหยุดอยู่แค่นี้ หรือเปิดศึกกับขั้วตรงข้ามต่อไป!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี