ฟุตบอลโลกในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การแข่งขันกีฬา
แต่มันคือมหกรรมกีฬาระดับโลก ที่เป็นอีเว้นท์ในทางเศรษฐกิจขนาดมหึมา
ไม่ใช่แค่ประเทศที่เข้าร่วมแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่านั้นที่สนใจ แต่แฟนกีฬาฟุตบอลทุกประเทศทั่วโลกล้วนให้ความสนใจ 4 ปีมีครั้ง ติดตามชม ตามเชียร์ ตามดูว่านักตะคนไหนจะแจ้งเกิดในทัวร์นาเม้นท์นี้
ช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ทุกประเทศก็จะมีการจัดอีเว้นท์ธุรกิจ ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลโลกกันคึกคัก โดยเฉพาะธุรกิจบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ตลาด ฯลฯ
มันคือคอนเทนต์กระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยนั่นเอง
โดยฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จะเปิดฉากในวันที่ 20 พ.ย.2565
1. ส่วนประเทศเจ้าภาพอย่างกาตาร์ ประเมินกันว่า ใช้เงินจัดมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ราว 7.4 ล้านล้านบาท
ลงทุนสร้างสนามมากมาย มาตรฐานโลก
ตอนนี้ ถึงกับขาดแคลนโรงแรม ห้องพัก สำหรับแฟนบอล คาดว่าจะมีกองเชียร์เดินทางไปดูบอลโลกกว่า 1 ล้านคน
กาตาร์ต้องเร่งสร้างโรงแรมคอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับแฟนบอล นักท่องเที่ยว และแจ้งประชาชนที่มีบ้านว่างให้ปล่อยเช่าช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก แต่ราคาพุ่งกระฉูดมาก อาทิ โรงแรมคอนเทนเนอร์เริ่มต้น USD 207 (7,700 บ.) หรือแบบกางเต็นท์คล้ายบ้านส่วนตัว USD 423 (15,790 บ.) โดยมีข้อจำกัดในการพัก ห้ามดื่มสุราของมึนเมา มี รปภ. เฝ้า และติดกล้องทุกมุม
ปัจจุบัน จึงมีการเช่าเรือสำราญ มาบริการ เพราะสามารถกินดื่มได้บนเรือ นอกเขตกฎหมายกาตาร์ (แต่แพงมาก)
ประเทศข้างเคียงได้อานิสงส์ด้วย เช่น ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้วค่อยเดินทางมาดูบอลโดยเครื่องบินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
2. ค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก มีราคาค่างวดแพงขึ้นทุกปี ตามมูลค่าทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง
สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ประเด็นการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในประเทศไทย กำลังเป็นที่สนใจ
มีรายงานว่า เอเย่นต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประจำภูมิภาคอาเซียน ได้เรียกค่าลิขสิทธิ์เข้ามาทั้งหมดเต็มแพ็กเกจเป็นเงิน 38 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,440,200,000 บาท (ตัวเลขอัตราค่าเงิน ณ วันที่ 7 พ.ย.)
ตัวเลขดังกล่าว เป็นตัวเลขเฉพาะค่าลิขสิทธิ์อย่างเดียว ไม่มีค่าบริหารจัดการอื่นๆ
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประชุมซูมร่วมกับเอเย่นต์ของฟีฟ่าเพื่อเจรจาต่อรองค่าลิขสิทธิ์ลง
ล่าสุด ฟีฟ่ายอมลดค่าลิขสิทธิ์ให้ประเทศไทย เป็นเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อสรุปเบื้องต้นสำหรับประเทศไทย ทางฟีฟ่าจะขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 จำนวน 64 แมทช์ เป็นเงิน 36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,364,400,000 บาท (ตัวเลขอัตราค่าเงิน ณ วันที่ 7 พ.ย.) ยังไม่รวมค่าภาษี และค่าโอนเงินระหว่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง
3. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 9 พ.ย.นี้ จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมแน่นอน โดย กกท. ขอใช้เงินกองทุน กทปส.เข้าไปอุดหนุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
“เรื่องของตัวเลขที่เห็น คือ 36 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมีค่าภาษี, ค่าแปลงเงินต่างประเทศรวมแล้วก็ตกประมาณ 42 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,591,800,000 บาท (ตัวเลขอัตราค่าเงิน ณ วันที่ 7 พ.ย.) ด้วยกัน...
...ถ้าหากบอร์ด กสทช. ให้การอนุมัติเงิน เงินที่นำมาใช้จะเป็นเงินที่ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งจะต้องแบ่งรายได้จากการประกอบการเข้ากองทุนทุกปีอยู่แล้ว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้ใช้เงินภาษีจากประชาชนแต่อย่างใด...ก็ไม่รู้ว่าต่างชาติที่ซื้อ ได้ซื้อในแพ็กเกจแบบไหน ซื้อครบทุกนัดถ่ายทอดสดทุกช่องทางแบบประเทศไทยหรือไม่ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าของไทยแพงไปหรือไม่ รวมถึงประเทศไทยอาจจะเข้าไปติดต่อขอซื้อช้า ฟุตบอลจะเริ่มอีกไม่กี่วันแล้ว ผู้ขายอาจจะบังคับเราให้ซื้อครบทุกนัดก็ได้ หรืออาจจะเพราะเราซื้อช้าและจำเป็นต้องซื้อ เลยทำให้ต่อรองราคาไม่ได้ด้วยหรือไม่ ก็เป็นปัญหาที่จะต้องนำมาพูดคุยแก้ไขกันในครั้งต่อไป.... หลังจบฟุตบอลโลกก็คงจะต้องมีการพูดคุยกัน อาจจะต้องปรับกฎ Must Have และ Must Carry ให้มันเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะตอนที่กฎออกมาช่องทางมันยังไม่เยอะขนาดนี้ ตอนนั้นมีเพียงความหวังดีที่อยากให้คนไทยได้ดูครบทุกช่องทางเท่านั้น แต่ตอนนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนไป กฎมันทำให้การทำงานของเอกชนทำได้ยาก ดังนั้นคงจะเข้าไปขอเสนอแก้ไขปรับให้เข้ากับสถานการณ์...” นายไตรรัตน์กล่าว
4. หากเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ได้สำเร็จ แน่นอนว่า คนไทยจะต้องได้ดูฟรีตามกฏ “มัสต์แฮฟ” (Must Have) ที่ กสทช.ออกกฎดังกล่าวมาใช้บังคับ
โดยกฎ “มัสต์แฮฟ” (Must Have) ระบุว่า 7 มหกรรมกีฬาที่คนไทยต้องดูฟรี ประกอบด้วย ซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, พาราลิมปิกเกมส์ และฟุตบอลโลก
นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เอกชนที่จะไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ในไทยคิดหนัก เพราะซื้อมา ก็จะต้องนำมาถ่ายทอดสดออกฟรีทีวี ต้องให้คนไทยได้ดูฟรี เป็นเงื่อนไขสำคัญ
ก่อนนี้ ฟุตบอลโลก 2018 เอกชน 9 รายลงขัน ซื้อลิขสิทธิ์ 1,141 ล้านบาท
ฟุตบอลโลก 2014 อาร์เอสฯไม่ได้เปิดเผยราคาลิขสิทธิ์ แต่ตอนนั้น กสทช.ใช้เงินกองทุน กทปส. 427 ล้านบาท ชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับอาร์เอสด้วย เพื่อถ่ายออกฟรีทีวี
ครั้งนี้ ถ้าขยับแพงขึ้นกว่าเดิม ก็ไม่น่าแปลกใจ
5. ค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 แต่ละประเทศไม่เท่ากัน และคนดูในแต่ละประเทศ จะได้ดูฟรี หรือจ่ายค่าดู ก็แตกต่างกันไป ตามแต่กฎ กติกา และข้อตกลงทางธุรกิจของแต่ละประเทศ
ยกตัวอย่าง ข้อมูลจากตารางข้างบนนี้ จากเพจคุยเฟื่องเรื่องเวียดนาม ระบุว่า อินโดนีเซียจ่าย 38 ล้านยูโร, ฟิลิปปินส์จ่าย 34 ล้านยูโร, เวียดนามจ่าย14 ล้านยูโร ฯลฯ เป็นต้น (ราคาจริงๆ ของแต่ละประเทศยากที่จะยืนยัน)
เทียบกับไทยเรา 36 ล้านเหรียญสหรัฐ (ค่าเงินยูโรกับดอลลาร์เกือบพอๆ กันปัจจุบัน) หรือประมาณ 1,364 ล้านบาท
นับว่า สูงเป็นอันดับสองของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย
ซึ่งจะต้องเทียบจำนวนประชากร จำนวนคนดู มูลค่าทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จึงจะบอกได้ว่าใครแพงกว่าใคร ใครคุ้มกว่าใคร
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี