เมื่อวานนี้ (30 มี.ค. 2566) ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษาหนึ่งในคดีเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
สังคมหันมาสนใจว่า จะเดินหน้าต่อไปได้เมื่อไหร่? อย่างไร?
1. เมื่อวานนี้ เป็นคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ อ.1455/2565 กรณียกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งแรก
คดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนมติที่เห็นชอบให้ยกเลิกการประมูลครั้งแรก
ศาลปกครองสูงสุด ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น และพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ชี้ว่า การยกเลิกมิได้เป็นไปโดยอำเภอใจ ไม่เป็นการเอื้อต่อเอกชนรายใดเป็นการเฉพาะ
เป็นการกระทำโดยสุจริต ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ และเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย
2. ปมวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด บางประการที่น่าสนใจ อาทิ
การพิจารณาและวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้อาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องหรือไม่?
เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองต้องการดำเนินการคัดเลือกเอกชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากหากการดำเนินการของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในส่วนตะวันตกนี้ล่าช้าออกไป นอกจากมีผลกระทบต่อผลตอบแทนด้านการเงินของโครงการส่วนตะวันตกแล้ว ยังจะมีผลทำให้การเปิดบริการส่วนตะวันออกต้องล่าช้าออกไปอีกด้วย อันจะทำให้มีค่าใช้จ่าย Care of Work ของงานโยธาส่วนตะวันออกตลอดเวลาจนกว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในส่วนตะวันตกจะดำเนินการแล้วเสร็จ และเมื่อมีการคาดการณ์ว่า เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เปิดให้บริการทั้งเส้นทางจะมีผู้โดยสารประมาณ 439,736 คน/เที่ยว/วัน ดังนั้น การเปิดให้บริการล่าช้าจะเป็นเหตุให้สิทธิและประโยชน์ของผู้รับบริการจากโครงการตามจำนวนดังกล่าวสูญเสียไป ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการ
กรณีนี้จึงถือได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้ใช้ข้อเท็จจริงที่เป็นฐานในการยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนและยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ ดังกล่าว เป็นไปตามรายละเอียดข้อเท็จจริงของโครงการดังกล่าวแล้ว กรณีจึงถือว่าการพิจารณาและวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้อาศัยข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้ว
การพิจารณาวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองขัดต่อหลักความเสมอภาคหรือไม่?
เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงคดีนี้ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนและยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ ดังกล่าว โดยยังไม่ได้ดำเนินการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนรายใดก่อน
กรณีจึงไม่อาจจะถือได้ว่าการยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนและยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ ดังกล่าวเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ ดังนั้น การพิจารณาวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง จึงไม่ขัดต่อหลักความเสมอภาคแต่อย่างใด
3. เมื่อการยกเลิกการประมูลครั้งแรก เป็นไปโดยชอบ
ต่อไป ก็ต้องติดตามว่า การประมูลครั้งที่สอง ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลจากครั้งแรก เป็นไปโดยชอบหรือไม่? เอื้อประโยชน์แก่เอกชนรายหนึ่งรายใดหรือไม่?
ซึ่งก็คือ ประเด็นในคดีอีกคดีหนึ่ง ที่ยังอยู่ในชั้นศาลปกครองนั่นเอง
4. โดยสรุป คดีรถไฟฟ้าสายสีส้มในศาลปกครอง 3 คดี ดังนี้
คดีแรก กรณีเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 ศาลปกครองกลางพิพากษาว่าการเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลครั้งที่ 1 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
คดีที่สอง กรณียกเลิกการประมูลครั้งที่ 1
คือ คดีที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาล่าสุด ว่าการยกเลิกชอบแล้ว
คดีที่สาม กรณีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายในการประมูลครั้งที่ 2 หรือไม่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
5. จะเห็นได้ว่า คดีสำคัญ คือ คดีที่สาม ยังไม่มีคำตัดสินออกมา
เป็นคดีสำคัญ เพราะการประมูลครั้งที่ 2 นี่เอง ที่ รฟม.กำผลการประมูล รอจะเสนอรัฐมนตรีคมนาคมให้นำเรื่องเข้า ครม. ต่อไป
6. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยสรุปประเด็นเกี่ยวกับการประมูลครั้งที่ 2 ไว้น่าสนใจ
(1) ผู้ยื่นประมูลจะต้องประกอบด้วยผู้เดินรถไฟฟ้าและผู้รับเหมา
ในการประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น การทำเช่นนี้เป็นการกีดกันและเอื้อประโยชน์
เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ?
คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าที่ลดลง เช่น ไม่ต้องมีผลงานการเดินรถในไทย และไม่ต้องมีผลงานจัดหาหรือผลิตระบบรถไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง เป็นต้นซึ่งในการประมูลครั้งที่ 1 กำหนดให้ต้องมีผลงานดังกล่าว อีกทั้งการประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองของ รฟม. ก็ต้องมีผลงานดังกล่าวเช่นเดียวกัน
คุณสมบัติของผู้รับเหมาที่เพิ่มขึ้น เช่น ผู้รับเหมาต้องมีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย และต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ เป็นต้น ซึ่งการประมูลครั้งที่ 1 ไม่ได้กำหนดให้มีผลงานกับหน่วยงานของรัฐบาลไทยและไม่ต้องเป็นผลงานที่แล้วเสร็จ
หาก รฟม. ไม่ลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง จะทำให้ Incheon Transit Corporation หรือ ITC ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลีใต้ไม่สามารถร่วมยื่นประมูลกับ ITD ได้ และหาก รฟม. ไม่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จะทำให้ BTSC ร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ที่เคยยื่นประมูลครั้งที่ 1 จะสามารถยื่นประมูลครั้งที่ 2 ได้ด้วย
(2) การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูล
ครั้งที่ 1 หรือไม่ ?
การเปิดโอกาสให้ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดูเหมือนว่าเป็นการเปิดกว้างการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริง
ผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศจะต้องยื่นประมูลร่วมกับผู้รับเหมา ซึ่งผู้รับเหมาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในโลกนี้มีเพียง 2 รายเท่านั้น และทั้ง 2 ราย เป็นผู้รับเหมาไทย อันเป็นผลมาจากการเพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีผู้เดินรถไฟฟ้าต่างประเทศเข้าร่วมประมูลแค่เพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นคือ ITC จากเกาหลีใต้ โดยประมูลร่วมกับ ITD ซึ่งเป็นผู้รับเหมา 1 ใน 2 รายที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
ดังนั้น การลดคุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าลง แต่เพิ่มคุณสมบัติของผู้รับเหมาขึ้น จึงไม่เป็นการเปิดกว้างการแข่งขันมากกว่าการประมูลครั้งที่ 1 แต่อย่างใด
(3) การประมูลครั้งที่ 2 รฟม. ให้ผู้รับเหมาเป็นผู้นำกลุ่มผู้ยื่นประมูลได้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ?
การยอมให้ผู้รับเหมาสามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ทำให้ ITD สามารถเป็นผู้นำกลุ่ม ITD Group ซึ่งประกอบด้วย ITD และ ITC ได้
หากผู้รับเหมาไม่สามารถเป็นผู้นำกลุ่มได้ ผู้เดินรถไฟฟ้าจะต้องเป็นผู้นำกลุ่มเหมือนกับการประมูลครั้งที่ 1 ถามว่า ITC ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างประเทศ จะเป็นผู้นำกลุ่มได้หรือ ?
ในทางที่ถูกต้อง ผู้นำกลุ่มควรเป็นผู้เดินรถไฟฟ้า เนื่องจากเขาจะต้องรับผิดชอบการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้ารวมทั้งซ่อมบำรุงรักษารถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดทั้งสายเป็นเวลาถึง 30 ปี ไม่ใช่ผู้รับเหมาที่ทำการ
ก่อสร้างสายสีส้มตะวันตกเพียง 6 ปี
ขณะนี้ คดีกีดกันและเอื้อประโยชน์เอกชนบางราย อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
สังคมคงต้องการเห็นความชัดเจนในการพิจารณาประเด็นเหล่านี้ซึ่งล้วนแต่เป็นเงื่อนปมสำคัญ ก่อนที่ฝ่ายบริหาร จะพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี